ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 301 สภาพการณ์ของประเทศที่ต่างกัน
หลังจากที่เบิร์ดมาถึง และเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขึ้นไปบนเครื่องบิน
ฉินสือโอวพูดกับเขาว่า “ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ นายทหาร พักผ่อนก่อนเถอะ”
เบิร์ดพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ขอบคุณครับ เซอร์ ผมไม่เหนื่อยครับ ผมต้องพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่า นีลเซ็นแนะนำคนไม่ผิด ผมสามารถควบคุมได้ทั้งเครื่องบินที่ใช้ในการเกษตรและเฮลิคอปเตอร์ปีกหมุนเดี่ยวขนาดเล็ก ขอให้ท่านวางใจเถอะครับ”
ฉินสือโอวแผ่มือออก ไมคอฟยิ้มออกมาแล้วขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ AC-310 เครื่องบิน AT-802C จอดอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาตินครเซนต์จอห์นชั่วคราว เนื่องจากที่ฟาร์มปลาไม่มีรันเวย์ที่เหมาะสม ทุกครั้งที่จะขับเครื่องบินแทรกเตอร์ จะต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปที่สนามบินก่อน
เบิร์ดขึ้นมาบนเฮลิคอปเตอร์ เขาถามไมคอฟถึงระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ก่อนเป็นอย่างแรก หลังจากทำความเข้าใจการใช้งานของแต่ละปุ่มแล้ว เขาก็ติดเครื่องพาเฮลิคอปเตอร์ AC-310 ขึ้นบินทันที
เหมือนนกฮัมมิงเบิร์ดขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง เฮลิคอปเตอร์ AC-310 บินขึ้นอย่างมั่นคงและปลอดภัยภายใต้การควบคุมของเบิร์ด เขาบินวนบนท้องฟ้าที่ฟาร์มปลาหนึ่งรอบ จากนั้นจึงบินมุ่งหน้าไปยังนครเซนต์จอห์น
“ฝีมือไม่เลว” ฉินสือโอวพูดกับนีลเซ็น
นีลเซ็นพูดพร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม “นี่เหมือนขี่ช้างตั๊กแตนจับเลยล่ะ บอส ตั้งแต่แรกบิ๊กเบิร์ดก็เกณฑ์เข้าไปอยู่ในกองนาวิกโยธินของอเมริกาแล้ว จากนั้นก็เข้าไปอยู่ในหน่วยเดลตาฟอร์ซ สุดท้ายก็กลายมาเป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือพิเศษที่ถูกส่งตัวมาเป็นครูฝึกให้กับหน่วยของพวกเรา เขาขับเครื่องบินรบเอฟ-18 ซูเปอร์ฮอร์เน็ทกับเฮลิคอปเตอร์โจมตีเอเอช-64 อาปาเช่ได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเครื่องบินลำเล็กๆ พวกนี้เลย”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ตัวเครื่องขนาดมหึมาของเครื่องบิน AT-802C ก็ปรากฏสู่ทัศนวิสัยของฉินสือโอว หลังจากไถลลงบนพื้นผิวทะเลได้ไม่กี่กิโลเมตร มันก็บินขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นอิสระ
ฉินสือโอวใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อสังเกตการณ์ เบิร์ดกำลังขับเครื่องบินอยู่ ส่วนไมคอฟนั่งอยู่ข้างๆ บนที่นั่งนักบินข้างๆ
