ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 411 หลัวปอรนหาที่
อาหารมื้อใหญ่จากเมนูปลาน้ำจืด ฉินสือโอวอิ่มจนเรอออกมา ฝีมือของโหวจื่อเซวียนไม่เลวเลยจริงๆ ถ่ายทอดรสชาติของอาหารตงเป่ยได้อย่างถึงพริกถึงขิง อร่อยกว่าอาหารจีนจากร้านอาหารในนครเซนต์จอห์นพวกนั้นเสียอีก
ตลอดเวลาที่อยู่บนโต๊ะอาหารโหวจื่อเซวียนก็อ้อนวอนเขาเพื่อขอดูปืนเอดับเบิลยูพีไม่หยุด พรุ่งนี้จะขอเข้าไปดูร้านปืนพร้อมกันกับเขา
ฉินสือโอวถามว่าไม่ใช่ว่าเขาไปร้านขายปืนมาแล้วหรอกเหรอ โหวจื่อเซวียนก็ถอนหายใจออกมา เขาตอบกลับไปว่าเขาได้เล่นแค่ปืนพก ส่วนปืนไรเฟิลกับปืนลูกซองเขายังไม่มีโอกาสได้เล่น เนื่องจากเจ้าของร้านเห็นว่าไม่เหมาะกับสุขภาพของเขา กลัวว่าถ้าเอาไปยิงเล่นแล้วจะเกิดเรื่องขึ้น จึงไม่ปล่อยให้เขาเช่า
ที่ซาโกรทำแบบนี้ก็เป็นเรื่องพื้นฐานอยู่แล้ว ช่วงเทศกาลคริสต์มาสเมื่อก่อนหน้านี้มีผู้หญิงคนหนึ่งบนเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ดถือปืนออกไปล่ากวาง แต่ปรากฏว่าปืนมีแรงสะท้อนกลับมากเกินไป อีกทั้งท่าถือปืนของเธอก็ไม่ถูก ด้ามจับของปืนจึงกระแทกเขากับคอของเธอ จนถึงกับทำให้คอเล็กๆ ของเธอหัก!
ในตอนนั้นข่าวนี้สร้างผลกระทบอย่างมาก ทางการเผยแพร่ข้อมูลการใช้ปืนอย่างปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ทางด้านประชาชนเองก็มีคนออกมาเดินขบวน เพื่อประท้วงท่าทีของรัฐบาลที่ไม่สนใจเรื่องการแพร่หลายของอาวุธปืน
ในสายตาของซาโกร ร่างกายของโหวจื่อเซวียนยังสู้ผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้ คอของเขาน่าจะหนาไม่เท่าผู้หญิงด้วยซ้ำ…
พอทานข้าวจนอิ่มแล้ว ฉินสือโอวก็ตกลงรับคำ ตั้งแต่เปิดร้านปืนมาเขาก็ยังไม่เคยเข้าไปดูเลย ไม่สมกับเป็นเจ้าของร้านเลยจริงๆ
พอตอนเย็นกลับเข้ามาในห้องนอน วินนี่ก็กำลังแกล้งหลัวปอเล่น ลูกหมาป่าขาวกระโดดไปกระโดดมา หางเล็กตั้งตรงเหมือนเสาธง ขนหมาป่าสีขาวนุ่มบนตัว ปุกปุยฟูฟ่องจนดูเหมือนกับก้อนขนหนึ่งก้อน
ฉินสือโอวยื่นมือออกไปกะว่าจะลูบมัน หลัวปอก็หลบมือเขาทันที มันหันหน้ากลับมาอ้าปากร้องอ๋าวๆ หมอบเท้าหน้าลงกระดกก้นขึ้น แยกเขี้ยวยิงฟันขู่ฉินสือโอว
“เอาล่ะๆๆ เหล่าจื้อ[1]ไม่จับแกแล้ว ทำอย่างกับว่าใครเขาอยากสนใจแกอย่างนั้นล่ะ?” ฉินสือโอวแบะปากพร้อมกับนั่งลงบนเตียง
วินนี่ตีเขาหนึ่งครั้งแล้ว เธอพูดกับเขาด้วยความรู้สึกไม่พอใจว่า “ห้ามพูดคำหยาบต่อหน้าเด็กนะคะ”
ฉินสือโอวหัวเราะคิกคักแล้วตอบเธอกลับไปว่า “ผมพูดคำหยาบที่ไหนกันล่ะ? คำว่า ‘เหล่าจื้อ’ มีความหมายว่าพ่อต่างหาก คุณเป็นแม่ของมันแล้วผมไม่ใช่พ่อของมันหรอกเหรอ?”
“เธอ! ไม่ใช่มัน! หลัวปอเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักๆ!” วินนี่แก้คำพูดของเขาอีกรอบ “แต่ไม่ว่ายังไงก็ห้ามพูดคำหยาบค่ะ!”
ฉินสือโอวยื่นมือออกไปกอดเธอ เขายิ้มอย่างชั่วร้ายพร้อมทั้งพูดกับเธอว่า “ผมไม่พูดคำหยาบก็ได้ แต่ตอนนี้ผมอยากทำเรื่องที่ผู้ใหญ่เขาทำกันแล้ว…”
วินนี่หลบหลีกเขาพร้อมกับแย้มรอยยิ้มออดอ้อน ฉินสือโอวกำลังจะปีนขึ้นไปหา แต่กลุ่มเงาสีขาวก็กระโดดเข้ามาจากด้านข้างเสียก่อน เป็นหลัวปอนั่นเองที่กระโดดขึ้นมาชนใบหน้าด้านข้างของเขา
ฉินสือโอวตกใจจนตัวโยน วินนี่ผลักเขาออก แล้วอุ้มเอาหลัวปอที่ล้มอยู่บนเตียงเข้ามากอดไว้ในอ้อมอกพร้อมทั้งเรียกมันว่าลูกรัก
ฉินสือโอวเคืองแทบแย่ เขาพูดขึ้นมาว่า “นี่ หวานใจของผม ผมต่างหากล่ะที่เป็นเหยื่อ รีบช่วยผมดูหน่อยว่าหน้าหล่อๆ ของผมถูกชนจนเสียหายตรงไหนไหม?”
พอเขาเข้ามาใกล้เธอ หลัวปอที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของวินนี่ก็แยกเขี้ยวยิงฟันแล้วเริ่มร้องออกมาทันที “อ่าฮู้ว อ่าฮู้ว…”
เมื่อเห็นเขาต้องทุกข์ใจแบบนี้ วินนี่ก็ยิ้มด้วยความรู้สึกสนุกสนานแล้วพูดกับเขาว่า “ดูสิคะ ลูกสาวของฉันไม่ยอมให้คุณเข้าใกล้ล่ะ คุณออกไปห่างๆ จากฉันหน่อย! แล้วก็ห้ามทำเรื่องไม่ดีด้วย ไม่อย่างนั้นฉันจะให้ลูกสาวของฉันไปกัดคุณ!”
ฉินสือโอวยิ้มหน้าแป้นแล้วโน้มตัวเข้าไปหาเธอ แต่ปรากฏว่าหลัวปอกลับดันเขาออกมาจริงๆ ทั้งกัดทึ้งทั้งตบตี โจมตีฉินสือโอวทุกรูปแบบอย่างกล้าหาญดุดัน มันตัวเล็กนิดเดียว ฉินสือโอวกลัวว่าจะทำให้มันเจ็บจึงไม่กล้าทำอะไร แต่ปรากฏว่ามันกลับยิ่งเหยียบจมูกขึ้นหน้า ไล่จนเขาต้องยอมลงไปจากเตียง
วินนี่กอดหมอนหัวเราะคิกคัก บนใบหน้าของเธอมีแต่สีหน้าของความพึงพอใจ “ลองปล่อยให้คุณมารังแกฉันอีกสิ ต่อไปนี้ฉันจะรอดูว่าคุณจะกล้ามารังแกฉันอีกไหม!”
ฉินสือโอวทำหน้าเซ็ง เขายกมือขึ้นขู่หลัวปอ ลูกหมาป่าขาวเห็นใบหน้าน่ากลัวของเขาเข้ามาใกล้ ก็หันหัวสะบัดหางวิ่งกลับไปหาอ้อมกอดของวินนี่ทันที ทั้งคลอเคลียทั้งร้องไห้อ๋าวๆๆ ทำเหมือนกับว่ามันเป็นคนที่ถูกรังแกไม่ใช่ฉินสือโอว
วินนี่ก็เริ่มลำเอียงเข้าข้างมันทันที เธอตำหนิฉินสือโอวว่าไม่ควรจะขู่ลูกหมาป่าขาวให้กลัว ฉินสือโอวจึงทำได้แค่พึมๆ พำๆ อย่างไม่พอใจอยู่สองสามคำว่า ‘พวกพ่อแม่รังแกฉัน’
ดวงตาสีดำแวววาวของหลัวปอจ้องมองไปยังฉินสือโอว บางครั้งลูกตาของมันก็ ‘หลุกหลิกๆ’ ไปมา จากนั้นก็มุดหัวเข้าไปคลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดของวินนี่ ท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง เหมือนพึงพอใจที่ตัวเองเอาชนะฉินสือโอวได้อย่างราบคาบ
ฉินสือโอวขี้เกียจต่อกรกับมัน เขานั่งลงข้างๆ วินนี่ พออ้าปากกำลังจะพูดกับเธอ หลัวปอก็อ้าปากออกเตรียมตัวกัดเขา
คราวนี้ฉินสือโอวไม่ยอมแล้ว เขาชี้ไปที่ลูกหมาป่าขาวแล้วพูดกับเธอว่า “ที่รัก คุณดูเอาเองนะ มันทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง ไม่ยอมให้ผมขึ้นเตียงแล้ว? อย่างนั้นน่ะเหรอ?”
วินนี่ลูบขนสีขาวของหลัวปอพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า เธออธิบายให้เขาฟังว่า “มันเป็นสัญชาตญาณของหมาป่าที่ต้องคุ้มครองอาณาเขตของตัวเองค่ะ หลัวปอยังเด็กอยู่ รอให้โตกว่านี้อีกหน่อยค่อยสอนเขาดีๆ เขาก็จะไม่เป็นแบบนี้แล้วล่ะค่ะ”
ฉินสือโอวจึงตอบเธอกลับไปพร้อมรอยยิ้มว่า “อ้อ สัญชาตญาณของหมาป่า คุ้มครองอาณาเขตงั้นเหรอ? แล้วถ้าเจ้าเด็กนี่คิดว่าคุณเป็นคู่รักของมัน เลยอยากจะปกป้องคู่ของมันแล้วจะทำยังไงดีล่ะ?”
พอได้ยินอย่างนี้วินนี่ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที เธอตีเขาหนึ่งทีแล้วพูดกับเขาว่า “คุณพูดอะไรเลอะเทอะ หลัวปอเป็นผู้หญิงนะ เป็นเด็กผู้หญิงที่สง่างามและมีคุณธรรม…”
“เป็นผู้หญิงแล้วยังไงล่ะ ผู้หญิงก็เป็นลาลา[2]ได้ไม่ใช่เหรอ?” ฉินสือโอวพูดด้วยความอาฆาต
หู่จือกับเป้าจือที่เดิมทีนอนดูพวกเขาอยู่กับพื้น พอได้ยินคำว่า ‘ลาลา’ ก็นึกว่าเขาเรียกพวกมันจึงรีบวิ่งเข้ามาเล่นด้วย
วินนี่โบกมือไล่พวกมันกลับไป กอดหลัวปอเอาไว้แล้วเริ่มออดอ้อน ฉินสือโอวเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว จึงเลิกผ้าห่มแล้วขึ้นไปนอนข้างๆ กันบนเตียง พอเขาขยับเข้าไปข้างใน เจ้าตัวแสบก็เริ่มร้องอ๋าวๆ ออกมาทันที
ฉินสือโอวไม่โกรธแล้ว เขาเหลือบมองหลัวปอพร้อมกับรอยยิ้ม ในใจก็แอบคิดว่าแกรนหาที่แล้ว พรุ่งนี้ เหอะๆ พรุ่งนี้แม่แกไม่อยู่แล้ว คอยดูแล้วกันว่าฉันจะจัดการแกยังไง!
