ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 407 เจี้ยนผานโฮ่ว
หลังจากนัดหมายกับเหล่าชาวประมงไว้แล้ว ฉินสือโอวก็ขับรถไปที่ทะเลสาบเฉินเป่า มีนักท่องเที่ยวบางส่วนกำลังเล่นสเกตน้ำแข็งพร้อมกับส่งเสียงดังโหวกเหวก ไกด์นำเที่ยวคนหนึ่งนั่งอยู่บนฝั่ง เขาจะตะโกนเตือนให้นักท่องเที่ยวระวังหลุมน้ำแข็งอยู่เสมอๆ
ฉินสือโอวหาหลุมน้ำแข็งที่ทุบไว้เมื่อวานเจอแล้ว นี่เป็นที่ที่ชาร์คตั้งใจเลือกอย่างดี ระดับความลึกของน้ำก็เหมาะสม ใต้ทะเลสาบเป็นพื้นที่ต่ำ ปลาออร์ฟีสีทอง บาร์เบล ปลาเพิร์ชยุโรปชอบอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ นอกจากนี้วัชพืชน้ำใต้รูน้ำแข็งก็อุดมสมบูรณ์ สามารถดึงดูดปลาจำพวกปลาไพค์อเมริกาเหนือกับปลาดุกได้เป็นจำนวนมาก
ภายในค่ำคืนเดียว หลุมน้ำแข็งขนาดใหญ่ก็เกาะตัวกันเป็นน้ำแข็งอีกครั้ง มีความหนาถึงเจ็ดแปดเซนติเมตร ทำให้ได้รู้ว่าค่ำคืนในฤดูหนาวของเกาะแฟร์เวลนั้นหนาวเหน็บขนาดไหน
เมื่อคราวนี้เปลี่ยนเหยื่อตกปลาแล้ว ฉินสือโอวถึงรู้สึกพออกพอใจ หู่จือกับเป้าจือยื่นหัวมองลงไปยังรูบนพื้นน้ำแข็ง พวกมันก็รอคอยด้วยความคาดหวังเช่นกัน วันนี้ฉงต้าไม่ได้มาด้วย เมื่อวานจับปลาได้น้อยเกินไป มันเลยเลิกสนใจแล้ว
หลังจากเจาะพื้นน้ำแข็งเพื่อเปิดรูแล้ว ฉินสือโอวก็กำลังจะแขวนเหยื่อไว้กับตะขอตกปลา อีกทั้งการใช้ตัวสงกรานต์ก็ไม่ใช่ว่าจะแขวนไปกับตะขอแล้วหย่อนลงไปในทะเลสาบแบบทั่วๆ แล้วจะจบ มันมีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อนอยู่
ซีมอนสเตอร์ทำเครื่องสูบลมที่ทำมาจากหลอดของเข็มฉีดยาให้ฉินสือโอวหนึ่งอัน ต้องขอบอกเลยว่าคนที่มีร่างกายสูงใหญ่บึกบึนอย่างเขาก็มีความคิดและมีฝีมือมาก บางครั้งฉินสือโอวจะเรียกเขาเล่นๆ ว่าจางเฟย[1] เนื่องจากเขามีท่าทางดุดันเหมือนจางเฟย และยังทำงานฝีมือได้ประณีตอีกด้วย
นำปากหลอดเข็มฉีดยายัดเข้าไปในปากของตัวสงกรานต์ พออัดลมจากหลอดเข็มฉีดยาเข้าไป ตัวสงกรานต์ก็พองลมจนดูเหมือนลูกบอลลูกเล็กๆ ขึ้นมา นี่เกิดจากโครงสร้างร่างกายของตัวสงกรานต์ ร่างกายของพวกมันคล้ายกับแผ่นหนังหนึ่งเส้น จึงสามารถกักเก็บอากาศไว้ได้
คราวนี้ก็ติดมันไว้กับตะขอตกปลา ฉินสือโอวหย่อนมันลงไปในทะเลสาบ เมื่อมองทะลุผ่านน้ำใสสะอาดของทะเลสาบ ก็จะสามารถมองเห็นฟองอากาศเล็กๆ กลุ่มหนึ่งลอย ‘บุ๋งๆๆๆ’ ขึ้นมาสู่ผิวน้ำ ตัวสงกรานต์เริ่มปล่อยอากาศออกมาจากปาก ค่อยๆ ล่องลอยแล้วดิ่งลงอย่างช้าๆ ไม่ได้ทิ้งตัวดิ่งลงไปสู่ใต้ผืนน้ำเลยตรงๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวสงกรานต์ก็จะดูเหมือนกับพวกหนอนที่ลอยลงสู่ทะเลสาบตามธรรมชาติ ระหว่างที่กำลังจมลงอย่างช้าๆ ก็ดูเหมือนกับว่ามันกำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่
