ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 382 ลูกเขยมาเยี่ยม
เงินอุดหนุนจากรัฐบาลหมดลงอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวจึงหยุดยั้งความเร็วในการใช้จ่ายไว้ก่อนเขามีเรื่องสำคัญกว่าให้ต้องเตรียมตัว นั่นก็คือกลับบ้านไปฉลองคืนคริสต์มาสอีฟกับเทศกาลคริสต์มาสกับวินนี่ที่บ้านของเธอนั่นเอง
ตอนนี้ที่ฟาร์มปลาไม่ได้มีงานอะไร ฉินสือโอวไม่อยู่ก็ไม่มีปัญหา
เดิมทีฟาร์มปลาต้องส่งปลาแลมป์เพรย์ไปขาย แต่เมื่อเข้าสู่หน้าหนาว การตกปลาแลมป์เพรย์ก็กลายเป็นเรื่องยากแล้ว ฉินสือโอวไม่ยอมให้พวกชาร์คต้องพบเจอกับความยากลำบากนี้ เขาจึงเจรจากับบัตเลอร์เพื่อขอระงับการจำหน่ายปลาแลมป์เพรย์ชั่วคราว
บัตเลอร์รู้สึกเสียดาย ฉินสือโอวก็เสียดายเช่นกัน ยังไงซะนี่ก็เป็นการจับปลาเพื่อขายอย่างเป็นทางการครั้งแรกของฟาร์มปลา จับปลาแลมป์เพรย์ยี่สิบวัน ทำเงินให้เขาทั้งหมดหกแสนดอลลาร์ นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย
ที่จริงแล้วรายได้หลักมาจากช่วงเริ่มต้นในสัปดาห์แรก เพียงวันเดียวก็สามารถส่งปลาขายได้สามร้อยกิโล ต่อมาปริมาณในการผลิตก็เริ่มลดลง ปลาแลมป์เพรย์ไม่ใช่ปลาค็อด มันมีจำนวนมากขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะ? ตอนนี้หยุดการจับปลาไว้ก่อนก็ดี เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างไรเล่า
เมนล็อบสเตอร์ปริมาณมหาศาลถูกปล่อยลงสู่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวเหนื่อยจะตายแล้ว ตอนกลางวันเขาต้องคอยสั่งการให้เบิร์ดขับเครื่องบินแทรกเตอร์ไปโปรยอาหารให้ลูกพันธุ์กุ้งมังกรในทะเล ส่วนตอนกลางคืนก็ต้องถ่ายทอดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้กับพวกมันอย่างสุดชีวิต
สัปดาห์กว่าๆ ที่ฉินสือโอวไม่ได้ทำอะไรกับวินนี่เลย นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนด้วยซ้ำ
วินนี่เข้าใจอะไรผิดนิดหน่อย เธอนึกว่าฉินสือโอวคงกังวลเรื่องที่ต้องมาพบกับครอบครัวของเธอ วันที่ 20 ก่อนจะเตรียมตัวขึ้นเครื่องบิน เธอก็กุมมือใหญ่ของฉินสือโอวเอาไว้แล้วพูดกับเขาอย่างอ่อนโยนว่า “อย่าคิดมากนะคะ ที่รัก ฉันคือแอร์โฮสเตสตัวน้อยของคุณ นี่คือเรื่องจริงที่แม้แต่พระเจ้าก็เปลี่ยนแปลงมันไม่ได้”
เพื่อที่จะไปพบกับผู้ใหญ่ในครั้งนี้ ฉินสือโอวเตรียมของขวัญห่อเล็กห่อใหญ่เอาไว้เป็นกอง นอกจากนี้ยังพาฉงต้า ต้าป๋าย หู่จือกับเป้าจือไปกับพวกเขาด้วย
ช่วยไม่ได้ คราวนี้พวกเขาจะไม่อยู่บ้านอย่างน้อยก็สิบกว่าวัน ถ้าไม่ได้เจอเขากับวินนี่นานขนาดนั้น คาดว่าเจ้าพวกนี้คงต้องอาละวาดจนฟาร์มปลาวุ่นวายแน่นอน
สามารถนำสัตว์ขึ้นเครื่องบินได้ ทว่าก็จำกัดอยู่แค่สุนัขกับแมวเท่านั้น สัตว์ป่าอย่างหมีสีน้ำตาล ต่อให้เป็นเครื่องบินรบก็ยังไม่กล้าให้พวกมันขึ้นไปเลย
นี่ไม่นับว่าเป็นปัญหา ฉินสือโอวโทรศัพท์หาเจนนิเฟอร์ บริษัทเอ็กซ์เพรสก็จัดการทุกอย่างให้อย่างพร้อมสรรพ เครื่องบินโดยสาร PA-42 ลำหรูลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาตินครเซนต์จอห์นโดยตรง เครื่องบินส่วนตัว!
