ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 336 เข้าใจผิด
“ไปคุยกับทนายผมเถอะ ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากแล้ว ให้ทนายผมมาบอกคำตัดสินสุดท้ายก็พอ” ฉินสือโอวยิ้มอย่างมีมารยาท ก่อนจะส่งพ่อแม่และคนอื่นๆ กลับห้อง เหลือไว้เพียงวินนี่กับเออร์บักให้จัดการเรื่องนี้
ที่เขาทำแบบนี้อันที่จริงก็นับว่าเป็นการไว้หน้าคนพวกนี้แล้ว และยังเป็นการให้เกียรติวินนี่อีกด้วย
นี่คือแนวคิดของคนจีน แต่ถ้าเป็นคนพื้นเมืองอเมริกาเหนือโดยปกติแล้ว ถ้าไม่พอใจไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็จะไม่ไว้หน้าทั้งนั้น และถ้านายทำให้ฉันพอใจ ฉันก็จะให้เกียรตินาย
คำตัดสินสุดท้ายออกมาอย่างรวดเร็ว สนามบินออกมากล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการ และการขอโทษจะแถลงผ่านโทรอนโตนิวส์ ส่วนผู้ตรวจสอบนั้นได้ออกมาขอโทษต่อหน้า นอกจากนี้ยังจัดการมองบัตรสมาชิกวีไอพีของสายการบินในเครือพันธมิตรสายการบินแคนาดาให้กับฉินสือโอวอีกด้วย
พันธมิตรสายการบินแคนาดาใหญ่เป็นอันดับสองของอเมริกาเหนือ และใหญ่เป็นอันดับที่สี่ของพันธมิตรการขนส่งโลก โดยรวมไปถึงแอร์แคนาดา ทรานสเวตแอร์ แอร์บริติชโคลัมเบีย แอร์ออนแทรีโอแอร์ และอีกหลายๆ สายการบิน เพียงแค่มีบัตรวีไอพีแทบจะทุกที่ในโลกก็สามารถบินไปได้ตามใจปรารถนา และยังสามารถได้รับความเพลิดเพลินกับการเป็นสมาชิกได้อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย
สำหรับเงื่อนไขสิทธิพิเศษที่สนามบินให้นั้น ฉินสือโอวสำรวมนิดหน่อยแล้วถึงตอบรับ อันที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแค่ปล่อยผ่านไปก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องทำให้เป็นเรื่องยากเลย
ตอนที่บินจากท่าอากาศยานนานาชาติเพียร์สันกลับมาเซนต์จอห์น ฉินสือโอวและครอบครัวเขายอมรับคำขอโทษจากผู้ตรวจสอบ ที่น่าสนใจก็คือรอสสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ก็มาด้วย มันก้มหัวอย่างมีมารยาท จากนั้นก็อยากที่จะหมุนรอบๆ ฉินสือโอวเป็นอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าหู่จือและเป้าจือมีเสน่ห์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ที่สนามบินครั้งนี้ พวกเขาได้รับสิทธิพิเศษจากการเป็นสมาชิก อย่างตอนที่รอเครื่องบินก็ถูกเชิญไปรอที่ห้องเลานจ์วีไอพีแบบส่วนตัว ข้างในเลานจ์นั้นก็มีทั้งเครื่องดื่มและขนม ด้านนอกตรงประตูก็มีแอร์โฮสเตสคอยให้บริการ
พ่อของฉินสือโอวถอนหายใจแล้วตอบพูดขึ้น “มิน่าล่ะ ทำไมตอนนี้พวกคนมีเงินล้วนแต่อยากอพยพไปต่างประเทศ ดูสิ บริการของต่างนี่ดีขนาดไหน อีกทั้งสนามบินของรัฐพอทำผิดแล้วก็รีบมาขอโทษ แล้วยังจะชดเชยดีขนาดนี้กับแกอีก”
ฉินสือโอวก็พูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “การบริการของสนามบินมันค่อนข้างดีเกินไปหน่อยไหม?”