ปลาออร์ฟีสีทองตัวอ้วนกลมตัวหนึ่งกำลังว่ายวนอยู่รอบๆ พอมองเห็นตัวสงกรานต์ตัวนี้ มันก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที จากนั้นก็ว่ายน้ำเข้ามาด้วยความรวดเร็วพร้อมทั้งอ้าปากกว้างแล้วกลืนมันลงไป
หลังจากนั้น มันก็ต้องตกอยู่ในสภาพน่าเวทนา พอกลืนเหยื่อเข้าไปแล้วถึงได้พบว่าต่อให้อยากคายออกมาก็คายไม่ได้แล้ว
ฉินสือโอวมองดูลูกลอยของเบ็ดตกปลาที่กำลังสะบัดอย่างรุนแรง ก็รู้ได้ทันทีว่ามีปลามาติดเบ็ดแล้ว ปากของเขาก็หัวเราะเหอะๆ ออกมาทันที เหยื่อตกปลาอันนี้มีอิทธิพลต่อปลาเป็นอย่างมาก เมื่อวานใช้เนื้อกระป๋องกับไส้กรอกเป็นเหยื่อล่อ แม้กระทั่งปลาสักตัวก็ยังตกไม่ได้ ตัวสงกรานต์ตัวนี้เพิ่งจะลงน้ำไปไม่นาน ก็มีปลามาติดเบ็ดแล้ว
ตกปลาในทะเลสาบไม่จำเป็นต้องใช้รอกตกปลา เนื่องจากเส้นเอ็นตกปลาล้วนแต่เป็นเส้นเอ็นสั้นๆ แค่ยกขึ้นมาก็ได้แล้ว ฉินสือโอวสะบัดแขนขึ้นหนึ่งครั้ง ปลาออร์ฟีสีทองน้ำหนักราวๆ ห้าหกกิโลก็ถูกดึงขึ้นมาสู่ผิวน้ำ
“โว้ว ฝีมือเยี่ยมมากพี่ชาย!” เสียงพูดสำเนียงตงเป่ย[2]เด่นชัดดังขึ้นมาไม่ไกลจากด้านหลังของเขา
ฉินสือโอวมัวแต่รวบรวมสมาธิตกปลา จึงไม่ได้สังเกตว่ามีคนเข้ามาใกล้ พอได้ยินเสียงเขาจึงหันหน้ากลับไปดู ก็เห็นชายหนุ่มร่างกายสูงผอมคนหนึ่งกำลังยิ้มให้เขาด้วยใบหน้าทะเล้นๆ
หนุ่มคนนี้น่าจะอายุประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี บนใบหน้ายังมีสิววัยรุ่นอยู่ เสื้อผ้าการแต่งกายก็ไม่ได้ประณีตนัก ลักษณะค่อนข้างคล้ายกับตอนฉินสือโอวยังอยู่ที่จีน อืม ท่าทางคล้ายๆ พวกขี้แพ้ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือท่าทางแบบผู้ชายติดบ้านนั่นเอง
สิ่งที่ค่อนข้างน่าสนใจก็คือ บนหัวของชายหนุ่มคนนี้สวมหมวกทหารเหลยเฟิงอันหนาหนักอยู่หนึ่งใบ หัวของเขาค่อนข้างผอมเล็ก หมวกทหารใบนี้ก็กว้างมากเป็นพิเศษ จนดูเหมือนว่าเขาสวมหม้อไว้บนหัว บวกกับมือทั้งสองข้างของเขาที่กำลังซุกอยู่ในแขนเสื้อเหมือนกับคนแก่ เลยทำให้ดูน่าตลกขบขันเล็กน้อย
ฉินสือโอวพยักหน้ารับเป็นมารยาท คนคนนี้รอจนเขาดึงปลาขึ้นมาแล้วถึงจะพูดกับเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นคนมีมารยาทมาก เขาจะทำท่าทีเย็นชาใส่ไม่ได้
พอเขาพยักหน้า พ่อหนุ่มคนนี้ก็ไต่ไม้ค้ำเล่นสกีเข้ามา แล้วนั่งลงข้างๆ เขาทันที ชายหนุ่มหัวเราะคิกคักพร้อมทั้งพูดขึ้นมาว่า “ฝีมือพี่สุดยอดมาก ผมเห็นตั้งแต่แรกเลย พอหย่อนเบ็ดลงไปแล้ว จากนั้นก็ ‘ตู้ม’ ตกปลาขึ้นมาได้แล้วตัวหนึ่ง พี่ฝึกมาเหรอหรือว่าทำยังไง? บ้านเก่าของพี่อยู่ที่ไหนอะ?”