เครื่องบินโดยสาร PA-42 มีความยาว 13.5 เมตร ปีกกว้าง 15 เมตร มีที่นั่งทั้งหมด 11 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบพร๊อป PT6A-41 สองเครื่องยนต์จากแพรทท์แอนด์วิทนีย์แคนาดา ระดับความเร็วในการบินลาดตระเวนอยู่ที่ 523 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางในการบิน 4200 กิโลเมตร ราคาหนึ่งล้านสี่แสนดอลลาร์แคนาดา สำหรับเศรษฐีนี่นับว่าเป็นเครื่องบินส่วนตัวคุณภาพดีที่มีราคาถูกรุ่นหนึ่งเลย
บ้านของวินนี่อยู่ที่วินนิเพ็ก เมืองแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนทุ่งหญ้าริมฝั่งตะวันออกของสามรัฐ เป็นเมืองใหญ่อันดับที่แปดของแคนาดา และเป็นเมืองหลวงของรัฐแมนิโทบา ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแคนาดา มีระยะห่างจากนครเซนต์จอห์นประมาณสองพันแปดร้อยกิโลเมตรเมื่อวัดแบบเส้นตรง
มีเครื่องบินส่วนตัวก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ ถ้าหากนั่งเครื่องบินโดยสารทั่วไปจากนครเซนต์จอห์น ก็จำเป็นจะต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่โทรอนโตเพราะไม่มีเที่ยวบินตรง ใช้เวลาสิบกว่าชั่วโมงกว่าจะถึงวินนิเพ็ก
แต่ถ้านั่งเครื่องบินส่วนตัว เวลาแค่ห้าชั่วโมง เครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินวินนิเพ็กแล้ว
ตอนที่เครื่องบินลงจอด ฉินสือโอวรู้สึกว่าวินนี่ค่อนข้างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงจับมือของเธอไว้แล้วถามเธอว่า “รู้สึกประหม่าเพราะคิดถึงบ้านใช่ไหมครับ? ไม่เป็นไรนะ มีผมอยู่ด้วยแล้ว”
เห็นท่าทางของวินนี่แล้ว เขาก็รู้สึกค่อนข้างกังวล หรือว่าคนในครอบครัวของเธอจะเป็นพวกเหยียดชาติพันธุ์หรือเปล่านะ? ไม่น่าจะใช่หรอก วินนี่เป็นลูกครึ่ง เธอเคยบอกว่าคุณปู่ของเธอเป็นคนจีน แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงดูไม่ค่อยมีความสุขเลยล่ะ?
วินนี่ยิ้มออกมา รีบทำตัวเองให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ตอนลงจากเครื่องบินเธอก็พูดให้ฉินสือโอวฟังว่า “ดูสิคะ นั่นคือถนนใหญ่เวลลิงตันวินนิเพ็ก ตอนนี้พวกเราอยู่ทางฝั่งตะวันตก เดินตรงไปทางฝั่งตะวันออกอีกนิดจะมีศูนย์การบิน แต่เดิมเป็นสถานีการบริการทางเทคนิคของสายการบินแอร์แคนาดากับแมกเจลแลนเอวิเอชั่น และยังเป็นสำนักงานของบริษัทโบอิ้งในวินนิเพ็ก ฉันก็ได้รับเลือกให้เข้าทำงานที่สายการบินแอร์แคนาดาจากที่นี่”
ฉินสือโอวพยักหน้าตาม เมื่อออกมาจากสนามบิน รถลีมูซีนที่มีพื้นที่กว้างขวางคันหนึ่งก็กำลังรอพวกเขาอยู่ รถคันนี้ก็เป็นรถคาดิลแลควันเช่นกัน รถลีมูซีนลินคอนคาดิลแลควัน ที่เจนนิเฟอร์ช่วยจองไว้ให้ฉินสือโอวเมื่อก่อนหน้านี้
เนื่องจากเขาพาทั้งสุนัขทั้งหมีมาด้วย รถทั่วไปจึงนั่งกันไม่พอ ต้องใช้รถลีมูซีนเท่านั้น เจนนิเฟอร์ไตร่ตรองได้รอบคอบ ทำให้เห็นว่าที่บริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรสมีลูกค้าเป็นมหาเศรษฐีเยอะขนาดนี้ไม่ใช่เพราะมีดีแค่ชื่อเสียง
พอขึ้นรถมาแล้ว ฉินสือโอวก็ฝืนยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า “คงไม่ค่อยมีลูกเขยแบบผมหรอกใช่ไหม? มาเจอครั้งแรกพาหมามาไม่พอ ยังเอาหมีมาด้วยอีก”
วินนี่จูบหูของฉงต้าอย่างรักใคร่ แล้วพูดกับเขาว่า “ถ้าคุณไม่พาพวกมันมาด้วยต่างหากล่ะ ฉันถึงจะรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสม พวกมันเป็นลูกของเรานะคะ”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา พอขึ้นมาบนรถแล้ววินนี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทร ฉินสือโอวรู้ว่าเธอจะโทรบอกที่บ้าน จึงรีบอยู่นิ่งๆ ทันที
เมื่อมีคนรับสาย วินนี่ก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แล้วถามด้วยน้ำเสียงแบบที่ฟังแล้วฝืนใจว่า “คุณเองเหรอ? พ่อกับแม่อยู่ไหมคะ? ให้พวกท่านมารับโทรศัพท์หน่อย…ได้ไหมคะ?”
“เฮ้ มิแรนด้าที่รัก นี่วินนี่นะ หนูใกล้จะถึงบ้านแล้วนะคะ ใช่ค่ะ คราวนี้หนูพาแฟนมาฉลองวันคริสต์มาสด้วยนะคะ แล้วก็พาลูกๆ ของพวกเรามาด้วย…”
ได้ยินวินนี่พูดแบบนั้น ใจของฉินสือโอวก็กระตุกขึ้นมาทันที เขาได้ยินเสียงคนตกใจที่ดังออกมาจากโทรศัพท์
“ไม่จำเป็นต้องแนะนำแบบนั้นก็ได้หรือเปล่า?” ฉินสือโอวร้องออกมา ถ้าอยู่ดีๆ ลูกสาวของเขาบอกกับเขาว่า กำลังพาแฟนกับลูกมาหาที่บ้าน เขาต้องคิดว่าเป็นหลานชายหลานสาวของตัวเองแน่ๆ แล้วเขาต้องเป็นประสาทตายแน่นอน
วินนี่ขยิบตาอย่างขี้เล่น จากนั้นเธอก็ตัดสายทันทีไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ตั้งคำถาม
ฉินสือโอวเริ่มปวดหัวหน่อยๆ แล้ว เขารู้สึกว่าความประทับใจแรกของพ่อตาแม่ยายที่มีต่อเขา นั้นเลวร้ายมากจริงๆ
วินนี่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เธอมองทุกอย่างที่อยู่นอกหน้าต่างอย่างสนอกสนใจ พร้อมทั้งอธิบายสิ่งก่อสร้างที่เป็นสัญลักษณ์ขณะที่พวกเขากำลังนั่งรถผ่านให้เขาฟังอย่างต่อเนื่อง
“นี่คือหอแสดงดนตรีวงวินนิเพ็กซิมโฟนี ออร์เคสตร้า เป็นยังไงบ้างคะ? ไม่ได้ด้อยไปกว่าหอแสดงดนตรีคาร์เนกีเลยใช่ไหม”
“เห็นตึกเล็กๆ นั่นไหมคะ? นั่นคืออพาร์ตเมนต์ของคณะนักแสดงบัลเลต์รอยัลวินนิเพ็ก ข้างในมีสาวสวยอยู่เยอะแยะเลยล่ะ ฉันมีเพื่อนร่วมชั้นสวยๆ เต้นรำอยู่ในนั้นด้วย เดี๋ยวฉันแนะนำให้คุณรู้จักดีไหมคะ?”
