ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 403 ซ่อมแซมโบสถ์
สามแสบหู่เป้าฉงรังแกราชาหมาป่าน้อยอย่างไม่หยุดพัก เด็กน้อยหลัวปอไร้กำลังจะต่อกร ขนาดพ่อกับแม่ยังสู้พี่ใหญ่สามตัวนี้ไม่ได้แล้วนับประสาอะไรกับมัน? เพราะอย่างนั้นมันถึงไม่ได้ดื่มนมวัวที่ยังเหลืออยู่เลยสักหยด
พอเห็นแบบนี้ วินนี่จึงลงไปที่ครัวเพื่อหยิบชามใส่อาหารของพวกมันทั้งสามตัวออกมา แล้วเทนมวัวลงไปครึ่งชาม
แต่พวกหู่เป้าฉงไม่ยอมดื่ม พวกมันเอาแต่จ้องเด็กน้อยหลัวปอ ไม่ยอมให้มันได้ดื่มนม
หมดปัญญาแล้ว วินนี่ทำได้แค่กอดหลัวปอตัวน้อยเอาไว้ในอ้อมอก แล้วเทนมวัวใส่มือเพื่อป้อนให้มันกิน ส่วนฉินสือโอวก็จับตาดูสัตว์เลี้ยงอีกสามตัว แบบนี้ถึงจะป้อนหลัวปอได้จนมันอิ่ม
พอกินจนอิ่มท้องเด็กน้อยหลัวปอก็ทำตัวดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พอหาที่อุ่นๆ ได้แล้วขาทั้งสี่ข้างก็แผ่กว้างหมอบลงไปบนเตียงจากนั้นก็ร้องฮูๆ แล้วหลับไป ฉินสือโอวกับวินนี่หันมายิ้มให้กัน แล้วหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า
หลังฟ้าสว่าง วินนี่จะพาหลัวปอไปส่งคืนให้พ่อแม่ของมัน เธอจึงต้องลางานอีกวัน
ฉินสือโอวไม่ได้ไปกับวินนี่ เมื่อวานเออร์บักบอกกับเขาว่าโบสถ์ประจำเมืองทรุดโทรมมากแล้ว เขาเลยจะลองไปดู เพื่อที่จะได้ช่วยซ่อมแซมโบสถ์ให้กับเมืองนี้
สาเหตุที่เขาอยากจะซ่อมโบสถ์มีอยู่สองข้อ อย่างแรกคือเขาอยากจะทำอะไรเพื่อเมืองนี้บ้าง นอกจากนั้นเขาก็อยากจะเพิ่มชื่อเสียงและความนิยมในเมืองนี้ด้วย ที่อเมริกาเหนือ ความนิยมเป็นสิ่งที่สำคัญมาก มันอาจจะไม่ได้ช่วยให้หาเงินได้เยอะขึ้น แต่จะทำให้ชีวิตของคุณดียิ่งกว่าเดิม
สาเหตุข้อที่สองและข้อที่สำคัญที่สุด ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ เขาเคยสาบานกับพระเยซูไว้ว่า ถ้าท่านสามารถคุ้มครองและอวยพรให้เขาหาเงินได้ถึงร้อยล้านดอลลาร์แคนาดา เขาจะมาช่วยซ่อมแซมโบสถ์ของเมืองนี้ให้
ตอนนี้ เงินจำนวนร้อยล้านดอลลาร์ก้อนแรกมาอยู่ในมือของเขาแล้ว
อยู่ที่เมืองแห่งนี้มาแล้วหนึ่งปี ฉินสือโอวก็เข้าใจเมืองนี้ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้การคลังของเมืองแฟร์เวลอยู่ในสภาวะที่ยากจนข้นแค้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงมีโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ดีนัก ไม่มีเงินพิเศษที่จะนำมาลงทุน
โบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สองร้อยปีที่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะทรุดโทรมเกินไป ก็คงจะทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้
