ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 329 ระยะที่ไกลที่สุด
หลังจากที่อพาร์ตเมนต์ของชาวประมงสร้างเสร็จ ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ก็พากันย้ายเข้าไป ฉินสือโอวรู้ว่าสองคนนี้กังวลในเรื่องของความปลอดภัย และพวกเขาไม่เหมือนกับนีลเซ็นหรือเบิร์ด เพราะพวกเขามีครอบครัวมีลูกมีเมีย เวลาว่างก็ควรจะใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว ไม่ใช่ว่าต้องมาคอยห่วงแต่ปัญหาความปลอดภัยของตัวเอง
ฉินสือโอวไปหาพวกเขาสองคนและนั่งคุยกัน และนีลเซ็นก็พูดขึ้นว่า “พวกนายวางใจได้ พวกเราที่นี่มีทั้งคน ปืน สุนัขล่าสัตว์ มีรถและเฮลิคอปเตอร์ จะไม่เกิดเรื่องเหมือนเมื่อคราวก่อนได้อีกแน่”
ชาร์คส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “พวกเราได้ปรึกษากับทางครอบครัวแล้วได้ผลสรุปกันว่า ฉันจะอยู่ที่ฟาร์มทุกวันอังคาร พฤหัส และเสาร์ของแต่ละอาทิตย์ ส่วนซีมอนสเตอร์จะอยู่เวรประจำทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ ส่วนเวลาอื่นพวกเราก็จะกลับบ้านกัน อีกทั้งเวลามันก็ห่างกันไม่มากด้วย แค่นอนที่นี่ในตอนกลางคืนเท่านั้นเอง”
ฉินสือโอวซึ้งใจอย่างที่สุด เพราะวิถีการดูแลคนในครอบครัวของคนแคนาดากับคนจีนไม่เหมือนกัน พวกเขาจะให้ความสำคัญต่อครอบครัวเป็นอย่างมาก เขาจะแบ่งเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวอย่างชัดเจน พอเลิกงานแล้วก็ถึงเวลาของครอบครัวตัวเอง และถึงแม้จะมีงานด่วนเข้ามาในเวลานั้นพวกเขาเลือกที่จะไม่ไปก็ยังได้
หรือจะพูดก็คือ การที่อยู่ฟาร์มปลาเป็นเพื่อนฉินสือโอวนั้นก็คือสวัสดิการที่ทั้งชาร์ค ซีมอนสเตอร์และพนักงานคนอื่นๆ ให้แก่เจ้านายของพวกเขา
ในส่วนของพื้นที่ฟาร์มปลาที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มขึ้นของทรัพยากรแต่ยังเป็นการเพิ่มขึ้นของวิกฤตอีกด้วย เดิมทีฉินสือโอววางแผนไว้ว่าปีหน้าหลังจากที่เปิดฟาร์มปลาแล้ว ถึงค่อยจะรับคนงานเพิ่ม แต่เห็นทีว่าคงจะต้องเป็นตอนนี้แล้ว
นอกจากนี้ฉินสือโอวยังจ้างคนมาติดตั้งกล้องวงจรปิดในจุดสำคัญอีกสองสามจุด ซึ่งรวมๆ แล้วก็ทำการติดตั้งไปประมาณสองร้อยตัว
