ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 421 คู่มือของลูกเรือ
หลังจากออกจากนครเซนต์จอห์นได้ยี่สิบชั่วโมง ในตอนกลางคืน เรือฮาวิซทก็เข้าสู่ช่องแคบคาบ็อต
บนความเป็นจริงถ้าดูจากระยะห่างแบบเส้นตรงแล้ว นครเซนต์จอห์นจะอยู่ห่างจากอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ไม่ไกล อยู่ห่างไปตามแนวยาวทางฝั่งตะวันออกกับฝั่งตะวันตกของเกาะนิวฟันด์แลนด์เท่านั้น ไกลสุดก็แค่สี่ร้อยกิโลเมตร
แต่การขับเรือไม่เหมือนกับการขับเครื่องบิน การสัญจรทางน้ำจากนครเซนต์จอห์นไปอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ อันดับแรกต้องล่องเรือไปตามทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นระยะทาง 350 กิโลเมตรจนถึงเกลซเบย์ ที่นี่เป็นทางเข้าท่าเรือเดินทะเลของช่องแคบคาบ็อต
หลังจากนั้น จากเกลซเบย์ก็ขับตรงไปสู่ฝั่งเหนือ ผ่านการเดินทางประมาณ 500 กิโลเมตร ก็จะถึงอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์อย่างเป็นทางการแล้ว
เรือฮาวิซทเป็นเรือประมงทั่วๆ ไป ความเร็วในการเดินเรือไม่ถึงยี่สิบนอต ไม่เหมือนกับเรือลาดตระเวนหรือเรือยอชต์ทรอลเลอร์นางนวลที่สามารถเพิ่มความเร็วได้เหมือนลมที่โหมพัดอย่างบ้าคลั่ง เมื่อขับเรือลำนี้จึงทำได้แค่ค่อยๆ ล่องไปบนผิวน้ำอย่างเรื่อยๆ เฉื่อยๆ เท่านั้น
เมื่อเข้าสู่ยามดึก ฉินสือโอวก็เรียกลูกเรือมารวมกันที่ห้องกัปตันเพื่อเริ่มการประชุม
ความยาวของเรือฮาวิซทอยู่ที่สิบห้าเมตร ถ้ามองจากจุดนี้ก็นับว่ามันเป็นเพียงเรือประมงลำเล็กๆ ต่างกับเรือหาปลาทั่วไปที่มีขนาดห้าสิบหกสิบเมตร แต่ฉินสือโอวจ่ายเงินในราคาสูงเพื่อสร้างเรือประมงที่ทันสมัย ความยาวของเรืออาจจะทั่วๆ ไป แต่ทว่ามันมีห้องในเรืออยู่ถึงสามชั้นเต็มๆ
เมื่อดูจากภายนอกแล้ว เรือฮาวิซทไม่เหมือนกับเรือประมงส่วนใหญ่ที่มีลักษณะเป็นแนวยาว แต่จะมีลักษณะเป็นทรงลูกบาศก์ ศูนย์แกนกลางค่อนข้างสูง ลอยอยู่บนทะเลเหมือนกันกับตุ๊กตาล้มลุก พอลมพัดมาเรือก็แกว่งไกว
ทว่านี่เป็นเรือประมงที่สร้างมาจากเทคโนโลยีการต่อเรือแบบทันสมัยที่สุด อย่ามองแค่ว่ามันโคลงเคลงได้ง่ายกว่าเรือทั่วๆ ไป แต่ที่จริงแล้วมันมีความสามารถในการต้านทานคลื่นลมที่ซัดกระหน่ำเข้ามาได้อย่างแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด
อีกทั้งเมื่อเรือประมงต้องประสบกับพายุสิ่งที่อันตรายที่สุดไม่ใช่ลมพัดแรง แต่เป็นยอดคลื่น ถ้าเรือยาวหรือสั้นเกินไป เมื่ออยู่ระหว่างยอดคลื่นสองยอดและยอดคลื่นส่งแรงออกมาจากระดับความสูงที่ต่างกัน ก็จะโจมตีจนเรือลำนั้นขาดออกเป็นสองท่อน
เรือประมงไม่เหมือนกับเรือรบ แผ่นเหล็กกล้ามีระดับความแข็งแรงไม่มากพอ เมื่อพบกับยอดคลื่นก็จะเกิดความเสียหายมาก
นอกจากนี้การออกแบบแบบนี้ก็มีข้อดีอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือเพิ่มที่ว่างสำหรับการทำกิจกรรมของลูกเรือ บนเรือประมงส่วนมาก ลูกเรือจะสามารถอาศัยอยู่ได้ในห้องพักใต้ดาดฟ้าเรือเท่านั้น แต่บนเรือฮาวิซทจะอยู่ที่ชั้นบน ห้องเรือด้านล่างล้วนแต่เป็นห้องแช่เย็น ห้องเก็บน้ำกับห้องเก็บของ มีพื้นที่กว้างยิ่งกว่า
ฉินสือโอวจัดให้ชาร์คกับแลนซ์พาลูกเรือหกคนไปนอนที่ห้องพักบนดาดฟ้าเรือชั้นหนึ่ง นอนห้องละสองคน ก็ใช้ห้องพักสี่ห้องพอดี ส่วนบนชั้นสองมีห้องใหญ่สองห้อง ชาวประมงสามคนนอนห้องหนึ่ง เขากับอีวิลสันก็นอนอีกห้องหนึ่ง
บนชั้นสามมีห้องที่ใหญ่ที่สุดอยู่แค่หนึ่งห้อง นำมาใช้เป็นห้องสำหรับทานอาหาร ห้องประชุมและห้องสำหรับทำกิจกรรมได้พอดี
อย่าคิดแค่ว่าเรือฮาวิซทมีข้อจำกัดอยู่แค่สองร้อยตัน ที่จริงแล้วมันได้รับการออกแบบตามแบบของเรือเดินสมุทร จึงสามารถเข้าไปจับปลาในบริเวณทะเลลึกได้
แต่จำนวนลูกเรือบนเรือลำนี้ถูกกำหนดไว้ที่สิบคน ตอนนี้เกินมาสามคน ซึ่งก็สามารถทำได้ ไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไร
ในตอนดึกลมทะเลค่อนข้างแรง ลมแรงส่งเสียงร้องหวีดหวิวพัดจนเรือประมงแกว่งไกว นอกจากชาร์คที่กำลังทำงานอยู่ในห้องขับเรือ คนอื่นๆ ก็เข้าไปประชุมกันอยู่ในห้องอาหารชั้นบนสุด
ฉินสือโอวแนะนำตัวเองนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ชี้แจงจุดประสงค์ของการเดินเรือในครั้งนี้ ซึ่งก็คือการจับกุ้งมังกรกับปูราชินี ถ้ามีฝูงปลาค็อดก็สามารถจับขึ้นมาได้บางส่วน ต่อจากนั้นก็พูดถึงการแบ่งปันผลกำไร
ชาวประมงขึ้นมาทำงานบนเรือ โดยทั่วไปแล้วจะมีอยู่สองประเภท ประเภทแรกคือแบบร่วมลงทุน โดยจะออกเงินส่วนหนึ่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการออกทะเลและค่าเสื่อมราคาของเรือ ซึ่งนับว่าเป็นการร่วมหุ้นแล้ว และจะสามารถแบ่งเงินปันผลได้ตามกำไรที่ได้จากการลงทุน ส่วนอีกแบบหนึ่งก็คือการขึ้นเรือมาเพื่อเป็นแรงงาน กัปตันเรือออกค่าใช้จ่ายในการจ้างงาน ได้เงินค่าแรงเป็นวัน ดังนั้นจะได้ผลผลิตจากการออกทะเลมากน้อยเท่าไรก็ไม่เกี่ยวกับชาวประมงแล้ว