แต่มันเก่าและผุพังจนเกินไป จนถึงกับไม่มีบาทหลวงประจำโบสถ์ ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวเคยพบบาทหลวงท่านหนึ่งชื่อว่าเดลลา มอนด์ริส เป็นบาทหลวงจากโบสถ์แห่งหนึ่งในนครเซนต์จอห์น ช่วงเทศกาลกับนานๆ ครั้งท่านถึงจะมาที่นี่
เทียบกับตอนที่ฉินสือโอวเพิ่งมาถึง ก็ดูเหมือนว่าโบสถ์แห่งนี้จะผุพังลงไปกว่าเดิมนิดหน่อย สาเหตุสำคัญก็มาจากหิมะที่ตกหนักติดต่อกันหลายวันจนทำให้โบสถ์ได้รับความเสียหาย หลังคาทรงกรมของโบสถ์ถูกหิมะปกคลุมไว้ มีบางจุดที่ถูกกดทับจนได้รับความเสียหาย
พอฉินสือโอวหยุดรถแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง เขาก็ชะงักงันทันที “สายตาผมมีปัญหาหรือว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมผมถึงรู้สึกว่าไม้กางเขนที่อยู่ข้างบนมันเบี้ยวไปหน่อยหนึ่ง?”
เมื่อเออร์บักหันไปมองเขาก็แทบจะสำลักออกมาเหมือนกัน “ให้ตาย ใช่จริงๆ ด้วย ดูเหมือนว่าจะต้องซ่อมโบสถ์กันครั้งใหญ่แล้วล่ะ”
ฉินสือโอวเดินไปทั่วบริเวณด้านในของโบสถ์ สิ่งที่ต้องซ่อมแซมเป็นอย่างแรกก็คือหอคอย หอคอยที่เคยเป็นหัวใจสำคัญของโบสถ์ชำรุดทรุดโทรมไปหมดแล้ว ผนังด้านนอกเต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหาย
กระจกสียิ่งต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ผ่านแดดผ่านลม สีสันของกระจกพวกนี้ก็ซีดลงไปมาก สีสันปนเปกันอย่างพิลึกพิลั่นไม่เพียงแต่ทำให้ดูขาดความศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังไม่เป็นมงคลและค่อนข้างน่ากลัวอีกด้วย
โต๊ะเก้าอี้ในโบสถ์ก็ต้องเปลี่ยน ภาพวาดพระแม่มารีกับภาพวาดเกี่ยวกับการเผยแผ่ศาสนาของบุตรแห่งพระเจ้าที่อยู่รอบๆ ก็ต้องวาดใหม่ สรุปสั้นๆ ว่า หากอยากจะทำให้โบสถ์แห่งนี้จะเปล่งประกายขึ้นมาอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เช่นนั้นก็ต้องใช้เงินทุนไม่น้อยเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเทศบาลของเมืองนี้ถึงยังไม่เริ่มการก่อสร้างเสียที
ฉินสือโอวโทรศัพท์ไปหาแฮมเล็ต เพื่อบอกว่าเขาวางแผนที่จะบูรณะโบสถ์แห่งนี้ พอได้ทราบข่าว แฮมเล็ตก็ขับรถคัมรี่มาที่นี่อย่างรวดเร็ว
เขาเดินเข้ามาในโบสถ์และแย้มยิ้มอย่างมีความสุข แฮมเล็ตจับมือของฉินสือโอวเอาไว้แล้วพูดกับเขาด้วยความซาบซึ้งว่า “นายทำเรื่องที่ดีมากให้กับเมืองนี้ ฉิน ขอให้พระเจ้าอวยพรนาย! ขอให้ท่านอวยพรให้นายทำทุกอย่างได้อย่างราบรื่น! อวยพรให้นายครอบครองฟาร์มปลาแกธเธอริงได้ในเร็ววัน!”
