ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 406 นำทัพกุ้งมังกร
เช้าวันต่อมา ตอนที่ฉินสือโอวมาวิ่งออกกำลังกายเขาก็แวะเข้าไปดูใบผักที่เขาวางแถวริมชายหาด และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ตัวทากส่วนหนึ่งกำลังหดหัวหดตัวอยู่ใต้ใบผัก
ตัวทากพวกนี้ไม่ใช่ตัวทากแบบมังกรน้ำเงินที่เขามอบให้วินนี่ เป็นเพียงตัวทากทะเลทั่วๆ ไปเท่านั้น มันเหมือนหอยทากที่ไม่มีเปลือกนั่นเอง ความยาวประมาณหนึ่งสองเซนติเมตรถึงสิบเซนติเมตร หน้าตาค่อนข้างน่าขยะแขยง ผิวภายนอกเรียบลื่นมีเมือกเคลือบทั่วทั้งตัว ดังนั้นมันจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘หนอนน้ำมูก’
ฉินสือโอวหยิบกล่องใส่อาหารปลาที่เตรียมไว้ออกมา ใช้ตะเกียบคีบพวกหนอนน้ำมูกใส่เข้าไปข้างใน ด้านล่างปูดินทรายชื้นๆ ไว้ ส่วนด้านบนก็นำใบผักมาคลุม สามารถรักษาให้พวกมันมีชีวิตต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง
ตอนบ่ายอากาศอบอุ่นแล้ว ฉินสือโอวจึงนำเหยื่อตกปลาที่ยังเป็นๆ พวกนี้ พกติดตัวไว้แล้วเดินทางไปทะเลสาบเฉินเป่าด้วยความตื่นเต้น
ครั้งนี้เขาตั้งใจขับรถอ้อมไปดูโบสถ์ด้วย ทีมงานก่อสร้างของวิลกำลังดำเนินการก่อสร้างด้วยกันอย่างแข็งขัน สิ่งก่อสร้างที่ได้รับการอนุรักษ์บางส่วนถูกล้อมเอาไว้ ส่วนพวกที่เหลือก็เรียกได้ว่าเป็นการสร้างใหม่แทบจะทั้งหมด วิลกับวิศวกรออกคำสั่งให้คนงานฉาบปูนและปูกระเบื้องบริเวณภายนอกใหม่
ในช่วงฤดูหนาวชาวประมงก็เหมือนกันกับเกษตรกร ต่างก็ไม่มีงานอะไรให้ทำ บางคนพอเห็นว่ากำลังซ่อมแซมโบสถ์ จึงขออาสามาช่วยงานด้วย
เรื่องนี้ก็คล้ายกันกับเวลาคนจีนซ่อมแซมวัด คนที่มาช่วยก่อสร้างจะได้รับบุญกุศล ในศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ชาวคริสต์ที่มาช่วยสร้างโบสถ์ก็จะได้รับพรจากพระเยซูเช่นกัน
เห็นรถของฉินสือโอวขับผ่านมา ชาวเมืองกว่าสิบคนก็หยุดมือที่กำลังคีบบุหรี่สูบ แล้วพากันเข้ามาขอบคุณเขาที่ให้ความช่วยเหลือกับเมืองนี้อย่างใจกว้าง
ฉินสือโอวชนกำปั้นทักทายกับพวกเขา ระหว่างชาวประมงด้วยกันเวลาเจอหน้าจะไม่จับมือทักทาย แต่จะยกกำปั้นขึ้นมาชนกัน เหมือนกันกับแก๊งอันธพาลในหนังฮอลลีวูด ซึ่งก็นับว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งเช่นกัน
“ฉิน คำขอบคุณที่มากเกินไปคงไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว พระเจ้ารับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจของพวกเรา นายเป็นคนดีแบบที่พวกเราไม่เคยพบมาก่อน ไม่มีคนรวยคนไหนเหมือนนายเลย!” ชาวประมงร่างกายบึกบึนคนหนึ่งพูดกับเขาพร้อมกับคาบซิการ์เอาไว้ในปาก
