ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 420 ออกเดินทาง หันดาบมุ่งสู่อ่าว
ฉินสือโอวทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมองวินนี่ เธอกำลังพลิกดูหนังสือเล่มนั้นอยู่ เขาจึงโน้มตัวเข้าไปลองอ่านดู มันมีแต่คำศัพท์ภาษาอังกฤษเฉพาะทางวางติดกันเต็มไปหมด ทนอ่านต่อไม่ได้จริงๆ
วินนี่พลิกอ่านอยู่สักครู่ ใบหน้างดงามก็ปรากฏสีหน้าของความประหลาดใจออกมา “หาสาเหตุเจอแล้ว”
“เป็นเพราะอะไรครับ?” ฉินสือโอวจิตใจสั่นไหว
“เกิดปัญหากับคุณภาพอากาศในโรงเรือนเพาะปลูก รู้ไหมคะว่ามันเรียกว่าอะไร? มันเรียกว่าใบจุดแช่น้ำ เมื่อแก๊สแอมโมเนียในโรงเรือนเพาะปลูกมีมากถึง 5PPM จะเกิดปัญหานี้ขึ้นบนใบผัก โชคดีที่เราพบมันเร็ว ถ้าแก๊สแอมโมเนียมีความเข้มข้นสูงกว่านี้ พืชพันธุ์จะมีสีดำขึ้นแล้วตายลงในที่สุด” วินนี่กล่าว
ฉินสือโอวตบหัวตัวเอง เขาใช้ปุ๋ยน้ำสูตรธรรมชาติกับการเพาะปลูกในโรงเรือน สาดลงไปพร้อมกันตอนรดน้ำ เห็นได้ชัดว่าหมุนเวียนอากาศได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้แก๊สแอมโมเนียไม่ระเหยออกไป ระดับความเข้มข้นในโรงเรือนเพาะปลูกก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น
รีบเปิดเครื่องสูบลมเพื่อถ่ายเทอากาศ ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวคิดว่าต้นอ่อนของผักยังไม่โต อากาศคงจะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน ดังนั้นเขาจึงยังไม่เคยเปิดเครื่องสูบลมมาก่อน จึงทำให้เกิดปัญหานี้
เห็นแค่วี่แววก็พอจะรู้แน่นอน วินนี่ไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดมากกว่าเดิม จึงศึกษาปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพของอากาศให้ละเอียด
หลังจากศึกษามาแล้วเธอก็ช่วยสอนบทเรียนให้กับฉินสือโอว ซีมอนสเตอร์กับนีลเซ็นรวมถึงคนอื่นๆ “ก่อนผักจะเกิดการเจริญเติบโต ไม่ควรใช้ปุ๋ยสดที่หมักเอง และก็ไม่ควรนำปุ๋ยหมักที่ยังไม่เน่าเปื่อยมาใส่เป็นปุ๋ย…”
“ในฤดูที่มีอุณหภูมิต่ำก็ต้องระบายอากาศให้มีความเหมาะสม เพื่อกำจัดแก๊สที่เป็นพิษ นอกจากนี้ คุณภาพของถ่านหินที่ใช้ก็ต้องดีด้วย ต้องมีการเผาไหม้ที่เพียงพอ อ้อ อันนี้ช่างมันเถอะ พวกเราไม่ได้ใช้เตา สรุปแล้ว ต่อไปนี้พวกคุณต้องนัดเวลามาศึกษาความรู้เกี่ยวกับการปลูกผักนะคะ มีใครมีความเห็นอะไรไหม?”
ใครจะกล้ามีความเห็น? ทุกๆ คนรีบส่ายหัวทันที
ฉินสือโอวถอนใจยาว คราวนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมบิลลี่ถึงได้ถามเขาแบบนั้นตอนที่รู้ว่าเขาจะสร้างโรงเรือนเพาะปลูก การปลูกผักในโรงเรือนเพาะปลูกกับการเพาะปลูกแบบธรรมชาติเป็นคนละเรื่องกันเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบิลลี่ถึงถามว่าเขารวยขนาดนี้แล้วจะทนปลูกผักเองทำไม
ที่น่าหัวร่อยิ่งกว่านั้นก็คือ เขาสร้างโรงเรือนเพาะปลูกขึ้นมาตั้งสองหลัง ไม่ควรทำอะไรที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนจริงๆ นั่นล่ะ
แต่ก็ยังดีที่ช่วงหลังจากนั้นเขาไม่ต้องดูแลโรงเรือนเพาะปลูกด้วยตัวเอง เนื่องจากเขาต้องออกไปจับกุ้งมังกรแล้ว งานนี้จึงมอบหมายให้นีลเซ็น เบิร์ดกับซีมอนสเตอร์เป็นคนรับผิดชอบ
ทั้งสามคนก็รู้เรื่องนี้ ดังนั้นหลังจากกลับออกมาจากโรงเรือนเพาะปลูกแล้วพวกเขาก็กอดหนังสือหนึ่งหมื่นเหตุผลที่ต้องสร้างโรงเรือนเพาะปลูกเอาไว้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขื่นขม
ในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนมกราคม สำนักงานกิจการทะเลกับกรมอุตุนิยมวิทยาก็พากันประกาศวันที่จะมีท้องฟ้าแจ่มใส ในเขตนิวฟันด์แลนด์จะมีช่วงเวลาที่อากาศดีอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้นจะมีกระแสอากาศจากขั้วโลกเหนือพัดผ่านมาอีกครั้ง พอถึงตอนนั้นคงจะมีหิมะตกหนักอย่างแน่นอน
เช้าวันที่ยี่สิบเอ็ด เรือฮาวิซทเติมน้ำมันจนเต็มถัง เติมน้ำเข้ามา ชาร์คกับแลนซ์ตรวจดูซ้ำๆ หลายครั้งแล้วว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ทำท่าทางบอกให้รู้ว่าสามารถออกทะเลได้แล้ว
วินนี่พาเหล่าสัตว์เลี้ยงทั้งหลายกับเชอร์ลี่ย์และเด็กๆ ที่เหลือมาส่งพวกเขาที่ท่าเรือ ฉินสือโอวกอดพวกเขาทีละคน ฉงต้ากอดขาของเขาไว้พร้อมทั้งร้องครวญครางออกมาเพราะไม่อยากแยกจากเขา แต่ทางด้านหลัวปอกลับร้องพึมๆ พำๆ พร้อมทั้งทำตาหลุกหลิกไปมา หางเล็กๆ ตั้งสูงขึ้น มันปกปิดความตื่นเต้นบนใบหน้าเอาไว้ไม่อยู่
กอดทุกคนทีละคนแล้ว สุดท้ายฉินสือโอวก็อุ้มหลัวปอขึ้นมา เขาจูบมันลงไปแรงๆ หนึ่งครั้ง
หลัวปอถอยหน้าออกไปด้วยความรู้สึกรังเกียจ ฉินสือโอวมองมันด้วยความโมโห ใช้โอกาสตอนที่วินนี่ไม่ทันระวังถ่มน้ำลายลงไปบนหน้ามัน
ปรากฏว่าลูกหมาป่าขาวก็ร้องฮือๆ ขึ้นมาทันที วินนี่จึงเดินเข้ามาดู แล้วหยิกฉินสือโอวเบาๆ เธอบ่นเขาอย่างหยอกเย้าว่า “มีพ่อที่ไหนเป็นแบบคุณบ้างคะ ผู้ชายเป็นใหญ่ใช่ไหมคะแบบนี้? ทำไมถึงได้ทำตัวไม่ดีกับลูกสาวของพวกเราขนาดนี้?”
หลัวปอรีบร้องหงิงๆ เพื่อตอบรับวินนี่ทันที
ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ ออกมา เขากอดวินนี่ไว้พร้อมกับมอบจูบดูดดื่ม วินนี่ดิ้นอยู่ไม่กี่ครั้ง พอไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนเป็นกอดคอของฉินสือโอวกลับไปแล้วเริ่มดื่มด่ำกับความรู้สึกนี้ หลัวปอกระโดดเข้าหาอย่างอยากมีส่วนร่วม แต่ปรากฏว่าแม่ที่คอยรักและทะนุถนอมมันมาตลอดตอนนี้กลับไม่แม้จะจะหันมามองมัน
หลัวปอโกรธแล้ว มันยื่นคอเตรียมตัวเห่า พวกหู่เป้าฉงตัวแสบจึงเข้ามาใกล้มันพร้อมกับใบหน้าเย็นชา เต็มไปด้วยเจตนาไม่ดี
ทันใดนั้น หลัวปอก็ทำตัวดีขึ้นทันที มันนั่งลงบนพื้นแล้วแสดงท่าทางเชื่องๆ ออกมา
จนกระทั่งวินนี่หายใจไม่ทัน ฉินสือโอวถึงได้ปล่อยเธอด้วยความอาลัยอาวรณ์ วินนี่ช่วยเขาจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วพูดกับเขาอย่างอ่อนโยนว่า “ต้องคอยระวังเรื่องอากาศนะคะ ถ้าอากาศไม่ดี ต้องห้ามออกจากท่าเด็ดขาด ทานอาหารก็ต้องระวัง อย่าดื่มเหล้าตอนออกทะเลนะคะ ถ้าระหว่างที่อยู่ในทะเลเกิดเรื่องผิดใจขึ้น ก็ต้องยอมถอยหนึ่งก้าว เข้าใจไหมคะ?”
ฉินสือโอวพยักหน้ารับ ตอนสุดท้ายวินนี่ก็ถามเขาด้วยความกระวนกระวายใจนิดๆ ว่า “ฉันจู้จี้เกินไปหรือเปล่าคะ? เหมือนยายแก่ๆ เลยใช่ไหม?”
ฉินสือโอวกอดหญิงสาวไว้แน่น เขาพูดพึมๆ พำๆ ว่า “ผมชอบท่าทางเหมือนคุณยายแก่ๆ ของคุณ ผมชอบที่คุณจู้จี้กับตาเฒ่าอย่างผมแบบนี้”
ในตอนสุดท้ายฉินสือโอวก็เดินขึ้นเรือไป วินนี่โบกมือพร้อมทั้งตะโกนเสียงดังว่า “ก่อนจะทำอะไร คุณต้องนึกถึงฉันกับเด็กๆ ที่บ้านนะคะ!”
ถอยหลังขึ้นเรือไป เขายิ้มอย่างสดใส แววตามุ่งมั่นด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง
ชาร์คสตาร์ทเครื่องเดินเรือ เรือฮาวิซทก็ค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้น เงาร่างของมันก็เข้าสู่อ้อมกอดของมหาสมุทร
เห็นฉินสือโอวจากไปแล้ว หู่จือกับเป้าจือก็เห่าโฮ่งๆ ออกมา ฉงต้าเองก็ร้องครวญครางออกมาเช่นกัน ส่วนปอหลัวก็กระโดดลงไปในน้ำว่ายน้ำตามอยู่สักพัก สุดท้ายก็ถูกวินนี่เรียกกลับมา
ฉินสือโอวฟุบอยู่กับท้ายเรือมองดูภาพของวินนี่และคนอื่นๆ ที่เล็กลงไปเรื่อยๆ เริ่มเห็นหลัวปอไม่ชัดก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นก็เป็นต้าป๋าย ต่อมาก็หู่จือเป้าจือ พอเห็นเงาร่างของฉงต้ากับเชอร์ลี่ย์และเด็กๆ ที่เหลือไม่ชัดแล้ว ฉินสือโอวก็หมุนตัวกลับไปด้วยความรู้สึกเศร้าสลด
แลนซ์ที่กำลังคาบซิการ์เอาไว้ในปากเป็นเอกลักษณ์ ก็เดินเข้ามาแล้วพูดกับเขาพร้อมรอยยิ้มว่า “ออกทะเลครั้งแรกเหรอ บอส?”
ฉินสือโอวตอบเขากลับไปพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่หรอก ก่อนหน้านี้เคยไปท่าเรือกลอสเตอร์มาแล้ว ที่นั่นไกลกว่าอีก”
แต่ว่าตอนนั้นวินนี่ยังไม่มา แถมเขายังพาพวกหู่เป้าฉงออกทะเลไปด้วยกัน เหตุการณ์มันแตกต่างจากตอนนี้ แต่เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องพูดออกไป เขารู้คนเดียวก็พอแล้ว
นครเซนต์จอห์นอยู่ห่างจากอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ไม่ไกล ผ่านเขตแซงปิแยร์และมีเกอลงเข้าสู่ช่องแคบคาบ็อต หลังจากนั้นก็จะสามารถเข้ามาสู่อ่าวแห่งนี้ได้ เกาะแฟร์เวลกับอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ อยู่ห่างกันโดยที่มีเกาะนิวฟันด์แลนด์กั้นไว้ ที่หนึ่งอยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้สุดของเกาะ ส่วนอีกที่หนึ่งก็ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ออกทะเลครั้งนี้ ฉินสือโอววางแผนไว้ว่าจะอยู่ที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ครึ่งเดือนถึงยี่สิบวัน ดังนั้นเขากับวินนี่ถึงได้อาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากกันเช่นนี้ กว่าครึ่งเดือนที่จะไม่ได้เจอกัน สำหรับคู่รักที่กำลังอยู่ในความลุ่มหลงแล้ว ต่อให้อยู่ห่างกันน้อยกว่านี้ ก็ยังรู้สึกเหมือนไกลกันสุดเส้นขอบฟ้าอยู่ดี
เรือฮาวิซทกำลังล่องลอยอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ฉินสือโอวมองดูทะเลอยู่สักพัก จิตใจของเขาก็เปิดกว้างขึ้นมา ความกังวลเพราะการจากลาถูกจิตใจที่กล้าได้กล้าเสียซัดสาดจนแตกกระจาย
ถึงได้มีคนเคยพูดไว้ว่า ผู้ชายที่เติบโตจากการเผชิญหน้ากับมหาสมุทร จะมีปณิธานที่มากมายมหาศาล สมเหตุสมผลจริงๆ
นิมิตส์กำลังบินร่อนอยู่ในอากาศ ฉินสือโอวโบกมือเพื่อเรียกให้มันลงมา แบกมันไว้บนบ่าเดินสำรวจเรือประมง
มีชาวประมงที่เห็นท่าทางของเขาแบบนี้ก็พากันยิ้มแล้วถ่ายรูปให้เขา จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “บอส ตอนนี้คุณเหมือนราชาโจรสลัดเลย อยากถ่ายรูปเท่ๆ ไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยไหม”
ฉินสือโอวหันหัวกลับไปดูนิมิตส์ หลังผ่านการสู้กับอินทรีทอง นิสัยของนิมิตส์ก็ห้าวหาญและถือดียิ่งกว่าเดิม ดวงตาสีดำที่สอดส่องอย่างกว้างไกล ชำเลืองสายตาต่ำมองลงมาบนพื้น ดูเหมือนกับสัตว์เลี้ยงของราชาโจรสลัดมากจริงๆ
ดังนั้นฉินสือโอวจึงเกิดสนใจขึ้นมา เขายืนอยู่บนส่วนปลายของดาดฟ้าที่ทอดตัวออกไปสู่ทะเลลึก มือซ้ายเท้าสะเอวมือขวาขี้ไปทางด้านหน้า เขาตะโกนขึ้นมาว่า “ลูกเรือทั้งหลาย ออกเดินทางได้! หันปลายดาบของพวกเรา มุ่งหน้าสู่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์!”
………………………………………………