เรือฮาวิซทใช้วิธีการแบ่งกำไรแบบพบกันครึ่งทาง พอออกทะเลมา ทุกๆ คนจะได้เงินค่าแรงพื้นฐานวันละสองร้อยดอลลาร์ นอกจากนี้ เขายังจะเอายี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเงินรายได้มาแจกเป็นเงินโบนัสให้ลูกเรือทั้งสิบคน สำหรับส่วนแบ่งกำไรของทั้งสิบคนนี้ แลนซ์จะเป็นคนรับผิดชอบ และพวกเขาก็ไว้ใจแลนซ์
เรื่องพวกนี้ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่ก่อนขึ้นเรือแล้ว สิ่งที่ฉินสือโอวต้องการทำคือการเน้นย้ำเพื่อป้องกันไม่ให้มีคนละเมิดข้อตกลง เพราะกลัวว่าหลังจากได้ผลผลิตแล้วจะกลับคำเป็นอย่างอื่น
เมื่อพูดเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็ปล่อยให้ชาวประมงได้ปรึกษากัน
พวกชาวประมงปรึกษากันเสียงเบาอยู่สักพัก สุดท้ายแลนซ์ก็เป็นตัวแทนของพวกเขาแล้วพูดขึ้นมาว่า “พวกเราพอใจทั้งหมด บอส นี่เป็นราคาที่ยุติธรรมมาก หวังว่าพวกเราจะได้รับผลสำเร็จจากการออกทะเลครั้งนี้”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ฉินสือโอวก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขามีบั๊กใหญ่อย่างจิตสำนึกแห่งโพไซดอนอยู่ในมือ ถ้าเขาไม่ได้ผลเก็บเกี่ยวอย่างงาม ก็คงไม่มีใครหาเงินจากอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ได้เลยสักคน
คุยกันถึงเรื่องการปันผลกำไรเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็บอกให้อีวิลสันแจกคู่มือสำหรับลูกเรือที่เตรียมไว้ให้กับทุกคน ส่วนเขาเองก็เน้นย้ำกฎระเบียบบนเรือ
พอได้อ่านคู่มือเล่มนี้ ทุกๆ คนก็ถึงกับอึ้งไปทันที เนื่องจากกฎข้อแรกที่เขียนไว้ว่า เคารพการตัดสินใจทุกอย่างของกัปตัน!
บรรทัดที่สอง: ต้องเคารพการตัดสินใจของกัปตัน!
บรรทัดที่สาม: ต้องยอมรับกฎข้อที่หนึ่งกับข้อที่สองของเรือ!
พวกลูกเรือพากันตะลึงค้างไปแล้ว แลนซ์เพิ่งจะเคยเห็นกฎของลูกเรือแบบนี้เป็นครั้งแรก จึงพูดอย่าอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “กัป กัป กัปตัน นี่หมายความว่ายังไงครับ?”
ฉินสือโอวยักไหล่ เขาพูดอย่างสบายๆ ว่า “ก็หมายความตามที่พวกนายเห็นนั่นแหละ เลือกขึ้นเรือของฉัน ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของฉันทุกอย่าง ไม่อนุญาตให้ซักถามข้อสงสัยอะไรทั้งนั้น พวกนายมีคำถามอะไรไหม?”