ฉินสือโอวตอบกลับไปว่า “ผมก็เป็นคนของที่นี่เหมือนกัน แน่นอนว่าต้องสร้างประโยชน์ให้กับบ้านเมืองของตัวเองอยู่แล้ว อีกทั้งผมยังพอมีเงินอยู่บ้าง เลยทำได้แค่เริ่มได้จากจุดนี้ แต่โดยเนื้อแท้แล้วพวกเราก็เหมือนกันทุกคน ต่างก็มีคุณูปการต่อเมืองนี้ด้วยกันทั้งนั้น”
“คนมีเงินไม่ได้มีแค่นายคนเดียวหรอก ฮ่าๆ แต่พวกเขาก็พากันหนีไปอยู่นครเซนต์จอห์นกันทั้งนั้นล่ะ ถึงจะมีบางคนที่มาอยู่บนเกาะแฟร์เวล อย่างเจ้าของฟาร์มปลาแกธเธอริงหน้าโง่นั่น แต่แค่พวกเขาไม่ได้ทำลายเกาะแห่งนี้พวกเราก็รู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยคุ้มครองเราไว้แล้วล่ะ”
“ใช่แล้ว ฉิน นายสมถะแถมยังถ่อมตัว ทำให้พวกเราได้รู้จักกับแบบอย่างของชาวตะวันออกที่ดี เมื่อก่อนพวกเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประเทศของพวกนายเลย ตอนนี้เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวแล้ว พวกเราถึงได้เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วเศรษฐกิจในประเทศของพวกนายน่ะเยี่ยมยอดมาก คุณภาพของประชากรก็สูง โลกนี้เปลี่ยนไปมากแล้วจริงๆ!”
“เรื่องนี้พวกเราก็ต้องขอบคุณฉินเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาช่วยเสนอความคิดเห็น ช่วยค้นหาทรัพยากรเพื่อบุกเบิกการท่องเที่ยว ฤดูหนาวปีนี้พวกเราคงแทบจะไม่มีรายได้เลย แต่ตอนนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว ถึงจะจับปลาไม่ได้ แต่ก็ยังหาเงินได้เยอะกว่าปีก่อนๆ”
“ฉันเห็นด้วยกับที่บอนเนอร์พูดมาทั้งหมดเลย ถ้าไม่มีนักท่องเที่ยว ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินจากไหนมาซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้กับคนในครอบครัวเหมือนกัน”
ต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นของตัวเอง จึงเลี่ยงที่จะพูดเรื่องอาชีพประมงขึ้นมาได้ยาก กลุ่มชาวประมงพูดถึงรายได้ด้วยความพึงพอใจ เพราะหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจในเมืองนี้ค่อนข้างเอนไปทางการท่องเที่ยวแล้ว แต่พอพูดถึงอาชีพของตัวเอง พวกเขาแต่ละคนก็พากันหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที
“ดูสิ ฟาร์มปลาของพวกเราแทบจะไม่มีปลาเหลืออยู่แล้ว ทำได้แค่อาศัยจับกุ้งมังกรกับปูขึ้นมาขายเท่านั้น ไม่รู้ว่าพวกเราทำอะไรผิดหรือเปล่า พระเจ้าถึงต้องลงโทษพวกเรา ตั้งแต่เริ่มปีนี้มา กระทั่งกุ้งมังกรก็ไม่มีแล้ว” ชาวประมงร่างกายบึกบึนที่คาบซิการ์ไว้พูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา
ฉินสือโอวปลอบพวกเขาว่า “พระเจ้าไม่มีทางทอดทิ้งคนที่ศรัทธาในตัวท่านหรอก นอกเสียจากว่าใจที่อยากรับใช้ท่านของพวกนายยังไม่มากพอ ต้นฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ฟาร์มปลาของฉันจะเริ่มจับปลามาขายได้แล้ว ถึงตอนนั้นฉันต้องจ้างแรงงานคนจำนวนมากมาช่วยจับปลา พวกนายสนใจทำไหม?”