“พวกเราใกล้ถึงศูนย์ศิลปะการแสดงแมนิโทบาแล้ว เทศกาลคริสต์มาสต้องมีหนังดีๆ มาฉายแน่นอน พวกเราไปดูด้วยกันดีไหมคะ?”
“น่าเสียดายที่พวกเรานั่งอ้อมมา ถ้าตรงเข้าไป พวกเราจะได้เห็นมหาวิทยาลัยแมนิโทบากับมหาวิทยาลัยวินนิเพ็ก หลังเรียนจบไฮสคูลฉันได้ใบตอบรับจากทั้งสองสถาบัน แต่ฉันก็ไม่ได้ไปเรียนที่นั่น”
“โอเค ที่รัก ถึงบ้านแล้วค่ะ”
“ให้ตายเถอะ วินนี่คุณอยากเห็นผมเป็นโรคหัวใจใช่ไหม? ช่วยบอกให้ผมเตรียมตัวก่อนไม่ได้เหรอครับ?” ฉินสือโอวถึงกับอ้าปากค้าง พอรถวิ่งเข้ามาสู่เขตที่อยู่อาศัยแห่งหนึ่ง วินนี่ก็บอกให้คนขับหยุดรถทันที นี่ถึงบ้านแล้วเหรอ?
พอลงมาจากรถ ฉินสือโอวก็พบว่าในย่านที่อยู่อาศัยแห่งนี้มีคนผิวเหลืองอยู่ไม่น้อยเลย หรือว่าคนจีนจะครองวินนิเพ็กไปหมดแล้ว?
วินนี่เดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไร เธอจึงหัวเราะคิกๆ คักๆ แล้วพูดกับเขาว่า “พวกเขาคือชาวอินูเปียตค่ะ ตาทึ่ม คุณไม่รู้หรอกเหรอคะ? ใจกลางเมืองวินนิเพ็กมีสถานีต้อนรับชาวอินูเปียตอยู่หลายแห่งเลยล่ะ ที่นี่ก็คือหนึ่งในสถานที่ชุมนุมของชาวพื้นเมืองในแคนาดา”
พอฉินสือโอวนึกออกแล้วเขาก็ค่อยพยักหน้าตาม เขายื่นมือออกไปตบสะโพกงอนๆ ของวินนี่ด้วยความเคยชิน แล้วพูดกับเธอว่า “คุณนี่เป็นปีศาจน้อยที่ชอบแกล้งคนจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงเข้าใจประเพณีของชาวอินูเปียตได้ดีขนาดนี้”
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็มีเสียงร้องตกใจดังขึ้นมาจากด้านข้าง ฉินสือโอวหันกลับไปดูก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง เขาพบกับผู้หญิงท่าทางอบอุ่นคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับวินนี่… ค่อนข้างคล้ายกันเลยล่ะ
ฉินสือโอวรู้สึกว่าท่าจะไม่ค่อยดีเท่าไรแล้วล่ะ…
…………………………………………………..