ชายไว้หนวดคนหนึ่งลุกขึ้นกำลังจะพูดอะไรสักอย่างออกมา แลนซ์โบกมือปัดบอกเป็นนัยว่าให้เขานั่งลง จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา “ไม่ พวกเราไม่มีคำถามอะไรครับ บอส พวกเราเชื่อใจคุณ”
ถึงแม้ว่าจะพูดอย่างนี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าในใจของทุกๆ คนไม่ได้คิดอย่างนั้น พวกเขาต่างก็ใช้สายตาที่แฝงไปด้วยความสงสัยมองมายังฉินสือโอว
ฉินสือโอวก็ปล่อยให้พวกเขามองไป เพราะไม่ว่ายังไงความจริงก็จะช่วยพิสูจน์เรื่องนี้เอง เขาไม่อนุญาตให้ท้าทายอำนาจของเขา แต่ก่อนที่ความจริงจะปรากฏ เขาจะอนุญาตให้คนพวกนี้สงสัยในความสามารถของเขาไปก่อน
ตอนประกาศจบการประชุม เด็กวัยรุ่นท่าทางฉลาดคนหนึ่งก็ถามเขาว่า “บอส เวลาที่พวกเรามีข้อสงสัย พวกเราจะมาขอปรึกษาหาคำตอบจากคุณได้ไหมครับ?”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา เจ้าเด็กคนนี้หาช่องโหว่อันเดียวของกฎข้อนี้ได้ เขาจึงพยักหน้าว่า “ได้สิ ฉันไม่ใช่เผด็จการนะ ฉันรับฟังข้อสงสัย แต่พวกนายทำได้แค่สงสัยฉันเท่านั้น ห้ามฝ่าฝืนคำสั่งของฉัน นี่คือเส้นตาย!”
เมื่อเขาพูดคำนี้ออกไป ชายไว้หนวดที่ถูกบอกให้นั่งลงเมื่อสักครู่ก็ยืนขึ้นมาอีกครั้ง ถามขึ้นมาด้วยเสียงหยาบหนาว่า “ผมอยากรู้ว่า บอส พวกเราจะทิ้งอวนกันที่ไหน? คุณเคยไปอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์มากี่ครั้งแล้ว?”
ฉินสือโอวยิ้มออกมาแล้วตอบกลับไปว่า “ฉันเคยไปมาไม่กี่ครั้ง แต่ฉันรู้จักมันดี ส่วนตำแหน่งที่จะวางกรงตาข่ายจับกุ้ง เรื่องนี้หลังจากที่เราไปถึงอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์นายก็จะรู้เอง”
“แต่ตอนนี้ผมอยากรู้ ผมคิดว่าพวกเราเป็นผู้ช่วยของคุณ พวกเรามีสิทธิ์ที่จะรู้!” ชายไว้หนวดพูดอย่างตื่นๆ
ฉินสือโอวบอกกับเขาว่า “นี่คือสิ่งที่นายคิดไปเอง ไม่ใช่ข้อเท็จจริง โอเค ลูกเรือ ไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ประชุมกันถึงแค่นี้พอ”
เห็นได้ชัดว่าชาวประมงคนอื่นๆ ก็มีข้อสงสัยแบบนี้เช่นกัน ยังไงซะพวกเขาก็มีสัดส่วนเงินปันผลอยู่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ผลการเก็บเกี่ยวในตอนท้ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับรายได้ของพวกเขาอย่างมาก ในสายตาของพวกเขา ฉินสือโอวเป็นเศรษฐี คงไม่สนใจรายได้ แต่พวกเขาต้องอาศัยรายได้เพื่อเลี้ยงครอบครัว จึงต้องสนใจเรื่องนี้
ดังนั้นพวกชาวประมงจึงไม่ยอมไปไหน ต่างก็พากันนั่งจ้องฉินสือโอวอยู่อย่างนั้น
ชายไว้หนวดคนนั้นพูดขึ้นมาว่า “บอส พวกเราที่อยู่ตรงนี้เป็นพี่น้องกันทั้งนั้น รู้ตื้นลึกหนาบางกันดี ไม่มีใครเอาตำแหน่งที่คุณเลือกจะทิ้งอวนไปบอกคนอื่นแน่ คุณสามารถบอกพวกเราได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวลเลย”
ชาวประมงทุกคนพากันพยักหน้ารับ พร้อมทั้งมองฉินสือโอวอย่างไม่วางตา ซึ่งก็รวมถึงแลนซ์ด้วย
………………………………………