ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 307 อบรมเหล่าสัตว์เลี้ยง
อาหารเที่ยงอุดมสมบูรณ์มาก รสชาติอร่อยอย่างมีเอกลักษณ์ของเนื้อย่างแฮลิแฟกซ์ ทำให้ฉินสือโอวทานอาหารได้อย่างแฮปปี้ เปรี้ยวๆ หวานๆ รสชาติสดใหม่เต็มคำกับผงยี่หร่าที่ให้รสชาติความอร่อยแตกต่างกัน
คนผิวดำมีอารมณ์สุนทรีย์จริงๆ ระหว่างที่กำลังทานเนื้อย่างวิลก็เปิดชุดเครื่องเสียงในสวนเล็ก เสียงถูกปรับแต่งไว้กำลังดี ทำให้ไม่รบกวนการสนทนา และยังสามารถสร้างบรรยากาศได้อีกด้วย
วิลกำลังย่างเนื้อ ภรรยาของวิลก็ยกอาหารหลักมาเสิร์ฟ ชาวแคนาดาชอบทานพายเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่นี่แล้ว พายก็เหมือนกับพวกซาลาเปากับเกี๊ยว (อาหารหลักของชาวจีน)
พายผลไม้ พายครีบแมวน้ำ สองรสชาติ สองสไตล์ ภรรยาของวิลละเอียดรอบคอบ ปกติแล้วผู้ชายจะชอบทานเนื้อ ส่วนผู้หญิงจะชอบอาหารที่รสชาติอ่อนลงมาหน่อย ดังนั้นเธอจึงเสิร์ฟพายถึงสองแบบ ซึ่งคำนึงถึงทั้งฉินสือโอวและวินนี่ไปพร้อมๆ กัน
นอกจากนี้ยังมีซุปมิชเชลล่า สเต๊กเนื้อกวาง สเต๊กปลาทอด ริซอตโต้ผักย่าง อาหารคาวพวกนี้ถูกทำขึ้นมาอย่างประณีต รสชาติดีเยี่ยม ที่สำคัญคือฉินสือโอวไม่เคยทานมาก่อน ดังนั้นเขาจึงทานมันอย่างเอร็ดอร่อย
ทานอาหารเสร็จแล้ว วินนี่ก็ช่วยภรรยาของวิลเก็บโต๊ะอาหาร ส่วนวิลกับฉินสือโอวก็เริ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นปัญหาใหญ่ๆ อย่างเช่นเศรษฐกิจ การต่างประเทศ การป้องกันประเทศของแคนาดา เช่นรัฐบาลของนิวฟันด์แลนด์ ทิศทางการขยายตลาดการค้า ก็เหมือนกับที่จีน พอทานจนอิ่มท้องแล้วก็พูดคุยกันต่อ
ภรรยาของวิลกับวินนี่ฟังอยู่ข้างๆ สักพักหนึ่ง ทั้งสองคนไม่สนใจเรื่องนี้ จึงพาเด็กๆ ไปเล่นที่สวนสาธารณะที่อยู่ด้านข้าง
ผืนแผ่นดินแคนาดากว้างใหญ่ สามารถรักษาทัศนียภาพแบบดั้งเดิมไว้ได้ค่อนข้างดี ด้วยเหตุนี้ทุกๆ เมืองจึงมีสวนดอกไม้อยู่หลายแห่ง ‘ประเทศแห่งสวนดอกไม้’ ชื่อนี้ไม่ได้ได้มาเฉยๆ
ภรรยาของวิลจับแขนของแมรี่แลนด์เอาไว้ ส่วนวินนี่ก็ช่วยเธอเข็นรถเข็นเด็กของเคธี่ ทั้งสองหัวเราะพูดคุยแล้วเดินออกจากบ้านไป
พวกเขาอยู่ที่บ้านของวิลจนถึงสี่โมงเย็น ฉินสือโอวเห็นว่าอากาศเย็นลงแล้ว จึงพาวินนี่ไปลากลับบ้าน
ครอบครัววิลไม่ได้รั้งให้อยู่ต่อ นี่คือลักษณะพิเศษของการคบค้าสมาคมในแคนาดา โดยทั่วไปแล้วทุกคนจะมีการจัดตารางงานในช่วงระยะเวลาใกล้ๆ เรียบร้อยแล้ว ในเมื่อรับปากไว้แล้วว่าจะมาเป็นแขกหนึ่งวัน ก็จะอยู่เพียงแค่หนึ่งวัน ไม่อยู่นานกว่านั้น
วิลจะขับรถไปส่งฉินสือโอว แต่เขายิ้มพร้อมทั้งปฏิเสธไป จากนั้นก็โทรไปหาเบิร์ด ให้เขาขับเฮลิคอปเตอร์มาจอดที่สวนดอกไม้ฤดูร้อนเดอร์ริคที่อยู่ข้างบ้านวิลแทน
วิลรู้เรื่องที่ฉินสือโอวซื้อเครื่องบิน ไม่กี่วันก่อนตอนที่เขาไปที่ฟาร์มปลาก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ AC-310 ลำงามแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นเฮลิคอปเตอร์บินมา เขาจึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ
การบินพลเรือนในแคนาดามีความเจริญมาก การควบคุมน่านฟ้าค่อนข้างมีความผ่อนปรน น่าจะเป็นอันดับสองของโลกรองลงมาจากบราซิล ดังนั้นธุรกิจการบินจึงมีความเจริญเป็นอย่างมาก ความเจริญในด้านนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นจากจำนวนของสนามบินในประเทศ แต่ยังเห็นได้จากจำนวนของสนามบินส่วนตัวในประเทศอีกด้วย
จากการจัดอันดับ การรวบรวมสถิติสนามบินพลเรือนโลก จากเครือข่ายยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมการบินอย่างโบอิ้งกรุปเมื่อปีที่แล้ว ประเทศแคนาดา มีสนามบินถึง 1800 แห่ง เป็นรองแค่อเมริกาที่มีสนามบิน 15000 แห่งกับ บราซิลที่มีอยู่ 4000 แห่ง ส่วนประเทศจีนนั้น เนื่องจากนโยบายด้านการเมือง ทำให้แทบจะไม่มีสนามบินส่วนบุคคลเลย ดังนั้นจึงมีจำนวนสนามบินอยู่น้อยกว่ามาก มีเพียงแค่ 500 แห่งเท่านั้น
เมื่อพิจารณาถึงประเทศอเมริกาถึงแม้จะมีจำนวนสนามบินอยู่มากที่สุด ทว่ามีจำนวนประชากรมากกว่าแคนาดาอยู่สิบเท่า ดังนั้นในแง่ของการเฉลี่ยอัตราส่วนของสนามบินต่อจำนวนประชากร ถึงจะเป็นอเมริกาที่ได้สมญานามว่าจ้าวแห่งสายการบินแต่ก็ยังเทียบกับแคนาดาไม่ได้อยู่ดี
ที่แคนาดามีเครื่องบินส่วนตัวเป็นเรื่องที่พบเห็นเป็นประจำ เศรษฐีเงินล้านแทบจะทุกคนมักจะมีสี่สิ่งที่เป็นมาตรฐานสำคัญ นั่นก็คือ วิลล่า รถหรู เรือยอชต์ และเครื่องบิน
ดังนั้น จึงไม่มีใครรู้สึกตกตะลึงที่ฉินสือโอวเรียกให้เฮลิคอปเตอร์ AC-310 มารับ อย่าว่าแต่เฮลิคอปเตอร์ที่มีราคาแพงกว่ารถยนต์อยู่ไม่เท่าไรเลย กระทั่งเครื่องบินโดยสารส่วนตัวลำหรูก็มีอยู่ไม่น้อย
ที่จีนเฮลิคอปเตอร์บ่งบอกถึงการเป็นมหาเศรษฐี ที่แคนาดา นี่เป็นมาตรฐานของคนมีอันจะกินเท่านั้น ความแตกต่างที่มากขนาดนี้ ถ้าประเทศจีนจะบรรลุจากลัทธิสังคมนิยมที่ครอบงำทุนนิยมอยู่ ก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้น
เบิร์ดรอจนฉินสือโอวกับวินนี่สวมเฮดเซ็ทเสร็จแล้ว ก็นำเครื่องเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นอย่างมั่นคง เขารายงานไปยังศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศนครเซนต์จอห์นผ่านทางวิทยุก่อน จากนั้นก็สามารถขึ้นบินได้ตามอัธยาศัยแล้ว ตอนนี้ดาวเทียมได้ระบุตำแหน่งเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาไว้เรียบร้อยแล้ว
ฉินสือโอวมองลงไปยังนครเซนต์จอห์นที่อยู่ด้านล่าง เขาแอบถอนหายใจอยู่ลึกๆ นี่เป็นเพียงเมืองเล็กๆ อย่างแท้จริง ถึงจะเป็นเมืองเอกของรัฐ ทว่าจำนวนของตึกสูงระฟ้าอย่าว่าแต่เทียบกับเมืองเอกของรัฐที่จีนไม่ได้เลย แค่อำเภอที่มีขนาดใหญ่หน่อยก็ยังเทียบกันไม่ได้
ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์หมุนบินหวูดๆ แค่ครู่เดียวก็มาถึงฟาร์มปลาแล้ว หลังจากลงจอด หู่จือกับเป้าจือก็วิ่งเข้ามาต้อนรับพวกเขาเหมือนตามปกติ
นี่คือข้อดีของการเลี้ยงสุนัข ทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้านพวกมันจะเข้ามาต้อนรับเหมือนญาติสนิททุกครั้ง ส่วนสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ น่ะเหรอ?
ฉงต้าลากต้าป๋ายไปนอนใต้ร่มไม้อย่างเกียจคร้าน ต้าป๋ายพอมาอยู่กับฉงต้าก็มีนิสัยเกียจคร้านเหมือนกันแล้ว…
ส่วนเสี่ยวหมิงก็ทำตัวเหมือนว่าตัวเองเป็นพ่อของลูกกระรอกดินจริงๆ แถมยังสอนพวกมันปีนต้นไม้อีกด้วย แต่เสี่ยวหมิงนายรู้ไหม ลูกกระรอกดินทำได้แค่ขุดรูแต่มันบินไม่ได้หรอกนะ…
เชสเตอร์ก็ยังพอได้แบบอย่างมาจากป๊ะป๋า เมื่อมีเวลาว่างมันจะบินไปยังมหาสมุทร พอกลับมาถึงในช่วงเย็นของทุกวันก็จะจับปลาตัวเล็กๆ อย่างปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะมาให้ฉินสือโอวอย่างมีความสุข ก็ยังถือว่ามีความกตัญญูอยู่บ้าง…
ส่วนบุชน่ะเหรอ? ตอนนี้มันยังบินไม่ได้ ทุกๆ วันยังวิ่งเล่นไปมาเหมือนลูกสุนัข หลับหูหลับตาวิ่ง…
ปอหลัวลูกกวางอูฐขี้โมโหก็แสดงท่าทีเย็นชาอยู่ตลอดเวลา นอกจากวิ่งไปหาวินนี่ตอนเรียกกินอาหารแล้ว เวลาอื่นถ้าไม่เอาแต่นอนอยู่ใต้ร่มไม้ก็มุดเข้าไปในป่าอย่างไม่มีเหตุผล…
ฉินสือโอวลองเทียบดูแล้ว เขาพบว่าเจ้าพวกงี่เง่าพวกนี้สู้บอลหิมะกับไอซ์สเกตไม่ได้เลย ถ้าเขาขับเรือไปที่ฟาร์มปลา ไอซ์สเกตกับบอลหิมะก็จะโผล่ขึ้นมาจากน้ำเพื่อทักทายเขา