เครื่องบินเพื่อการเกษตรโดยทั่วไปจะไม่มีที่นั่งข้างนักบิน ไม่มีความจำเป็นที่จะสิ้นเปลืองพื้นที่ว่างแบบนั้น แต่เครื่องบิน AT-802C มีที่นั่งพวกนี้ ก็เพราะมันมีส่วนที่เชื่อมโยงกับเครื่องบินรบ บนเครื่องบินมีแม้กระทั่งการติดตั้งแท่นวางปืนกล และแท่นวางปืนใหญ่
การสำรวจสิ้นสุดลงแล้ว เฮลิคอปเตอร์ก็บินกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่บินค้างอยู่บนท้องฟ้าครู่หนึ่ง มันก็ค่อยๆ ลดระดับลงมา
ไมคอฟลงมาจากเฮลิคอปเตอร์แล้วก็เอ่ยชมเบิร์ดอย่างไม่ขาดปาก “ฝีมือของเขายอดเยี่ยมมาก พระเจ้า สมกับชื่อบิ๊กเบิร์ดของเขาจริงๆ ผมว่าบริษัทของผมพลาดนักบินขั้นสุดยอดไปแล้วล่ะ”
ฉินสือโอวยื่นสัญญาให้กับเบิร์ด แล้วพูดกับเขาว่า “ค่าจ้าง 2,400 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ เพิ่มจากเงินเดือนที่สกายซิตี้ให้นายมายี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่ใช่ฤดูจับปลา ในหนึ่งเดือนจะมีวันหยุดหกวัน สามารถสะสมวันหยุดได้”
เบิร์ดรับสัญญามาโดยที่ไม่ได้อ่าน เขาหยิบปากกามาเขียนชื่อของตัวเองลงไปทันที
ฉินสือโอวลองอ่านดู เขาอ่านไม่ออกไม่รู้ว่าเขียนอะไรไว้บ้าง
เบิร์ดมาถึงได้วันที่สอง เด็กๆ ก็เปิดเทอม การปิดเทอมฤดูร้อนที่สวยงามสิ้นสุดลงแล้ว วันที่ 10 เดือนกันยายน ตรงกับวันครูของประเทศจีนพอดี
เมื่อเปิดเรียนวันแรก โดยทั่วไปแล้วผู้ปกครองจะไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียน พาวลิสอยากจะขับซีบิสกิตสุดที่รักของเขาแต่วินนี่ไม่อนุมัติ “ก่อนนายจะอายุสิบหกปี อย่าคิดว่าจะได้ขับรถออกไปยังที่สาธารณะเลย”
ฉินสือโอวกับวินนี่ขับรถไปส่งพวกเขาที่โรงเรียน แต่ปรากฏว่าขณะที่กำลังจะสตาร์ทรถก็มีสายจากพ่อของเขาโทรเข้ามาเสียก่อน
เขารับโทรศัพท์ด้วยความประหลาดใจ พ่อถามถึงสุขภาพของเขาบ้างเล็กน้อยจากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุย แล้วถามเขาอย่างระวังคำพูดว่า “ลูกชาย ตอนนี้แกอยู่ที่แคนาดา จริงๆ แล้วแกทำงานอะไรกันแน่?”
“เลี้ยงปลาไง ทำไมเหรอครับ?”
“เอ่อ เลี้ยงปลาที่แคนาดาได้เงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? ฉันฟังข่าวมา แกมีเงินตั้งหลายสิบล้านเลย เอ่อ แกไม่ได้ค้ายาอยู่ที่นั่นอะไรแบบนั้นใช่ไหม?”
ฉินสือโอวถึงกับหน้ามืด เขาตอบกลับไปว่า “จะเป็นไปได้ยังไงล่ะพ่อ ถ้าผมค้ายาตอนนี้พ่อจะยังโทรมาหาผมได้เหรอ? ผมเลี้ยงปลาจริงๆ แค่ช่วงก่อนหน้านี้ได้เงินมาจากการขายวัตถุโบราณ พ่อกับแม่ทำใจให้สบายก็พอ”
“โอ๊ย ยังไงที่บ้านก็ไม่ขอให้แกร่ำรวยอะไรขนาดนั้นหรอก แค่กินอิ่มนอนหลับมีเงินแต่งเมียก็พอแล้ว เอ่อ พ่อจะบอกแกให้ แกต้องเดินในเส้นทางที่ถูกต้องนะ พวกเราจะทำเรื่องผิดกฎหมายไม่ได้…”
พอพ่อพูดจบแม่ของเขาก็พูดต่อ แม่ด่าพ่อก่อนหนึ่งรอบแล้วจึงพูดกับเขาว่า “พ่อของแกก็กังวลไปเรื่อย แกจะเสพยาเสพติดพวกนั้นได้ยังไงกัน ใช่ไหมล่ะ? ปกติแกไม่สูบบุหรี่ด้วยซ้ำ เป็นไปไม่ได้แน่ๆ”
“ใช่แล้ว แม่ แม่รู้จักลูกดีที่สุดเลย”
“แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ลูกชายแม่ ปกติแกชอบพวกอาวุธยุทโธปกรณ์อะไรพวกนั้น แกอยู่แคนาดา ไม่ได้ลักลอบค้าอาวุธเถื่อนอะไรแบบนั้นใช่ไหม? ที่นั่นไม่ได้อยู่ระหว่างอเมริกากับรัสเซียหรอกเหรอ? แม่ได้ยินมาว่าพวกนั้นเละเทะมากจริงๆ…”
“แม่ ปล่อยลูกชายคนนี้ไปเถอะ ผมอยู่อเมริกาเหนือ รัสเซียอยู่ยุโรปมันห่างกันตั้งหลายพันกิโลนะ…”
“ยังไงแกก็ทำตัวดีๆ ล่ะ ค่อยๆ หาเงิน ได้มาเท่าไรก็เก็บไว้ จะทำเรื่องไม่ถูกทำนองคลองธรรมไม่ได้นะ”
ฉินสือโอวรับปากทุกอย่าง เขาสาบานต่อบรรพบุรุษสามมหาเทพซานซิงจนไปถึงพระแม่มารีย์ว่าตอนที่อยู่แคนาดาเขาจะเป็นเด็กดี
วินนี่ขับรถไปยิ้มไป รอจนเขาวางสาย เธอกลอกตาแล้วพูดกับเขาว่า “คุณนี่ซื่อบื้อจัง ไม่เห็นต้องพูดอะไรเยอะแยะขนาดนี้ อีกไม่กี่วันคุณก็กลับบ้านสักครั้งสิคะ เดี๋ยวข่าวลือทั้งหมดก็คงหายไปเองนั่นแหละ”
ฉินสือโอวตาเป็นประกาย “เฮ้ ผมพาคุณกลับไปด้วยดีไหม? ภรรยาขี้เหร่ก็ยังต้องพบพ่อแม่สามี”
“ไปไกลๆ เลย!”
วินนี่ยื่นมือออกไปผลักเขา แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ เอาล่ะ พอมีโอกาส
มาถึงโรงเรียนแกรนท์แล้ว ฉินสือโอวเอาพวกกระเป๋าหนังสือกับอาหารกลางวันส่งให้เด็กๆ ทั้งสี่คน พาวลิสและเชอร์ลี่ย์ยังพอไหว แต่กอร์ดอนกับมิเชลต่างก็พากันทำหน้าเศร้าหดหู่ เหมือนจะไปไหว้หลุมฝังศพก็ไม่ปาน
ฉินสือโอวแย้มรอยยิ้ม “พวกนายร่าเริงกันหน่อย วันนี้เป็นวันครู ถ้าเจอคุณครูก็ต้องทักทายด้วยนะ เข้าใจไหม?”
“วันครูคืออะไรเหรอ?” เด็กๆ ทั้งสี่คนเต็มไปด้วยความงงงวย
ที่แคนาดาไม่มีวันครู สำหรับที่นี่ คุณครูกับนักเรียนมีความเท่าเทียมกัน ทั้งสองฝ่ายมีปฏิสัมพันธ์กันเพื่อให้บรรยากาศให้บรรยากาศในห้องเรียนมีชีวิตชีวาและผ่อนคลายก็เท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลย ความสัมพันธ์ฉันมิตรที่เท่าเทียมกันถึงจะสร้างบรรยากาศได้ดีที่สุด
ข้อนี้แคนาดาน่าจะทำได้ดีที่สุดจากทุกประเทศทั่วโลก ในห้องเรียน นักเรียนสามารถเรียกชื่อคุณครูได้เลย ช่วงประถม ในเวลาเรียนนักเรียนสามารถเดินเข้าออกได้ตามสบาย จะดื่มน้ำเข้าห้องน้ำก็ไม่เป็นไร ขอแค่บอกไว้ก็พอแล้ว
นอกจากนี้ ที่แคนาดาผลประเมินของคุณครูจะขึ้นอยู่กับนักเรียนทั้งหมด การประเมินผลปลายปีไม่ได้ดูที่คะแนนของนักเรียน แต่จะดูการวิจารณ์ของนักเรียนที่มีต่อคุณครูเท่านั้น ถ้าหากว่าผลประเมินแย่เกินไป คุณครูท่านนั้นอาจจะถูกลดขั้นหรืออาจจะเสียหน้าที่การงานเลยทีเดียว
เพิ่งเปิดเทอมใช่ไหมล่ะ ฉินสือโอวก็เลยเตรียมของขวัญไว้ให้เด็กๆ ทุกคน หนึ่งคนหยิบไปสองชุด เขากำชับกับเด็กๆ ว่า “กล่องสีแดงคือของพวกนาย กล่องสีฟ้าเอาให้คุณครู”
เชอร์ลี่ย์เอียงหัวเล็กๆ ของเธอแล้วถามอย่างซื่อๆ ว่า “ทำไมต้องส่งของขวัญให้คุณครูตอนนี้ด้วยล่ะคะ? ไม่ใช่ว่าต้องให้ตอนวันคริสต์มาสหรอกเหรอคะ?”
“ตอนนี้ก็ต้องให้ เพื่อขอบคุณที่เมื่อก่อนคุณครูช่วยดูแลสั่งสอนพวกเธอไงล่ะ” ฉินสือโอวพูดอย่างสมเหตุสมผล
วินนี่รับกล่องของขวัญมา เธอพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม “ฉิน คุณต้องทำความเข้าใจสภาพการณ์ในนิวฟันด์แลนด์ให้มากกว่านี้นะคะ คุณครูจะรับของขวัญไม่ได้นะ ปีที่แล้วที่โทรอนโตมีข่าวใหญ่ข่าวหนึ่ง นักเรียนต่างชาติคนหนึ่งตอนที่เพิ่งมาถึง เพื่อเป็นการขอบคุณคุณครูที่ช่วยดูแลเขา จึงได้ส่งผ้าพันคอราคาสามสิบห้าดอลลาร์ให้คุณครูหนึ่งผืน แต่ปรากฏว่า เพราะสาเหตุนี้คุณครูคนนั้นเลยถูกตั้งข้อสงสัยว่ารับสินบน คนของคณะกรรมการอิสระเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตก็มาตรวจสอบเรื่องนี้ ถึงคุณครูจะรับผ้าพันคอมา แต่ก็ต้องให้เงินนักเรียนคืนไปห้าสิบดอลลาร์”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ?” ใจของฉินสือโอวรู้สึกแห้งเหี่ยว ความแตกต่างทางวัฒนธรรมแบบนี้ค่อนข้างมากเกินไป
เจสกับซีมอนสเตอร์น้อยขับจักรยานเข้ามาด้วยความรวดเร็ว เด็กๆ พวกนี้เป็นเจ้าถิ่นประจำโรงเรียนแกรนท์ แต่ก็เป็นแค่การทะเลาะกันแบบเด็กๆ เท่านั้น พวกเขาไม่รังแกเพื่อนนักเรียนด้วยกัน เรื่องนี้ต้องขอบคุณการอบรมสั่งสอนของชาร์คกับซีมอนสเตอร์
มองเห็นฉินสือโอว เจสก็เลยขี่จักรยานเข้ามาหา เขาตะโกนมาว่า “คุณอาฉิน สวัสดีครับ”
วินนี่ส่งของขวัญให้พาวลิสกับเด็กๆ ที่เหลือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ พวกเธอก็เอาของขวัญพวกนี้ไปมอบให้กับเพื่อนสนิทของพวกเธอได้แล้วนะ”
พวกเด็กๆ ส่งของขวัญให้กับพวกเจส เด็กน้อยได้รับของขวัญก็ดีใจจนน้ำมูกไหลออกมา มิตรภาพที่มีต่อกันก็ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว คนหนึ่งกลุ่มถือของขวัญคนละกล่อง กอดกันกลมเกลียว พากันหัวเราะพูดคุย
คราวนี้ ฉินสือโอวถึงรู้สึกว่าในที่สุดของขวัญของเขาก็มีประโยชน์เสียที
……………………………….