“อย่าเพิ่งพูดถึงมันเลยครับ ท่านนายกเทศมนตรี พวกเรามาคุยกันว่าจะซ่อมแซมโบสถ์ยังไงดีกว่า มีอะไรบ้างที่เราไม่ควรไปแตะต้อง? หรือมีอะไรที่เป็นวัตถุโบราณบ้าง?” ฉินสือโอวพูดเข้าประเด็น
แฮมเล็ตพาฉินสือโอวไปที่บ้านของผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่อยู่ในเมือง ระหว่างทางก็แนะนำให้เขาฟังว่า ผู้อาวุโสท่านนี้ชื่อว่ามัสก์ กริมม์ เป็นบาทหลวงคนก่อนของเมืองนี้ แต่เขาอายุมากแล้ว จึงไม่ได้ไปทำหน้าที่รับใช้พระเจ้าเพื่อคนในเมืองอีก
ปีนี้บาทหลวงกริมม์มีอายุถึงเก้าสิบสี่ปีแล้ว ท่านเป็นชายชราหลังค่อมร่างกายผอมแห้ง สุขภาพร่างกายก็ค่อนข้างแย่ แต่เป็นคนอารมณ์ดีมาก บ้านพักของท่านทรุดโทรมแต่สะอาดสะอ้าน เพียงพอที่จะเติมเต็มชีวิตของท่านกับคู่ชีวิตของท่าน
เมื่อก่อนตอนที่ยังอยู่ที่ประเทศจีน ฉินสือโอวคิดมาตลอดว่าบาทหลวงก็เหมือนกับนักบวช ที่ไม่สามารถแต่งงานได้ทั้งคู่ เมื่อมาถึงเกาะแฟร์เวลเขาถึงได้รู้ว่า สมาชิกองค์กรทางศาสนาของศาสนาคริสต์จะเรียกว่าบาทหลวง แต่ในนิกายโรมันคาทอลิกจะเรียกว่านักบวช ทั้งสองแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ทั้งสองฝ่ายมีลักษณะหน้าที่และความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน ในคำสอนของศาสนาคริสต์ ผู้ที่มีความศรัทธาจะสามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้โดยตรง บาทหลวงก็เป็นแค่ชื่อเรียก เป็นเพียงผู้ให้การปกป้องและให้คำแนะนำเท่านั้น
แต่สำหรับนิกายโรมันคาทอลิกจะแตกต่างกันออกไป ในหลักคำสอนของพวกเขา ผู้ที่ศรัทธาจะสามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้โดยผ่านทางนักบวชเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้หน้าที่ของนักบวชจึงยิ่งมีความสำคัญทำให้พวกเขายิ่งมีอำนาจ
ดังนั้น บาทหลวงจึงมีข้อปฏิบัติทางศาสนาน้อยกว่า ผู้หญิงสามารถทำหน้าที่นี้ได้ บาทหลวงสามารถแต่งงานได้ และไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดกับตัวเองนัก แต่นักบวชจะต่างกันออกไป ซึ่งต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น อีกทั้งยังไม่สามารถแต่งงานได้ตลอดชีวิต และต้องรับใช้พระเจ้าเป็นหลักสำคัญ
เมื่อได้พบกับฉินสือโอว บาทหลวงกริมม์ก็ทักทายเขา หลังจากนั้นก็แย้มรอยยิ้มพร้อมพูดกับเขาว่า “พระผู้เป็นเจ้าทรงมีเมตตา พ่อเชื่อมาตลอดว่าท่านไม่ได้ทอดทิ้งเกาะแฟร์เวล การมาถึงของลูก เป็นสิ่งที่พิสูจน์เรื่องนี้ได้อย่างแน่ชัด “
ฉินสือโอวยิ้มพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นพระเจ้าที่นำเขามาที่นี่ ตอนนี้ยิ่งเขาเข้าใจหัวใจโพไซดอนมากขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งศรัทธาในพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นผู้ที่ได้รับพลังจากพระเจ้าโดยตรง
ต่อจากนั้นบาทหลวงกริมม์ก็พูดให้แฮมเล็ตกับฉินสือโอวฟัง เกี่ยวกับส่วนที่สำคัญของโบสถ์ ขอแค่รักษาของสำคัญในบริเวณพวกนั้นไว้ให้ดี ส่วนบริเวณอื่นๆ ก็ลงมือก่อสร้างได้ตามสบาย
ในระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น บาทหลวงกริมม์ก็ยิ้มหัวเราะอยู่ตลอดโดยตลอด ฉินสือโอวคิดว่าถึงเขาจะร่ำรวยกว่าบาทหลวงกริมม์จนไม่อาจจินตนาการได้ แต่ก็ไม่ได้มีสภาพจิตใจที่ดีเหมือนท่าน
อีกทั้งสิ่งที่ฉินสือโอวอยากจะมีที่สุด ก็คือสภาพจิตใจแบบนี้!