“ฉันเป็นคนหลู่เป่ย นายล่ะ?” ฉินสือโอวถอดปลาออกมาจากเบ็ดแล้วโยนไว้บนพื้นน้ำแข็งจากนั้นก็เริ่มตกปลาอีกรอบ
หนุ่มคนนั้นยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจพร้อมทั้งพูดขึ้นมาว่า “ผมเป็นคนตงเป่ย ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะเป็นคนบ้านเดียวกันก็ได้ พ่อของปู่ผมเป็นคนมณฑลซานตงที่ไปทำกินทางฝั่งตะวันตกของซานไท่กวน ตอนนั้นย้ายจากหลู่เป่ยไปตงเป่ย ต่อมาก็ลงหลักปักฐานอยู่ที่นั่น ใช่แล้ว ผมชื่อว่าโหวจื่อเซวียนนะ คนอื่นๆ เรียกผมว่าเจี้ยนผานโฮ่ว พี่ชื่ออะไรเหรอ? มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร?”
เวลาตกปลาสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการพูดคุย แต่สำหรับการเจาะพื้นน้ำแข็งตกปลาก็ไม่เป็นไร ยังมีพื้นน้ำแข็งหน้าๆ กั้นไว้อยู่ มีผลกระทบไม่มาก
มีคนคุยให้ด้วย ฉินสือโอวก็รู้สึกยินดีเช่นกัน เขาจึงตอบกลับไปว่า “ฉันชื่อฉินสือโอว ฉันมาที่นี่ค่อนข้างนานแล้วล่ะ น่าจะประมาณเก้าเดือนแล้ว”
“โอ้โห ทำไมพี่ถึงเจ๋งขนาดนี้เลยอะ? ทำไมพี่ถึงได้วีซ่า? สอนผมหน่อยสิ… เดี๋ยวนะ พี่แซ่ฉินเหรอ? พี่ใช่คนที่ขายเกี๊ยวแล้วเอาเงินไปซื้อรถหรูแถมยังควงสาวฝรั่งคนนั้นใช่ไหม?” โหวจื่อเซวียนถามเขาพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง
ฉินสือโอวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เจ้าหมอนี่มีอะไรก็พูดมาจนหมดเลยนะ เขาจึงพยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “คิดว่าน่าจะเป็นฉันนี่แหละ”
พอเขายืนยัน โหวจื่อเซวียนก็ยิ่งดีใจ จากนั้นก็ตีเขาเล่นๆ หนึ่งครั้งแล้วพูดขึ้นมาว่า “ผมได้เจอไอดอลแล้ว พี่ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้พี่ดังขนาดไหนในแถบตงเป่ยของบ้านเรา พวกผู้ชายติดบ้านมองพี่เป็นไอดอลกันทั้งนั้น พี่รู้ไหมว่าผู้ชายติดบ้านคืออะไร?… โอ้โห ทำไมหมาพี่ถึงดุขนาดนี้เนี่ย?”
พอเขาตีฉินสือโอว หู่จือที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที มันแยกเขี้ยวใส่เขาอย่างดุร้าย หนุ่มติดบ้านที่นั่งอยู่ก็ตกใจจนกระโดดขึ้นมา
ฉินสือโอวรู้สึกว่าท่าทางแบบนี้ก็เจ๋งอยู่เหมือนกัน เขาก็น่าจะเคยฝึกมาใช่ไหม? เมื่อสักครู่โหวจื่อเซวียนนั่งลงบนพื้นตามสบาย พอหู่จือแยกเขี้ยวใส่ เขาก็กระโดดขึ้นมาเลยทันที
ฉินสือโอวเคยเห็นท่าทางแบบนี้จากในทีวีมาก่อน ในละครสั้นเรื่องสุขสันต์วันเกิดของเจ้าซื่อ ก็มีคนเต้นด้วยท่าทางแบบนี้เหมือนกัน
“มันหยอกนายเล่นน่ะ ว่าแต่ว่านายเคยฝึกมาด้วยเหรอ?” ฉินสือโอวปลอบหู่จือแล้วถามเขากลับไป
โหวจื่อเซวียนหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดกับเขาว่า “ใช่แล้วล่ะ ผมชอบฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่ตอนนี้ผมชอบของเกี่ยวกับทหาร พี่เห็นหมวกใบนี้ของผมไหม? ผมจะบอกให้ว่าหมวกใบนี้ไม่ใช่หมวกธรรมดาๆ นะ หมวกพีแอลเอฤดูหนาวแบบเก่าของทหารรุ่น 65 ของเก่าหลายปีแล้ว เป็นของทหารแท้ๆ แน่นอน”