เขาอารมณ์ไม่ดี เลยควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้ทะยานเข้าไปที่ฟาร์มปลา
เข้าไปดูน่านน้ำแถบแนวปะการังก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อก่อนเขาเคยคิดจะขยายแนวปะการัง แต่ต่อมาก็พบว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้น ซึ่งมีสาเหตุอยู่สองอย่าง
สาเหตุแรกเป็นเพราะว่าฝูงปลาใหญ่กับฝูงกุ้งไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัยอยู่แค่ในน่านน้ำตรงแนวปะการังเท่านั้น อีกทั้งมีเพียงกุ้งปูปลาส่วนน้อยเท่านั้นที่จะใช้ความรวดเร็วของการขยายตัวของปะการังในการดำรงชีวิต
ว่ากันตามปกติแล้ว ปะการังจะเจริญเติบโตได้ช้ามาก ในแต่ละปีจะโตขึ้นเพียงสองสามมิลลิเมตรเท่านั้น แต่ถ้าได้รับการกระตุ้นจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน โพลิปจะแพร่พันธุ์ด้วยการแตกหน่อได้เร็วมากเป็นพิเศษ มันจะขยายตัวอยู่ตลอดเวลา ทุกๆ วันจะเติบโตได้มากกว่าสองสามมิลลิเมตร
สาเหตุที่สองก็คือในตอนนั้นเขาค้นพบว่าในปะการังมีการสร้างสีจากสาหร่ายซูแซนเทลลี่ไม่มากพอ อาจจะเป็นเพราะมลภาวะทางน้ำที่มากเกินไป ถึงแม้ว่าจะวางก้อนหินกับซากเรือลงไปใต้ทะเล ก็ไม่มีทางสร้างปะการังเฮอมาไทปิค[3]ขึ้นมาได้
ต้องขอพูดให้ฟังก่อนว่าถ้าต้องการจะสร้างแนวปะการัง ก็จำเป็นต้องมีสาหร่ายเซลล์เดียวอย่างสาหร่ายซูแซนเทลลี่ ถ้าหากสาหร่ายซูแซนเทลลี่ไม่เข้าไปกลุ่มเนื้อเยื่อของปะการัง โพลิปก็จะไม่เกิดการสะสมจนเติบโตเป็นแนวปะการัง จำเป็นต้องให้มันเข้าสู่กลุ่มเนื้อเยื่อจนเกิดการสร้างขยาย ถึงจะเกิดเป็นปะการังเฮอมาไทปิค
เมื่อเร็วๆ นี้ ฉินสือโอวพบว่าพอฤดูหนาวมาถึง ภายใต้การซัดสาดของกระแสน้ำเย็นใต้มหาสมุทร รวมถึงผลกระทบจากการชำระสิ่งสกปรกของสาหร่ายทะเลที่ยิ่งเด่นชัดขึ้น คุณภาพน้ำของฟาร์มปลาจึงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การทำงานของโพลิปกับสาหร่ายซูแซนเทลลี่ก็ยิ่งเกิดประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดี
เนื่องจากการทำงานของสาหร่ายซูแซนเทลลี่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นจึงสามารถวางแผนการสร้างขยายปะการังเทียมไว้ในตารางการดำเนินงานได้แล้ว แต่ก็แน่นอนว่าต้องรอให้ฤดูร้อนมาถึงเสียก่อนถึงจะทำได้ ฤดูหนาวอากาศหนาวเหน็บขนาดนี้ งานอะไรก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น
……………………………………………………
[1] เหล่าจื้อ ในภาษาจีนเป็นคำเรียกแทนตัวเองหมายถึง พ่อ และสามารถเป็นคำหยาบเช่นกูหรือมึงได้เช่นกัน
[2] ลาลา ศัพท์สแลงในภาษาจีนหมายถึงเลสเบี้ยน ส่วนอีกความหมายหนึ่งหมายถึงสุนัขพันธุ์แลบราดอร์
[3] ปะการังเฮอมาไทปิค คือปะการังที่สามารถก่อตัวเป็นแนวปะการังได้