เขาเข้าใจถึงนิสัยของคนแคนาดามากกว่าพ่อ ตัวเองต้องมีเหตุผลที่แน่นอนจากนั้นค่อยดำเนินการฟ้องร้อง อย่างที่สนามบินยอมแพ้ก็พอเข้าใจได้ แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอ่อนข้อให้ขนาดนี้ไหม?
เขาพูดออกมาถึงความรู้สึกสงสัยของเขา จากนั้นเออร์บักก็ยิ้มและพูดขึ้น “ก็มีอยู่สองเหตุผลน่ะนะ หนึ่งคือ บัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสของนายมีอานุภาพมาก พวกเขาคงไม่อยากจะโดนโทษจากนายและยังอยากจะดึงลูกค้าแพลตตินั่มอย่างนายไว้ด้วย สองคือ ฉันเคยฟ้องสนามบินเพียร์สันมาก่อน และแน่นอนว่าพวกเขาคงไม่อยากจะถูกฉันฟ้องเป็นครั้งที่สามแน่”
จากโทรอนโตบินไปเซนต์จอห์นเร็วมาก ใช้เวลาบินขึ้นจนถึงบินลงแค่สองชั่วโมงเอง หลังจากนั้นก็นั่งรถไปที่ท่าเรือ ที่มีเรือยอชต์ทรอลเลอร์จอดรออยู่ที่ท่าเรือแล้ว
ชาร์คและคนอื่นๆ ต่างก็รู้ว่าครอบครัวของฉินสือโอวจะมา ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาเคยพูดกันไว้ว่าจะเตรียมการต้อนรับไว้เป็นอย่างดี แต่ฉินสือโอวที่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการรับพ่อแม่เลยไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา สุดท้ายแล้วพอขึ้นมาบนเรือยอชต์ก็ถึงกับอึ้งไปเลย!
ทั้งเบิร์ดและนีลเซ็นที่สวมชุดสูทดำ รองเท้าหนัง เสื้อเชิ้ตขาวและเนกไทสีดำพร้อมกับสีหน้าไร้ความรู้สึก ยืนเอามือลงข้างลำตัวอยู่ที่ห้องคนขับเหมือนกับบอดี้การ์ดที่ทำเนียบขาว
ฉินสือโอวรีบโบกมือแล้วบอกว่า “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองเถอะ นี่พวกนายทำอะไรกันเนี่ย?”
นีลเซ็นถอดแว่นกันแดดออก แล้วพูดอย่างเท่ๆ ว่า “นี่พวกเราไม่ได้เพิ่มรัศมีให้บอสเลยเหรอ?”
คนเมืองแฟร์เวลที่ไม่รู้จักฉินสือโอวก็จะเดาได้ว่าเขาคือผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น เพราะชาร์คและคนอื่นๆ ก็คิดอย่างนั้น หลังจากนั้นก็ปล่อยให้คิดแบบนั้นไปเรื่อยๆ พวกเขาต้องคิดว่าฉินสือโอวจะต้องมีฐานะทางสังคมที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นเป็นแน่ เป็นครอบครัวผู้ดีจากตระกูลที่สูงศักดิ์ และมีเงินมากมายอะไรเทือกนั้น
เพราะอย่างนี้พอฉินสือโอวบอกว่าพ่อแม่ของเขาจะมา ชาร์คและคนอื่นๆ เลยคิดว่าจะต้องดูแลให้เหมือนกับเจ้าพ่อของกลุ่มธุรกิจใหญ่ และเพราะไม่อยากทำให้เจ้านายขายหน้าจึงทุ่มเทความพยายามสุดกำลังเพื่อให้ภาพลักษณ์ของตัวเองออกมาดูดีที่สุด