สุดท้าย เขาก็ทนไม่ได้จึงถามบาทหลวงกริมม์ออกไปว่า “ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ แต่ผมเห็นว่า ชีวิตของคุณพ่อก็ไม่ได้มีความสะดวกสบายหรือมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่ทำไมคุณพ่อถึงได้มีความสุขขนาดนี้ล่ะครับ?”
ฉินสือโอวนึกว่าท่านจะบอกกับเขาว่าพระเจ้าอยู่ข้างกายท่านหรืออะไรทำนองนั้น แต่ก็ไม่ได้คำตอบเหมือนกับที่คิดไว้ บาทหลวงกริมม์ยกยิ้มแล้วตอบเขากลับมาว่า “ลูกเอ๋ย นั่นเป็นเพราะว่าพ่อพึงพอใจทุกสิ่งในชีวิตทุกวันนี้แล้ว พ่อมีพระเจ้าที่รักพ่อและพ่อก็รักท่านมาโดยตลอด พ่อได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคู่ชีวิตที่รักพ่อและพ่อก็รักเขา พ่อยังกินอิ่มนอนหลับ แล้วทำไมพ่อถึงจะไม่มีความสุขล่ะ?”
รู้จักพอถึงเป็นสุขได้ ลูกหลานของพระเจ้าหวงและพระเจ้าเหยียนต่างพูดถึงความจริงข้อนี้เอาไว้เมื่อนานแล้ว เพียงแต่คนที่เข้าใจและทำได้จริงนั้น มีอยู่อย่างน้อยนิด
พอออกมาจากบ้านของบาทหลวงกริมม์แล้ว ฉินสือโอวก็บอกวิลให้หยุดการก่อสร้างสนามบินชั่วคราว เพื่อที่จะได้รีบซ่อมแซมโบสถ์ให้เสร็จก่อนพายุหิมะจะมา
วิลตอบรับด้วยความยินดี เขาระดมวิศวกรที่เชี่ยวชาญด้านการซ่อมแซมและการป้องกันรักษาอาคารโบราณจากสำนักงานใหญ่ทันที ทั้งยังนำทีมมาซ่อมแซมโบสถ์แห่งนี้ด้วยตัวเอง
หลังจากฉินสือโอวกลับมาถึงบ้าน ก็เห็นว่าไม่มีคนอยู่ในบ้าน เขารู้ว่าวินนี่และคนอื่นๆ จะพาหลัวปอไปหาพ่อกับแม่ของมัน จึงตามไปที่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์
เหมือนกับที่คิดไว้ ทุกๆ คนกำลังซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ กับฟาร์ม มองดูหลัวปอน้อยที่อยู่ตรงริมป่า
หลัวปอที่มีขนสีขาวนุ่มนวลทั่วทั้งร่างกายก็วิ่งโซๆ เซๆ อยู่ครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามันมีความคุ้นชินและใกล้ชิดกับป่าไม้มากกว่า พอสูดจมูกดมกลิ่นดูแล้ว มันก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในป่าอย่างช้าๆ
……………………………………………………….