มีปลามาติดเบ็ดอีกตัวแล้ว ฉินสือโอวยืนขึ้นแล้วเก็บเส้นเอ็นตกปลาขึ้นมา แต่ปรากฏว่าเส้นเอ็นรับน้ำหนักไม่ไหว จึงขาดออกจากกันทันที
โหวจื่อเซวียนร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ ฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปดู ที่แท้ก็เป็นปลาดุกน้ำจืดยาวราวๆ หนึ่งเมตรนี่เอง ปลาชนิดนี้มีนิสัยดุร้าย มีพละกำลังมหาศาล เป็นปลาพื้นเมืองชนิดเดียวที่เป็นคู่ต่อสู้ของปลาคาร์ฟเอเชียในทะเลสาบเฉินเป่า
แน่นอนว่ารสชาติของปลาดุกน้ำจืดก็ดีมากเช่นกัน โดยเฉพาะถ้าใช้หม้อเหล็กในการปรุงปลาชนิดนี้ล่ะก็ เรียกได้ว่าอร่อยเหาะเลยล่ะ
ฉินสือโอวเห็นว่าหลังจากปลาดุกน้ำจืดดิ้นจนเส้นเอ็นขาดแล้วก็ไม่ได้ว่ายหนีไปไหน ยังมัวแต่โอ้อวดกำลังอยู่ในน้ำกับอ้าปากพะงาบๆ เขาจึงเปลี่ยนเป็นเส้นเอ็นขนาด 0.5 แล้วตกปลาต่อ ปลากระจอก ข้าน่ะเป็นเทพโพไซดอนนะ คิดว่าจะจัดการปลาตัวเล็กๆ อย่างแกไม่ได้เหรอ?
ระหว่างที่รอปลาดุกน้ำจืดมาติดเบ็ดอย่างใจเย็น ฉินสือโอวก็ถือโอกาสคุยกับโหวจื่อเซวียนไปด้วย เขาถามออกไปว่า “นายมาแคนาดาได้กี่วันแล้ว? เกาะแฟร์เวลเป็นยังไงบ้าง? วิวช่วงฤดูหนาวไม่ค่อยสวยเท่าไร ทำไมนายไม่มาช่วงฤดูอื่นแทนล่ะ?”
โหวจื่อเซวียนตอบเขากลับมาว่า “พี่ ผมไม่ได้มาชมวิวสักหน่อย ผมมายิงปืนเล่น ผมเห็นในอินเทอร์เน็ตบอกว่าที่เมืองนี้เพิ่งจะสร้างร้านขายปืนขนาดใหญ่ ผมเลยรู้สึกสนใจมากๆ เอ่อ อะไรนะ ผมพูดไปแล้วหรือยัง ผมมีชื่อเล่นว่าเจี้ยนผานโฮ่ว หมายถึงนักยุทธศาสตร์การรบคีย์บอร์ด”
“อ้อ นายเป็นพวกชอบเรื่องเกี่ยวกับทหารใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว พวกชอบทหาร พี่ใหญ่รู้เรื่องหลายอย่างเหมือนกันนะเนี่ย”
ฉินสือโอวเผลอหัวเราะออกมา เขาตอบกลับไปว่า “มิน่าล่ะคนอื่นถึงพากันบอกว่าคนที่ชอบการทหารมีแต่คนมีเงิน แค่เพราะอยากมายิงปืนเล่น นายเลยยอมจ่ายเงินหลายหมื่นหยวนเพื่อมาแคนาดาน่ะเหรอ?”
โหวจื่อเซวียนตอบเขากลับมาว่า “อะไรนะ ผมมีเงินที่ไหนกันล่ะ? ก่อนหน้านี้ผมเป็นยาจกเลยล่ะ แต่ช่วงคริสต์มาสผมได้โชคมา ซื้อลอตเตอรี่มาสองชุด ปรากฏว่าดันถูกเฉย พี่อย่าไปบอกใครนะ ผมได้รางวัลมาแปดล้านกว่า ผมเลยอยากใช้เงินหน่อย จะได้สานฝันที่จะได้จับปืนกับกระสุนของจริงสักที”
ฉินสือโอวกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เอ็นตกปลาก็ถูกดึงจนตึงเสียก่อน เฮ้อ ปลาดุกตัวนั้นไม่กลัวปีศาจจริงๆ มันมาติดเบ็ดอีกรอบแล้ว!
……………………………………………………..
[1] จางเฟย ตัวละครนิยายเรื่องสามก๊ก ภาษาจีนฮกเกี้ยนจะออกเสียงว่าเตียวหุย
[2] ตงเป่ย คือบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน