ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 419 ต้นอ่อนผักเป็นโรคใบจุด
วินนี่เลิกงานกลับมา เธอจอดรถคาดิลแลควันไว้ที่สนามหญ้าตรงด้านหน้าวิลล่า ถือกระเป๋าลงมาจากรถ มองดูรถคันนี้แล้วส่ายหัวอย่างจนปัญญา
เธอไม่อยากไปทำงานด้วยรถยนต์ที่เป็นที่รู้จักขนาดนี้ ในสายตาของใครหลายคนที่มองมา ก็มักจะแฝงความหมายอย่างหนึ่งไว้ว่า ‘เธอเป็นคุณนาย มีสามีเป็นคนรวย เธอไม่ได้มาทำงาน แค่มาหาอะไรทำฆ่าเวลาเฉยๆ’
วินนี่อดทนกับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ เนื่องจากเธอคิดว่าเธอทุ่มเทให้กับงานชิ้นนี้อย่างเต็มร้อย นานๆ ครั้งที่ต้องไปร่วมงานเลี้ยงสำคัญกับฉินสือโอวเท่านั้นเธอถึงจะขอลางาน นอกเหนือจากนั้นแม้กระทั่งประจำเดือนมา เธอก็ไม่เคยขอลางานเลย
และที่จริงแล้วการทำงานของเธอก็โดดเด่นที่สุด เธอเป็นไกด์ที่นักท่องเที่ยวพึงพอใจที่สุด เธอได้รับคะแนนจากการวิจารณ์สูงที่สุดบนเว็บไซต์ lvy.cn ของจีน เธอทำถึงกระทั่งใช้เวลาว่างของตัวเองไปช่วยฝึกผู้คนในเมือง ช่วยสอนภาษาจีนให้กับพวกเขา และสอนให้พวกเขาได้รู้จักกับประเทศจีน
แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ ทุกๆ คนก็ยังเอาแต่สนใจรูปร่างหน้าตาสวยๆ กับสามีฐานะร่ำรวยของเธอ จนเธออยากจะบ้าตายอยู่แล้ว
เธอเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้ วินนี่จึงทำได้แค่เปลี่ยนภาพความจำของผู้คนที่มีต่อจุดประสงค์ในการทำงานของเธอ ดังนั้นเธอจะไม่ยอมขับรถหรูไปทำงานอีกแล้ว
วินนี่เพิ่งจะจอดรถ พวกหู่จือ เป้าจือ ฉงต้ากับปอหลัวก็พากันกระโดดโลดเต้นเข้ามาต้อนรับเธอ โดยที่มีหลัวปอเด็กหญิงตัวน้อยวิ่งตามมาท้ายสุด ขาสั้นๆ ทั้งสี่ข้างวิ่งทะยานเข้ามาเหมือนลูกบอลขนสัตว์สีขาวๆ
วินนี่เห็นเรือจอดอยู่ที่ท่าเรือเลยรู้ว่าฉินสือโอวและคนอื่นๆ กลับมาถึงแล้ว แต่เขากลับไม่ได้ออกมารอรับเธอ นั่นก็เห็นได้ชัดว่าเขาน่าจะไม่ได้อยู่ในวิลล่า ไม่อย่างนั้นเขาคงจะโผล่หน้ามาพร้อมกับเหล่าสัตว์เลี้ยงแล้ว
เธอจูบและลูบขนพวกมันทีละตัว จากนั้นก็อุ้มลูกสาวขึ้นมา วินนี่ถามมันว่า “ป๊ะป๋าล่ะคะ? ป๊ะป๋าไปไหนแล้ว?”
อย่าคิดว่าพวกสัตว์เลี้ยงพูดไม่ได้แล้วจะตอบคำถามกลับมาไม่ได้ พวกมันสามารถตอบคำถามผ่านสายตาหรือท่าทางได้ อย่างเช่นตอนนี้ สายตาของสัตว์เลี้ยงทุกตัวต่างก็มองไปที่ด้านหลังวิลล่า ความหมายก็คือพ่อหลบอยู่ตรงนั้นล่ะ
เสียงเครื่องยนต์ร้องคำรามขึ้นมา พอวินนี่ได้ยินเสียงรถก็ยิ้มออกมาทันที เธอรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินสือโอวซื้อรถกระบะมาแล้วทำเซอร์ไพรส์ให้เธอ
วินนี่เกาหัวหลัวปอ เธอพูดหยอกมันว่า “ดูสิ ป๊ะป๋าของหนูก็ไร้เดียงสาเหมือนกันกับหนูเลยนะ แค่รถกระบะคันเดียวเอง ทำไมต้องทำให้มันลึกลับขนาดนี้? ฉันกล้าพูดเลยว่า เขาต้องซื้อฟอ… พระเจ้า!”
หลังจากติดเครื่องรถกระบะขับอ้อมมาจากวิลล่าก็เผยเงาร่างของมันขึ้นมา ปรากฏอยู่ต่อหน้าวินนี่อย่างดุร้ายและป่าเถื่อน ความสูงสามเมตร ล้อที่มีขนาดหนึ่งเมตรครึ่ง เงางามเหมือนเปียโน เสียงเครื่องยนต์คำรามราวกับสัตว์ร้าย ทั้งหมดทั้งมวล น่าตื่นตกใจเป็นอย่างมาก!
วินนี่ตกตะลึงจนตาค้าง หลัวปอมองแม่ของมันอย่างสับสนงงงวย พูดต่อสิคะ อีกครึ่งประโยคที่เหลือคืออะไรเหรอ?
ตัวรถขนาดมหึมาของรถฟอร์ดเอฟ 650 ขับเข้ามาอย่างเชื่องช้าแต่หนักแน่น ฉงต้าตกใจจนไปแอบหลบอยู่ข้างหลังวินนี่ แล้วโผล่หน้าอ้วนๆ ของมันออกมาครึ่งหนึ่งเพื่อแอบมอง หู่จือกับเป้าจือกล้าหาญกว่ามาก พากันส่ายหางมองดูรถคันนั้นด้วยความตื่นเต้น พวกมันรู้ว่าฉินสือโอวนั่งอยู่ข้างใน
พอจอดรถแล้ว ฉินสือโอวก็เปิดประตูรถออก ประตูของรถฟอร์ดเอฟ 650 มีวิธีเปิดเหมือนกันกับรถซูเปอร์คาร์ ใช้วิธีเปิดแบบปีกนก
ที่จริงตั้งแต่ยุคของรถฟอร์ดเอฟ 150 การเปิดประตูรถด้วยวิธีแบบนี้ก็พบได้บ่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกมันคงไม่ได้โค้ดเนมว่า ‘แร็ปเตอร์’ (นกนักล่า) รถที่ไม่มีปีกจะเรียกว่านกนักล่าได้ยังไงกันล่ะ?
ถ้าหากจะพูดว่าฟอร์ดเอฟ 150 เป็นนกนักล่า ถ้าอย่างนั้นฟอร์ดเอฟ 650 ที่แผ่ประตูออกกว้างก็คงเป็นมังกรติดปีก
ฉินสือโอวกระโดดลงมาจากรถ เขายิ้มหน้าบานพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “วินนี่ รถคันนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”
เขาชอบท่าทางของวินนี่ที่ตะลึงจนตาค้างมากๆ ริมฝีปากเอิบอิ่มสีแดงเธอ ช่างน่าหลงใหลจริงๆ
ขนตาเรียวงอนของวินนี่กะพริบขึ้นลงด้วยความรวดเร็ว เหมือนผีเสื้อที่กำลังสั่นน้อยๆ แต่หลังจากนั้นคิ้วของเธอกลับตั้งขึ้นมา เธอยิ้มน้อยๆ แล้วถามขึ้นมาว่า “ที่รักคะ คุณจะให้ฉันขับรถคันนี้ไปทำงานเหรอคะ?”
ฉินสือโอวตอบเธอกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม “ใช่แล้วครับ รถกระบะไง เป็นยังไงบ้าง?”
รอยยิ้มหวานหยดย้อยเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว เปลี่ยนไปเป็นความสวยงามที่อันตราย “พระเจ้า ที่รักคะ สมองของคุณล่ะ? สมองของคุณหายไปไหนแล้ว? คุณกินมันเข้าไปแล้วเหรอคะ? นี่เหมือนกับคุณซื้อรถถังให้ฉันเลย ที่ฉันอยากได้คือรถกระบะถูกๆ คันละหมื่นสองหมื่น แต่คุณกลับซื้อรถกระบะแบบซูเปอร์ทรัคมาเนี่ยนะ? แถมยังเป็นฟอร์ดเอฟ 650 ที่ยังไม่มีขายในตลาดรถด้วย? ฉันขับรถไปทำงานหรือขับไปอวดรวยกันแน่?”
“เอ่อ คุณรู้จักรถคันนี้ด้วยเหรอ?”
“ก่อนที่ฉันจะรู้จักคุณ ฉันก็รู้จักรถคันนี้แล้ว!”
“แล้วมันไม่ดีตรงไหนกันล่ะครับ?”
“พระเจ้า ฉันจะกลับไปทำกับข้าวแล้ว คุณขับมันไปเล่นคนเดียวเถอะค่ะ จากนั้นก็จะได้ถูกคนมองเหมือนเป็นสัตว์ประหลาด ใช่แล้ว คุณปู่เออร์ก็มีรถฟอร์ดเก่าๆ อยู่คันหนึ่งใช่ไหม? ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ฉันจะขับมันไปทำงาน”
วินนี่อุ้มหลัวปอเข้าไปในวิลล่า ฉินสือโอวอยู่ข้างๆ รถ มองวินนี่สลับกับรถคันนี้ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา
ฉงต้ากับหู่จือเป้าจือก็นั่งอยู่ตรงหน้าเขา พวกมันอ้าปากถอนหายใจตามเขา
ฉินสือโอวกอดเหล่าสัตว์เลี้ยงไว้ แล้วพูดเตือนพวกมันว่า “อย่าเลียนแบบฉันนะ รีบหาเมียเร็วขนาดนี้ เห็นหรือยังล่ะว่าเป็นยังไง? เมียก็คือคนที่พระเจ้าส่งลงมาเพื่อลงโทษแกโดยเฉพาะ พวกเธอไม่มีเหตุผล แถมยังดุมากๆ อีกต่างหาก ถ้าหากต่อไปพวกแกมีเมีย เดี๋ยวพวกแกก็ซวยแล้วล่ะ จริงๆ นะ ไม่ต้องทำหน้าสงสัยเลย ฉันจะหลอกพวกแกหรือยังไงล่ะ?”
เตรียมพร้อมทำงานได้พอสมควร ชาร์คเองก็รวบรวมแรงงานมาแล้ว ซึ่งก็คืออาสาสมัครสิบคนที่ไปช่วยซ่อมโบสถ์นั่นเอง โดยมีชาร์คกับแลนซ์ เฮอร์แมน รูเพิร์ตเป็นคนนำทีม รวมเขากับอีวิลสันเข้าไปด้วยก็ครบแล้ว
ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอจะโกรธที่ฉินสือโอวใช้เงินไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อหันกลับมาวินนี่ก็ให้อภัยเขาแล้ว ทานข้าวเสร็จเธอก็จับแขนฉินสือโอวไว้ตลอดเวลา ไม่อยากพบกับการแยกจากกันที่กำลังจะมาถึง
ในตอนกลางคืน ฉินสือโอวกอดวินนี่เอาไว้แล้วพูดกับเธอว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไปอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์แค่รอบเดียวเอง คนเยอะขนาดนี้ ต้องหาเงินได้เยอะแน่ๆ”
วินนี่จูบปากเขา เธอพูดกับเขาด้วยความเป็นห่วง “นี่เป็นฤดูหนาวแรกตั้งแต่ที่คุณมาถึงนิวฟันด์แลนด์ คุณไม่เข้าใจความน่ากลัวของมหาสมุทรในฤดูหนาวหรอก ฉันกลัวว่าคุณจะเจอกับพายุหิมะ เรือฮาวิซทลำเล็กเกินไป ต้านทานพายุหิมะไม่ไหวหรอกค่ะ”
ฉินสือโอวปลอบเธอ บอกเธอว่าพวกเขาไปทำงานหาเงินไม่ได้ไปเสี่ยงชีวิตเล่นๆ พวกเขาจะคอยระวังการเปลี่ยนแปลงของอากาศอยู่ตลอดเวลาอย่างแน่นอน ถ้าอากาศไม่ดี พวกเขาไม่มีทางออกทะเลแน่ๆ
มีแค่แบบนี้ ที่ทำให้วินนี่ไม่สามารถอยู่ข้างๆ กันกับฉินสือโอว
ก่อนออกเดินทาง ฉินสือโอวเข้าไปดูโรงเรือนเพาะปลูกก่อน ความเข้มแข็งของพลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนแสดงออกผ่านพืชพันธุ์พวกนี้อย่างเต็มเหนี่ยว แค่ปลูกเมล็ดพันธุ์ลงไป ตอนนี้พวกมันแตกหน่อออกมาแล้ว กระทั่งแตงกวากับพริกก็เริ่มโตแล้วเหมือนกัน
ตอนแรกที่ฉินสือโอวได้เห็นการเจริญเติบโตของต้นอ่อนผักพวกนี้ก็เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อมองดูอย่างละเอียดเขาก็รู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาทันที ต้นอ่อนที่งอกออกมาจากเมล็ดพันธุ์ยังดีอยู่ แต่บนใบอ่อนของพวกมันกลับมีจุดสีขาวๆ อยู่ด้านบน ยิ่งเดินเข้าไปตรงกลาง จุดสีขาวก็ยิ่งเยอะ ยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น อยู่ๆ ผักหลายใบก็เป็นโรคใบจุด!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ต้องรีบโทรหาบิลลี่” ฉินสือโอวพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน
วินนี่โทรศัพท์ไปหาบิลลี่ แต่ไม่มีคนรับสาย ต่อมาจึงโทรไปที่บริษัทผลิตภัณฑ์ทางทะเล พนักงานต้อนรับบอกกับเธอว่าบิลลี่ลาพักร้อนเพื่อพาภรรยากับลูกไปพักผ่อนที่ไมอามี…
ฉินสือโอวก็ไม่รู้จะทำยังไงดี เขาโบกมือปัดแล้วพูดขึ้นมาว่า “คิดว่าคงจะขาดน้ำ พวกเรามารดน้ำกันเถอะ”
เขาวางแผนไว้ว่าจะถ่ายทอดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปในน้ำ ในใจของเขา ไม่มีอะไรที่พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำไม่ได้
วินนี่กลับมาถึงวิลล่า พอกลับมาถึงแล้วได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอจึงกลอกตาใส่เขาหนึ่งครั้ง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “พูดอะไรไร้สาระ นี่เกี่ยวอะไรกับการขาดน้ำกันล่ะคะ? ให้ฉันดูเองเถอะ”
“คุณรู้เรื่องการปลูกผักด้วยเหรอ?” ฉินสือโอวถามเธอด้วยความแปลกใจ
วินนี่พูดกับเขาอย่างหยอกล้อว่า “ไม่ค่ะ ฉันไม่เหมือนคนบางคน พ่อแม่ของฉันไม่ใช่ผู้อาวุโสที่เชี่ยวชาญด้านการปลูกผัก ฉันไม่รู้เข้าใจปัญหาเกี่ยวกับการปลูกผักหรอกค่ะ เจ้านี่ต่างหากที่รู้”
พอพูดจบ เธอก็ยกมือขึ้นมา ในมือของเธอถือหนังสือเล่มหนาอยู่หนึ่งเล่ม หนังสือหนึ่งหมื่นเหตุผลที่ต้องสร้างโรงเรือนเพาะปลูก
…………………………………………