เจ้ากล้องวงจรปิดนี้สามารถสแกนได้สามร้อยหกสิบองศาในทุกสภาพอากาศและมุมอับต่างๆ ได้อย่างไม่ขาดตอน และข้อมูลที่ได้จากการบันทึกภาพก็จะถูกส่งเข้าไปในหน่วยประมวลผลพิเศษของคอมพิวเตอร์สองเครื่อง ซึ่งในคอมพิวเตอร์ก็ได้ติดตั้งโปรแกรมที่สามารถวิเคราะห์ความผิดปกติได้ คือเมื่อตรวจจับพบสิ่งผิดสังเกต โปรแกรมก็จะทำการร้องเตือนโดยใช้เสียงของนกฮัมมิ่งเบิร์ด
หลังจากที่ซาโกรรู้เรื่องที่ฉินสือโอวต้องเจอ วันที่สองเขากลับมาอีกพร้อมกับยื่นกล่องปักเลี่ยมโลหะดูประณีตที่ข้างกล่องให้กับฉินสือโอวและพูดว่า “นี่เป็นสมบัติที่ฉันเก็บรักษามาหลายปี ตอนนี้ฉันให้นายแล้ว หลังจากนั้นค่อยให้ใบอนุญาตปืนกับฉันเป็นการแลกเปลี่ยนก็พอ”
พอฉินสือโอวเปิดกล่องออก สิ่งที่เห็นในกล่องคือปืนไรเฟิลสีเขียวลายพรางหนึ่งชุด เขาดูมันแล้วหันไปมองเบิร์ด และอีกฝ่ายก็พูดขึ้นว่า “เอดับเบิลยูพี เป็นปืนไรเฟิลปากกระบอกขนาด 308 ที่ตำรวจใช้ในการซุ่มยิง ผลิตโดยบริษัทเครื่องมือความแม่นยำระหว่างประเทศของอังกฤษ และแคนาดาได้นำเข้ามาในปีค.ศ.2020…”
“ขอร้องล่ะเพื่อน ฉันให้นายมาช่วยประกอบ ไม่ใช่ให้มาช่วยอธิบายนะเว้ย!” ฉินสือโอวปล่อยมืออย่างจำใจและพูดขึ้น
นีลเซ็นหัวเราะขึ้น เขากระโดดโหยงเหยงเข้ามาหวังจะลองทำดู และพูดขึ้น “มา ฉันเอง”
พูดจบ หลังจากที่เขาดูอยู่สองสามครั้งก็นำลำกล้อง กระบอกและด้ามปืนมาประกอบเข้าด้วยกัน สุดท้ายก็เอามาถือไว้ในมือและลูบมันเล็กน้อย และการที่ได้ถือเครื่องจักรสังหารขนาดใหญ่แบบนี้ก็ทำให้ถึงกับสูดหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นก็เช็กดูว่าปืนไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เขาถึงยื่นให้ฉินสือโอว
ตอนที่นีลเซ็นเป็นทหารเกณฑ์อยู่ในกองกำลังพิเศษฉุกเฉินเขาเป็นพลซุ่มยิง และเอดับเบิลยูพีก็เป็นปืนไรเฟิลมือสังหารที่มีชื่อเสียงในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ แน่นอนว่าเขาต้องเคยฝึกใช้มาก่อน
และพอฉินสือโอวถือปืนไว้ในมือ นีลเซ็นก็เข้ามาบอกวิธีการใช้กับเขาว่า วิธีดึงไกปืนดึงอย่างไร ทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนกระสุนได้เร็วขึ้นกว่าเดิม และวิธีเล็งเป้าเล็งอย่างไร ฉินสือโอวถึงกับพึมพำออกมาเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เรื่องพวกนี้ยังต้องให้นายมาสอนฉันอีกหรอ? ปืนพวกนี้ฉันใช้มาสิบกว่าปีแล้ว คุ้นเคยดีซะยิ่งกว่าอะไร!”
“ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ เมื่อก่อนคุณเคยสัมผัสกับเอดับเบิลยูพีหรอ?” นีลเซ็นพูดขึ้นอย่างสงสัย
และฉินสือโอวก็พูดขึ้นเหมือนเป็นเรื่องปกติว่า “ฉันจับมันตั้งแต่มัธยมต้นแล้ว ตอนที่ฉันเล่นเคาน์เตอร์ สไตร์กน่ะ ฉันชอบซื้อมันมาใช้มากที่สุดเลยล่ะ”
นีลเซ็น “…”
จากนั้นซาโกรก็อธิบายอย่างสั้นๆ ว่า ปืนนี้เป็นปืนที่เขาได้มาจากเพื่อนสนิทที่ทำงานอยู่ในฝ่ายผลิตของบริษัทอุปกรณ์ความแม่นยำระหว่างประเทศของอังกฤษ และเป็นที่รู้กันในหมู่พวกมือโปรว่า เจ้าปืนตัวนี้ระยะการเล็งอยู่ในรัศมีหกร้อยเมตร และไม่ว่าจะเล็งตรงไหนก็ไม่มีพลาด และต่อไปถ้ามีใครกล้าเข้ามาบุกรุกฟาร์มปลาอีกล่ะก็ ใช้ปืนนี้สั่งสอนมันได้เลย
พูดก็พูดได้น่ะสิ ถ้าในความเป็นจริงเอาปืนนี้ออกมาใช้ทำร้ายคน ฉินสือโอวคงต้องได้ขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นแน่
เพราะว่าเอดับเบิลยูพีไม่ได้มีให้พลเรือนใช้ได้อย่างทั่วไป อย่างมากที่สุดก็แค่ให้พวกที่หลงใหลได้เข้าไปชมของจริงในร้านปืน เพราะปืนนี้อนุญาตให้ใช้แค่กับทหารและตำรวจเท่านั้น อานุภาพที่เกินต้านบวกกับรัศมีการยิงที่ไกลมาก ถ้าเทียบกับคนธรรมดาปืนนี้ถือว่าน่ากลัวมาก
ของขวัญในการมาพบกันครั้งนี้ของซาโกรถือว่าไม่เบาเลย ปืนนี้ไม่ได้มีอย่างแพร่หลายในตลาดแคนาดา และถึงแม้จะใช้กันในอเมริกาแต่ราคาก็หมื่นดอลลาร์ขึ้น
แสดงให้เห็นว่า นักสะสมของพวกนี้ก็เป็นพวกคนรวยทั้งนั้น ไม่ว่าสิ่งที่พวกเขาสะสมนั้นจะเป็นรถยนต์ เครื่องบิน หรือจะเป็นปืนหรือแสตมป์
ส่วนฉินสือโอวที่ได้เอดับเบิลยูพีมาก็เหมือนกับเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่ และหลังจากที่เขาจับมาศึกษาดูแล้วนั้น เขาก็วิ่งไปที่ชายหาดและยิงกระสุนใส่มหาสมุทรที่กว้างสุดลูกหูลูกตาจนหมดแม็ก
ยังไงซะช่วงสองสามวันนี้ก็ไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว ฉินสือโอวเลยถือโอกาสที่วินนี่หยุดงานหนึ่งวัน พาเบิร์ดและนีลเซ็นขึ้นเขาเดินเล่นสักรอบให้จิตใจปลอดโปร่ง
และผลกระทบที่เกิดจากคดีลักพาตัวโดยทหารรับจ้างฝรั่งเศสในเกาะแฟร์เวลก็ค่อยๆ ได้รับการเยียวยา แต่ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้ก็ดูจะห่างไกลจากการใช้ชีวิตของคนธรรมดาทั่วไปอยู่ดี
แต่ถ้ามองในมุมของฉินสือโอว เรื่องนี้ส่งผลกระทบอย่างมาก เพราะเขาได้เจอมากับตัวเองถึงได้เข้าใจว่าที่แท้ตัวเองก็ห่างไกลจากคำว่าประชาชนธรรมดาทั่วไปมามากแล้ว และถึงแม้จะอยากกลับไปมีชีวิตแบบเดิมที่กินอิ่มนอนหลับดื่มพอเหมือนอย่างคนปกติ แต่มันก็คงเป็นได้แค่ความฝัน
หลังที่แบกปืนเอาไว้ มือที่คอยถือธนู และไหล่ของฉินสือโอวที่มีบุชค้ำอยู่ นิมิตส์ที่บินวนอยู่บนศรีษะของเขา และด้านหลังที่มีหู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและต้าป๋ายที่ตามมาติดๆ แม้แต่กระรอกน้อยเสี่ยวหมิงที่คอยกระโดดไปตามต้นเมเปิลอย่างคึกคักดีใจ ก็ตามมากับเขาด้วยในครั้งนี้
ปอหลัวและฉงต้าที่ยังคงกวนกันไม่หยุด และเมื่อมันเห็นฉงต้าเดินข้างฉินสือโอว ตัวมันก็วิ่งไปข้างหน้าเขาบ้างหรือรั้งไปอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้าง ขอเพียงแค่ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องสบตากันเป็นพอ
เทือกเขาเคอร์บัลในตอนนี้ได้เข้าสู่ฤดูที่งดงามที่สุดของปี ใบของพืชทั่วทั้งภูเขาของต่างก็เปลี่ยนเป็นสีดั่งทอง ทั้งแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา ทำให้เขาลูกนี้เหมือนภูเขาทอง
“ผมว่าถ้าผ่านไปอีกสักเดือน รอให้ใบของต้นเมเปิลแดงเปลี่ยนเป็นสีแดงจนหมด นั่นถึงเรียกว่าความงดงามอย่างแท้จริง! ลองคิดดูนะ ภูเขาทั้งลูกที่ดูเหมือนไฟลุกโชน มันจะภาพที่สง่างามขนาดไหน” นีลเซ็นที่ทั้งพูดไปเดินไป
หลังจากที่เบิร์ดเข้ามา นีลเซ็นก็เหมือนกับได้เจอคู่เกย์ของเขา เพราะก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างเป็นคนเย็นชา เชื่อฟังมาก แต่ไม่ค่อยมีน้ำใจ แต่พอเบิร์ดเข้ามา เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนที่พูดเบาๆ อย่างกับลูกเจี๊ยบ และคนที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนมาเย็นชามากขึ้นกลับเป็นเบิร์ด
ในช่วงระหว่างทางเดินไปตามเขานั้น ฉินสือโอวก็เห็นป่าเบอร์รี ก็ทำการหยุดพักการเดินเท้า
ป่าเบอร์รีนี้ส่วนมากจะเป็นพวก เป็นบลูเบอร์รี แบล็คเบอร์รี แครนเบอร์รี่ ลูกแพรป่า แอปเปิลป่า ซึ่งนอกจากหู่จือและเป้าจือแล้วเพื่อนตัวน้อยอีกสองสามตัวอื่นๆ ต่างก็ชอบกันหมด
ฉงต้านั่งลงบนทุ่งหญ้า ส่วนต้าป๋ายที่ถนัดในการปีนต้นไม้ มันใช้กรงเล็บของมันปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้นผลไม้ที่สุกแล้วก็ร่วงลงมาจากต้นราวกับฝนตก อย่างนี้มันถึงยื่นมือออกไปเก็บมาได้
ส่วนปอหลัวที่เดินไปอีกฝั่งของป่าชะโงกหัวอยู่สองสามครั้งเพราะอยากจะกินผลไม้ แต่สุดท้ายเพราะมันเตี้ยเกินไปและถึงแม้สองขาสั้นๆ ของมันจะพยายามตะกายแค่ไหนก็ยังไม่ถึงอยู่ดี
และฉงต้าที่ใส่ใจในการกินผลไม้จนปากมันต้องออกแรงเป็นพิเศษและทำให้เกิดเสียง “แจ๊บแจ๊บ” ขึ้น จนวินนี่เดินเข้ามาแล้วบีบแก้มพลุ้ยๆ ของมัน และพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “อย่ากินเสียงดังแจ๊บๆ อย่างนั้นสิ เคี้ยวอย่างเงียบๆ แบบฉันนี่”
แล้วฉงต้าก็เหลือบไปมองวินนี่ จากนั้นก็เก็บพวกองุ่นที่อยู่บนพื้นแล้วคลานไปข้างๆ ฉินสือโอวแล้วยื่นให้เขา วินนี่เห็นอย่างนั้นจึงฟาดเข้าที่ก้นของมันไปหนึ่งฝ่ามือ แล้วก็ทั้งขำทั้งด่า “แกนี่มันไม่รู้จักบุญคุณเอาซะเลยนะ ปกติแล้วมีแต่แม่ที่ป้อนของกินแกนะ แต่เดี๋ยวนี้ของอร่อยๆ กลับไม่เอามาให้แม่กินก่อนงั้นเหรอ?”
ฉินสือโอวหัวเราะอย่างมีความสุข และผลไม้นี้ก็ไม่สารเคมี เขาเอามาเช็ดๆ แล้วยัดเข้าไปในปากพร้อมกับเคี้ยวด้วยเสียง ‘แจ๊บแจ๊บ’ ขึ้น
ฉงต้ามองฉินสือโอวแล้วก็กลับไปยังป่าผลไม้ที่เดิม และในปากที่เต็มไปด้วยแล็คเบอร์รีก้อนกลม มันก็เคี้ยวด้วยเสียง ‘แจ๊บๆ’ ต่อไป
วินนี่มองฉินสือโอวที่กำลังมองฉงต้าอยู่ จากนั้นเธอคายเม็ดองุ่นแล้วด่าขึ้น “ฉงต้า นายนี่มันจอมหักหลังจริงๆ เลยนะ!”
“เป็นเพราะคุณเลยนะ สอนแต่เรื่องอะไรให้ลูกเนี่ย” วินนี่บิดหูฉินสือโอวอย่างโกรธเคือง
ทางฝั่งปอหลัวที่มองลูกแพรป่าสีทองที่ห้อยอยู่บนหัวพลางน้ำลายไหล ขาน้อยๆ ที่สั่นของมัน ‘สวบ’ ไม่นานมันก็กระโดดขึ้นไปแล้วใช้ปากกัดลูกแพรและดึงลงมา มันออกแรงและกัดลูกแพรจนเกิดเสียง ‘แจ๊บๆ’ ขึ้น จากนั้นเหลือบไปมองฉงต้า
อย่างนี้ก็ได้เหรอ ฉงต้ารู้สึกตะลึงในทันที และใต้ความไม่ยอมแพ้กันนั้น มันก็สะบัดตูดอ้วนๆ เพื่อลุกขึ้นยืน จากนั้นเงยหน้าขึ้นไปหาผลไม้ที่อยู่บนหัว มันพยายามออกแรงยื่นขาหน้าออกไป สุดท้ายหลังจากที่ยื่นกรงเล็บออกไปก็ยังคงไม่ทำให้ยืดแขนขึ้นสูงไปกว่าลำคอได้…
กระโดดขึ้นไปแล้วตบอยู่สองครั้ง และนอกจากอากาศแค่สองก้อนที่ฉงต้าได้มานั้นมันก็เก็บอะไรมาไม่ได้เลย
วินนี่ที่เห็นฉากนั้นเข้าก็หัวเราะขึ้น พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทั้งจะถ่ายรูปและยังพูดล้อว่า “ระยะห่างที่ไกลที่สุดของโลกใบนี้ ไม่ใช่ระยะห่างของนกกับปลา แต่เป็นผลไม้ที่ติดอยู่บนหัวของฉงต้าที่ไม่ว่ามันจะยกอุ้งเท้าของมันขึ้นยังไงก็ไม่สามารถเก็บผลไม้ได้ด้วยระยะเพียงเท่านั้น”
ฉินสือโอวได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะขึ้น แต่นีลเซ็นและเบิร์ดที่ฟังภาษาจีนไม่ออกเลยไม่รู้ว่าพวกเขาหัวเราะอะไรกัน ได้แต่ทำหน้าพิลึกยากที่จะเข้าใจ
ส่วนทางฉงต้าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโหในตอนนี้ มันยื่นแขนออกไปอย่างสุดกำลังก็ยังไม่ถึง มันเลยเรียนรู้จากปอหลัวลองกระโดดขึ้นสักหน่อย
พอฉงต้ากระโดดขึ้นไป อุ้งฝ่าเท้าของมันที่ห่างจากพื้นดินมีระยะห่างแค่ประมาณสองเซนติเมตร…
ทำให้ปอหลัวลำพองใจเป็นอย่างมากและฉงต้าที่ไม่พอใจในความไม่เป็นธรรมนี้ ส่วนฉินสือโอวและกลุ่มของเขาทั้งพูดและหัวเราะกันพลางออกเดินทางกันต่อ
เทือกเขาเคอร์บัลในฤดูใบไม้ร่วงยังเป็นอีกลักษณะหนึ่งคือ จะไม่เห็นคนบนยอดภูเขาสูง มีเพียงแค่เสียงลมพัด