พอได้ยินอย่างนี้ เหล่าชาวประมงก็ตบอกแน่นๆ ของตัวเองจนเกิดเสียงดังปุๆ พวกเขาแต่ละคนต่างก็ดีใจกับเรื่องที่เกินความคาดหมายนี้ “แน่นอนสิ แน่นอน ฉิน เหลืองานไว้ให้ฉันด้วยนะ ขอแค่นายออกคำสั่ง ฉันจะไปหานายทันที”
“ฉันด้วย ฉิน ฉันพร้อมเสมอ นายเป็นคนดีที่ใจกว้างจริงๆ”
เงินเดือนที่ฉินสือโอวให้กับชาร์คและคนอื่นๆ เป็นเงินก้อนโต ทุกคนในเมืองต่างก็รู้เรื่องนี้ ชาวประมงทุกคนต่างก็อิจฉาพวกเขาที่ได้ทำงานให้กับเจ้านายหนุ่มที่มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แถมยังเป็นคนง่ายๆ สบายๆ พอได้ยินข่าวที่ว่าฉินสือโอวอาจจะต้องการแรงงานไปช่วยงานฟาร์มปลาเพิ่มอีก พวกเขาก็ย่อมต้องดีใจมากเป็นธรรมดา
“แต่มันก็อีกตั้งสี่ห้าเดือน ตอนนี้พวกนายคิดว่าจะทำยังไงกันล่ะ?” ฉินสือโอวเห็นท่าทางฮึกเหิมจนเกินเหตุของพวกเขา จึงรีบพูดถึงสภาพการณ์ให้เข้าใจชัดเจน
ต่อมาชาวประมงคาบซิการ์ก็พูดกับเขาว่า “รอจนแน่ใจว่าสภาพอากาศไม่มีปัญหาอะไร ก็อาจจะไปจับกุ้งมังกรที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ถือโอกาสตอนที่เชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ของกุ้งมังกรยังไม่ปกคลุมไปทั่วน่านน้ำแถบชายฝั่งทะเล ไปจับกุ้งมังกรมาขายอีกสักหน่อย”
การปรากฏตัวของเชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ทำให้เศรษฐกิจของฟาร์มปลาที่เดิมทีก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ลูกกุ้งมังกรที่อยู่แถบชายฝั่งทะเลหายสาบสูญไปจนหมด ก่อนที่แบคทีเรียจะหายไปกุ้งมังกรตัวใหญ่ที่เหลืออยู่ก็ยิ่งน้อยลงไปทุกครั้งที่ถูกจับขึ้นมา นี่เป็นแหล่งทรัพยากรสุดท้ายของพวกเขา ดังนั้นชาวประมงจึงต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด
ตอนนี้ราคากุ้งมังกรในตลาดเริ่มพุ่งขึ้นสูงแล้ว เมืองที่ไม่มีทางออกติดทะเลอย่างวินนิเพ็ก บ้านเก่าของวินนี่ก็ยิ่งได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ตอนเทศกาลคริสต์มาสพ่อของวินนี่ซื้อเมนล็อบสเตอร์ขนาดสองตัวห้าร้อยกรัมมาคู่หนึ่ง จ่ายเงินไปสี่ร้อยดอลลาร์แคนาดาเต็มๆ ซึ่งโดยปกติแล้วกุ้งมังกรขนาดเท่านี้หนึ่งคู่ จะมีราคาประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบดอลลาร์เท่านั้น
ถึงแม้ว่าจะเป็นการจับกุ้งมังกรแถบริมชายฝั่ง แต่ก็นับว่าเป็นงานชิ้นใหญ่เช่นกัน เนื่องจากต้องใช้ตาข่ายดักกุ้งเพื่อจับกุ้งมังกร ของชิ้นนี้กินพื้นที่มาก ต้องมีเรือขนาดใหญ่พอที่จะบรรจุมันได้
ดังนั้นถ้าหากชาวประมงในเกาะแฟร์เวลต้องการทำงานนี้ พวกเขาก็ต้องรวมเงินกันเพื่อเช่าเรือ หรือไม่ก็ไปรับจ้างทำงานให้คนอื่นแทน
ได้ยินกลุ่มชาวประมงพูดถึงเรื่องนี้ ฉินสือโอวจึงพูดขึ้นมาว่า “เฮ้ ฉันมีเรืออยู่ลำหนึ่ง เป็นเรือฮาวิซท พวกนายคิดว่าขนาดของมันเป็นยังไงบ้าง?”