พอตรงกลับมาถึงคฤหาสน์ เออร์บักก็ได้จัดเตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนพาวลิสและคนอื่นๆ รออยู่หน้าประตูคฤหาสน์ แสดงความเคารพ พร้อมกับสวมชุดแบบทางการ เด็กผู้ชายสามคนสวมชุดสูทกันทุกคน ส่วนเชอร์ลี่ย์สวมกระโปรงเจ้าหญิงสีขาวราวกับหิมะ
ส่วนชาร์ค ซีมอนสเตอร์และนีลเซ็นก็เหมือนกัน ชุดสูทสีดำที่ถูกรีดเรียบจนกลีบโง้ง รองเท้าหนังสีดำที่ขัดจนเงาวับ และภายในบ้านยังมีเจ้าตัวน้อยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แค่ดูรู้สึกซื่อๆ ว่าข้างล่างมีอะไรผิดปกติ หู่จือและเป้าจือที่หมอบอยู่หน้าประตู และฉงต้าที่แอบอยู่หลังโซฟาชะโงกหัวเยี่ยมๆ มองๆ
ฉินสือโอวเหมือนโดนฟ้าผ่า ส่วนวินนี่ถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูกแล้วพาเด็กๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พ่อแม่ฉินสือโอวเลยถามขึ้นอย่างสงสัย “เสี่ยวโอว ปกติคนแคนาดาเขาแต่งตัวเป็นทางการแบบนี้กันเหรอ?”
“พวกเขาท่าจะเพี้ยนไปแล้ว” ฉินสือโอวยิ้มเจื่อนๆ ตอบ
ส่วนหู่จือและเป้าจือก็วิ่งมาต้อนรับอย่างฉลาด พวกมันทำคิ้วตกเปิดโหมดแอ๊บแบ๊ว แต่พ่อแม่ของฉินสือโอวที่โดนหมาพันธุ์นี้ขู่ตอนอยู่ที่สนามบิน พอเห็นพวกมันกำลังวิ่งเข้ามาพวกเขาก็ถึงกับรีบถอยกลับอย่างทันที
หู่จือและเป้าจือที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเงยหน้าขึ้นมองฉินสือโอว ขนาดเปิดโหมดแอ๊บแบ๊วแล้วถึงใช้ไม่ได้ผล?
และตอนนี้ที่ฉงต้าเห็นคนแปลกหน้าจึงค่อนข้างระมัดระวัง เพราะไม่ว่าจะเป็นอีวิลสันหรือนีลเซ็นตอนที่เห็นมันครั้งแรกต่างก็เคยทุบตีมันมาก่อน ดังนั้นมันจึงต้องหลบอยู่หลังโซฟาไม่ออกมาวิ่งเพ่นพ่าน
แต่สุดท้ายเสี่ยวฮุยก็มาเจอมันเข้า เขาชี้ไปที่มันแล้วร้องออกมาอย่างดีใจว่า “แม่มาดูนี่เร็ว หมี ตรงนั้นมีหมีด้วย!”
ก่อนหน้านี้ตอนที่วิดีโอคอลกับฉินสือโอว แม่ของฉินสือโอวก็เคยเห็นหมีตัวนี้มาก่อน แต่ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่มากที่ตอนนี้ได้มาเห็นตัวเป็นๆ ก็น่าสนใจยิ่งกว่าเดิม พวกเขารู้ว่าหมีนี้อ่อนแอและไม่กัดคน
ไม่เพียงแต่ไม่กัดคน แต่พอเห็นคนแปลกหน้ามาล้อมรอบตัวเอง ฉงต้าก็แทบจะฉี่ราด มันนึกว่าจะถูกตีอีก มันจึงรีบปีนขึ้นไปเพื่อหนี
เสี่ยวฮุยทำหน้าน้อยใจ “เจ้าหมีทำไมหนีไปแล้วล่ะ?”