เมื่อรู้สึกถึงลมของฤดูไม้ร่วงที่ผัดผ่านผิวไป ฉินสือโอวก็เกิดความรู้สึกเศร้าแบบหนึ่ง เศร้าที่รู้สึกว่าเหตุการณ์ต่างๆ ทำไมช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะนี่มันไม่เหมือนกับฤดูใบไม้ผลิที่สรรพสิ่งต่างๆ ดูมีชีวิตชีวา ไม่เหมือนกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งในฤดูร้อน
พอถึงเวลาบ่าย กลุ่มคนพวกนี้ก็หาลำธารที่ใกล้ๆ กับเนินเขาที่เอาไว้หลบลมได้เพื่อเตรียมทานข้าวกัน
เมื่อคนนั่งลงแล้ว ปอหลัวก็วิ่งหายไปในทันที ส่วนหู่จือและเป้าจือที่พบรอยเท้าไก่ฟ้าสีทองตัวหนึ่ง ก็พากันออกไปตามหาทั้งด้านหน้าด้านหลัง พอมองอย่างนี้ ก็จะเหลือแค่ฉงต้าที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่ใบหน้าอ้วนๆ น่ารักๆ ของมันมีท่าทีเหม่อลอย
“แกเป็นจ้าวแห่งป่านะ แกเป็นหมีโคดิแอค ลุกเร็ว เข้าป่าแล้วไปเอาหมูป่ากลับมาให้ฉัน” ฉินสือโอวที่กำลังนั่งยองๆ อยู่หน้าฉงต้าแล้วพูดสอนมัน
ฉงต้ายังคงกะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็มุดหัวกลมซุกใส่หน้าอกของฉินสือโอวและเริ่มคลอเคลียทำตัวน่ารักน่าเอ็นดู
จากนั้นไม่นาน หู่จือและเป้าจือก็พากันวิ่งกลับมา พร้อมกับปากที่กำลังคาบไก่ฟ้าสีทองผู้โชคร้าย และในส่วนของปอหลัวก็ยังคงไร้ร่องรอยต่อไป
วินนี่เริ่มกังวลเล็กน้อย เลยถามขึ้น “ปอหลัวเพิ่งจะขึ้นเขาเป็นครั้งแรก คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกใช่ไหม?”
ฉินสือโอวก็เป็นกังวลแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาเพราะกลัวว่าจะยิ่งทำให้วินนี่ตกใจ เขาจึงพูดทำเป็นเหมือนว่ามีแผนอยู่ในใจอยู่แล้ว “จะเป็นไปได้ยังไง เจ้าตัวเล็กนั่นฉลาดที่สุดเลยนะ ถ้าเกิดมีอันตราย… นี่ คุณดูสิ ไม่ใช่ว่ามันวิ่งกลับมาแล้วเหรอ?”
เสียงแหลมจ้อกแจ้กของกีบเท้ากระทบกับพื้นดินดังขึ้น ฉินสือโอวที่หันหน้าไปมองก็เห็นปอหลัวพอดี และสีหน้าในตอนนั้นก็ดีใจขึ้นทันที
และขณะที่รอให้ปอหลัวโผล่ออกมาจากป่าทั้งตัว ฉินสือโอวก็รู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติแล้ว แต่พอเห็นเท่านั้นแหละ ทั้งตัวของปอหลัวที่เหมือนกับม้าพันธุ์ดีฉลาดหลักแหลมขนสีทองก็เปื้อนไปด้วยรอยเลือด ส่วนลำคอและซี่โครงล่างก็มีแต่แผล และบนเขาของมันก็มีเลือดเยอะที่สุด เหมือนกับว่าเพิ่งไปสู้กับใครมาอย่างนั้น
ทันใดนั้นคำตอบก็ได้เผยออกมา มีกลุ่มกวางมูสวิ่งตามมันออกมาจากในป่า พวกมันดูมีท่าทางที่ดุร้าย บวกกับรังสีอำมหิต และตัวที่นำหน้าฝูงของมันมาก็มีรอยเลือดเปื้อนไปทั้งตัวด้วยเช่นกัน…
…………………………………………………