แล้วก็เป็นเช่นนั้น เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น จะเป็นเวลาที่สัตว์เลี้ยงพวกนี้อยู่พร้อมหน้ากันที่สุด
วินนี่หยิบผลไม้กับเนื้อสัตว์ออกมา ฉงต้า ปอหลัว บุช เชสเตอร์ก็พากันกระเสือกกระสน ล้มลุกคลุกคลานวิ่งเข้ามา พวกมันยึดพื้นที่ในห้องรับแขกไว้หนึ่งตำแหน่งต่อหนึ่งตัว ทำตาปริบๆ รอวินนี่ป้อนอาหาร
วินนี่เตรียมกะละมังสเตนเลสใส่อาหารไว้ให้พวกมันเรียบร้อยแล้ว เธอกะจากความอยากอาหารของพวกมัน แล้วแบ่งอาหารลงไปในกะละมัง เมื่อก่อนฉินสือโอวพิถีพิถันขนาดนี้ที่ไหนกัน เขามีแต่โยนไว้บนพื้นหญ้าด้านนอกทั้งนั้นแหละ
ฉงต้าเคี้ยวๆ กลืนๆ กินอาหารหมดเป็นตัวแรก แต่กินไม่อิ่มก็เลยไปแย่งอาหารจากจานของปอหลัวที่อยู่ข้างๆ กัน
ปอหลัวที่ขี้หงุดหงิดก็ไม่ยอมให้ใครแหย่ได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นหมีสีน้ำตาลก็ไม่กลัว มันใช้หัวดันกะละมังใส่อาหารไปไว้ข้างหลังตัว ทิ่มหัวลงมาแล้วยกเขากวางของมันให้ตั้งขึ้นเหมือนพลั่ว จ้องมองไปที่ฉงต้าด้วยท่าทางที่ดุดัน
ฉงต้าขี้เกียจจะต่อกรด้วย มันเลียหน้าเลียตาแล้วเข้าไปอ้อนวินนี่แทน
วินนี่ควบคุมปริมาณอาหารของฉงต้าอย่างเคร่งครัด ฉินสือโอวเห็นมันร้องฮึมๆ ฮัมๆ น่าสงสารแบบแปลกๆ จึงหยิบสเต๊กปลามาให้มันหนึ่งชิ้น
วินนี่ไม่ยอมให้เขาเอาอาหารให้มัน เธอบอกกับเขาว่า “ดูพุงของฉงต้าสิคะ มันอ้วนเกินไปแล้ว จะให้มันกินอาหารตามอำเภอใจไม่ได้แล้วนะคะ”
ฉงต้าทำท่าทางลับๆ ล่อๆ มันเห็นว่าสถานการณ์ไม่ จึงกระโดดขึ้นมาอย่างรวดเร็วมันยื่นอุ้งเท้าออกไปกอดแขนของฉินสือโอว จากนั้นก็อ้าปากงับสเต๊กปลาแล้วกลืนลงไป จากนั้นก็กลับมาทำท่าทางแอ๊บแบ๊วต่อ
กินอาหารเสร็จ ฉินสือโอวก็พาฉงต้าออกไปลดน้ำหนัก ฉงต้าคิดจะตุกติก มันมุดเข้าไปใต้โต๊ะแล้วไม่ยอมออกมา
แต่ปรากฏว่าพอวินนี่หยิบปลาเเซลมอนแปซิฟิกทอดเกือบสุกมาแกว่งไปมาอยู่ด้านนอก ฉงต้าก็มุดออกมาแต่โดยดี ดวงตาเล็กๆ ของมันเป็นประกาย มุมปากเริ่มมีน้ำลายไหลออกมา
ฉินสือโอวหาเบ็ดตกปลาสั้นๆ มาหนึ่งอัน เขาใช้เส้นเอ็นมัดปลาไว้แล้วเดินอยู่ด้านหน้า ฉงต้าก็วิ่งขวัญหนีดีฝ่อตามมาด้านหลัง เหมือนกันกับเด็กที่ถูกหลอกไปเป็นขอทานเหมือนในเรื่องเล่าอย่างไรอย่างนั้น
เล่นกับสัตว์เลี้ยงพวกนี้อยู่สักพัก ฉินสือโอวก็กลับเข้าไปในห้อง เขาแบ่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกเป็นสองส่วนให้ไปหาฉลามขาวกับปลามาร์ลิน เพื่อเตรียมตัวออกไปสำรวจใต้ทะเล
…………………………………………..