ชาวประมงที่กำลังคาบซิการ์พูดกับเขาด้วยรอยยิ้มว่า “มันเป็นเรือที่ดีเลยล่ะ แต่รูปโฉมใหม่เอี่ยมเหมือนลูกแกะแรกเกิดของมัน ถ้าขับออกไปจับกุ้งมังกรก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน”
เนื่องจากในการจับกุ้งมังกรจำเป็นต้องหย่อนและยกตาข่ายจับกุ้งขึ้นลงตลอดเวลา ระหว่างการทำงานจึงหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการกระแทกได้ยาก โดยทั่วไปแล้วเรือที่ใช้จับกุ้งมังกรเลยมักจะมีสภาพชำรุดทรุดโทรม ซึ่งนี่แหละคือสาเหตุ
แต่ฉินสือโอวกลับไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แบบนั้นเรียกว่าเรือที่ดีตรงไหนกัน? ในสายตาของเขาเรือมีไว้สำหรับใช้งาน ไม่ว่าจะงานหนักหรืองานเบาก็เหมือนๆ กันทั้งนั้น
เมื่อลองคำนวณดูแล้ว ถ้าเอาไปขายที่ท่าเรือ กุ้งมังกรครึ่งกิโลจะมีราคาประมาณสี่สิบดอลลาร์แคนาดา โดยพื้นฐานแล้วถ้าโชคดีหน่อย ครั้งหนึ่งจะจับกุ้งมังกรได้ประมาณสองร้อยกิโลกรัม หรือเท่ากับหนึ่งหมื่นหกพันดอลลาร์ ถึงจะเป็นเงินก้อนเล็ก แต่เมื่อเป็นรายได้พิเศษก็ถือว่าไม่เลวเลย
พอตัดสินใจได้แล้ว ฉินสือโอวจึงพูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้ฉันกำลังจะไปตกปลา แต่ถ้าอีกสิบกว่าวันข้างหน้าอากาศยังดีอยู่ ฉันก็จะไปจับกุ้งมังกรที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ เอาเรือของฉันไปเอง ถ้าพวกนายสนใจก็มาด้วยกันสิ ได้ค่าตอบแทนดีแน่นอน”
เขาลองคำนวณดูแล้ว อาสาสมัครที่อยู่ตรงนี้มีอยู่ไม่เกินสิบคน ตามตำแหน่งงานบนเรือฮาวิซทแล้ว เขาแค่ต้องพาคนจากที่บ้านไปด้วยกันอีกสองคนก็จะครบพอดี
ได้ยินข้อเสนอของฉินสือโอว คนเหล่านี้ก็ถึงกับชะงักไปทันที หลังจากนั้นก็ตอบรับเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข ชายร่างใหญ่ที่สูบซิการ์ก็แปะมือกับเพื่อนแสดงความดีใจ แล้วพูดพร้อมหัวเราะออกมาว่า “เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าถ้าพวกเรามาซ่อมโบสถ์เราจะได้โชค พรของพระเจ้ามาถึงเร็วเกินไปแล้ว”
เรื่องนี้ตกลงกันไว้เท่านี้ก่อน ฉินสือโอวต้องรีบไปตกปลาแล้ว
…………………………………………………