ฉินสือโอวทั้งด่าเจ้านี่ในเวลาสำคัญกลับทำโซ่หลุดซะได้ ทั้งตามมันขึ้นไปเพื่อฉุดกรงเล็บอ้วนๆ ของมันลงมา หน้าของฉงต้าแสดงถึงความไม่เต็มใจ ทั้งคำรามโฮกๆ อยู่ในลำคอและยังคิดหนีอยู่ทุกวิถีทาง
วินนี่ถือกะละมังใส่สลัดผลไม้ออกจากห้องครัวมาให้เสี่ยวฮุย จากนั้นแต่ละคนที่ถือคนละชิ้นอยู่ในมือก็ผลัดกันป้อนฉงต้า เพราะอย่างนี้ฉงต้าเลยไม่หนีแล้ว แถมมันยังเงยหน้ากินอย่างพริ้มอกพริ้มใจ
“หมีตัวนี้ของแกเล่นด้วยแล้วสนุกจริงๆ นะ ว่าแต่การเลี้ยงหมีที่แคนาดาไม่ถือว่าผิดกฎหมายเหรอ?” พ่อของฉินสือโอวพูดอย่างยิ้มแย้ม เขาลูกหัวฉงต้าอย่างระมัดระวัง จนสุดท้ายฉงต้าไม่ต่อต้านแล้ว ส่วนเขาก็ให้มัน
วินนี่เลยช่วยอธิบาย “ถ้าอยู่ในเขตเมือง สัตว์พวกหมีสีน้ำตาลกับบูลด็อกจะไม่อนุญาตให้เลี้ยง แต่ถ้าแถวชนบทขอเพียงควบคุมไม่ให้สัตว์ไปทำร้ายคน ก็เลยเลี้ยงหมีได้ไม่มีปัญหาค่ะ”
ทางฝั่งของเชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ ที่ไม่กล้าเดินลงมา ฉินสือโอวเลยแนะนำให้พวกเขารู้จักกัน ส่วนพ่อแม่ของฉินสือโอวที่รู้ว่าเป็นหลานชายหลานสาวของเออร์บักก็ดีใจมาก และรีบหยิบของขวัญที่เตรียมไว้มาแจกให้ตามลำดับ
คนแก่ทุกคนก็เหมือนๆ กันหมด ชอบที่บ้านมีคนเยอะๆ บรรยากาศคึกคัก คฤหาสน์ที่ใหญ่อย่างนี้มีเด็กสี่คนพอเพิ่มเสี่ยวฮุยเข้าไปในวงด้วย พวกเขาก็มีความสุขมาก
มิตรภาพระหว่างเด็กมักจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายๆ อีกทั้งอุปสรรคการสื่อสารระหว่างพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเด็กๆ ทั้งสี่คนเรียนรู้การพูดภาษาจีนกับฉินสือโอวมาโดยตลอด ถ้าบทสนทนาง่ายๆ ก็ไม่มีปัญหา อย่างนี้เลยทำให้เด็กๆ ทั้งห้าคนสื่อสารระหว่างกันด้วยประโยคง่ายๆ และสามารถเข้าใจความหมายของแต่ละฝ่ายจะที่สื่อสารได้อย่างชัดเจน
จากนั้นพาวลิสก็ได้นำเสนอซีบิสกิตของเขา และเชิญให้เสี่ยวฮุยขึ้นไปนั่ง
เสี่ยวฮุยที่ค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว ซึ่งบางทีก็เหมือนกับเด็กผู้หญิง พอได้รับการเชิญชวนเลยตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ จึงมองไปยังพี่สาวของฉินสือโอว
พี่สาวโบกมือและพูดว่า “ไปเล่นเถอะ แต่ระวังอย่าให้บาดเจ็บนะ”
พอได้รับคำสั่งจากพี่สาว เสี่ยวฮุยก็เหมือนกับขันทีที่ได้รับพระราชโองการ บวกกับสีหน้าแสดงออกถึงความดีอกดีใจและรีบปีนขึ้นไปบนรถเอทีวี
……………………………………………