ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 456 ซีนใหญ่
หลังจากที่ทีมเรือฮาวิซทออกจากท่าก็มีเรือประมงขับตามมาเรื่อยๆ เรือจับกุ้งลำหนึ่งที่เขียนว่า ‘ซูเปอร์คัลเลอร์’ ค่อยๆ เข้าเทียบท่า พอจอดสนิท กัปตันก็กระโดดลงจากเรือมาถามคนรู้จัก “ตาแก่พีท รู้จักเรือฮาวิซทไหม?”
ชาวประมงเฒ่ากลอกตา แล้วพูดเนิบนาบ “นี่เออร์วิง สมองพังแล้วหรือไง? ตอนนี้ทั้งแคนาดารู้จักเรือฮาวิซทกันหมด ฉันก็ไม่ได้หูหนวกตาบอด จะไม่รู้ได้ยังไง?”
“ไอ้งี่เง่า ฉันถามแกก็ตอบ พูดอะไรไร้สาระเยอะแยะ?” กัปตันเออร์วิงตอบโกรธๆ
“โอเค ถามสิ พ่อคนหัวร้อน ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวก็เลือดออกในสมองกลายเป็นเจ้าชายนิทรา”
เออร์วิงโดนคำของชาวประมงเฒ่าสวนกลับมาจนตัวสั่นเทิ้ม เขาถุยน้ำลายแล้วพูดขึ้น “ก็ดี งั้นฉันถามนาย เรือฮาวิซทตอนนี้อยู่ที่ท่าหรือเปล่า?”
ชาวประมงเฒ่าหัวเราะออกมาแล้วมองเขาอย่างเหยียดหยาม “เออร์วิง ตานายบอดหรือไง? ดูสิว่าที่ท่ามีเรือฮาวิซทลำนั้นอยู่หรือเปล่า? ฉันบอกว่าฉันไม่ได้หูหนวกตาบอด ดูท่านายจะมีปัญหาด้านนี้…”
“พวกเขาออกทะเลไปตอนไหน?”
“ประมาณสองชั่วโมงก่อนที่นายจะกลับมาละมั้ง แล้วนายมาถามเรื่องของเรือฮาวิซททำไม? เออใช่ ครั้งนี้ออกทะเลผลงานเป็นไงบ้าง? งั้นสภาพอย่างนายตอนนี้ คงไม่เท่าไรหรอกใช่ไหมล่ะ? ชดเชยเงินจนหมดตูดอีกล่ะสิท่า? ฮ่ะๆ ดีใจที่ได้ยิน…”
“ไปตายซะ ไอ้แก่งั่ง แกทายผิดแล้ว ฉันจับกุ้งมังกรได้สองพันกว่าปอนด์!”เออร์วิงพูดไปพลางหัวเราะร่า แต่ยิ้มๆ อยู่ก็อารมณ์บูดขึ้นมาอีก ตะโกนขึ้น “ไอ้พวกบื้อบนเรือนั่นน่ะ รีบไปจัดการปลากุ้งให้เรียบร้อย เราจะไล่ตามเรือฮาวิซท!”
เขาทั้งตะคอกทั้งตะโกน ครู่เดียวก็ดึงดูดความสนใจคนรู้จัก ชาวประมงคนอื่นเข้ามาถามว่าเขาทำอะไร
เออร์วิงไม่พูดอะไร เขาขับเรือไปที่ท่าเรือบริษัทซีดับเบิลยู กุ้งมังกรเป็นลังๆ ถูกยกขึ้น ชาวประมงแถวๆ นั้นอิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันใด ต่างพากันรุมถามเออร์วิงว่าเขาไปเอากุ้งมังกรเยอะแยะขนาดนี้มาจากไหน
เออร์วิงปิดปากเงียบอย่างภูมิอกภูมิใจ ผู้จัดการสถานีของบริษัทซีดับเบิลยูคำนวณราคาหลังจากที่ชั่งน้ำหนักกุ้งมังกรที่แบ่งตัวผู้ตัวเมียเรียบร้อยแล้ว หกหมื่นดอลลาร์
เห็นเช็คหกหมื่นในมือของเออร์วิง ชาวประมงก็ตาร้อนกันเป็นแถว วิ่งไล่ตามเออร์วิงเพื่อถามเขาว่าทำอย่างไรถึงได้กุ้งมังกรเยอะขนาดนี้
เออร์วิงไม่ยอมพูด หลังจากเก็บเรือจนว่างเขาก็รีบร้อนขึ้นเรืออยากจะจากไป แต่ลูกเรือแต่ละคนล้วนมีสีหน้าเหนื่อยหน่าย อยากจะพักผ่อน
ทำไงได้ เออร์วิงปล่อยลูกน้องไปแบบไม่สบอารมณ์ ส่วนตัวเองก็ไปฆ่าเวลาที่บาร์
ชาวประมงก็แบบนี้ พอเหล้าเข้าปากก็คุมกางเกงกับปากไม่ได้ ก่อนหน้านี้เออร์วิงพยายามเก็บเป็นความลับ รัมขวดหนึ่งกับเบียร์สองแก้วใหญ่เข้าปากไปเขาก็คุมปากตัวเองไม่ได้แล้ว
ชาวประมงสองสามคนรวบรวมเงินสองร้อยดอลลาร์ให้นักเต้นเพื่อให้เธอไปหยอดเออร์วิงแล้วถามเรื่องกุ้งมังกร
เจอกับนักเต้นสาวสุดยั่วยวน เออร์วิงก็เริ่มคุยโว “รู้ไหมว่าเมื่อกี้ฉันได้เงินมาเท่าไร? หกหมื่น แม่หวานใจ หกหมื่น! รู้ไหมว่าฉันได้มายังไง? ง่ายมาก ฉันตามหลังเรือฮาวิซท ดูว่าเขาวางที่ดักกุ้งไว้ที่ไหน พอพวกเขาไปฉันก็อยู่ต่อเพื่อจับกุ้ง…”
หลังจากนั้นเขาเริ่มเมาแล้ว พึมพำคำอย่าง ‘ที่สุดท้ายกุ้งมังกรเยอะมากเลย’ ‘รู้งี้กลับมาก่อนสักครึ่งวันแล้ว’
คำพูดพวกนี้ไม่สำคัญแล้ว พวกชาวประมงรู้อย่างหนึ่งจากเออร์วิง รวมกลุ่มกับเรือฮาวิซททำเงินได้เยอะจริงๆ !
ตอนนี้ไปตามเรือฮาวิซทยังทันไหม? เหล่าชาวประมงอารมณ์เสียกับเป็นแถบ แต่ตอนนี้ก็เรือฮาวิซทก็ออกจากท่าไปได้สี่ห้าชั่วโมงแล้ว พวกเขาโทรศัพท์ดาวเทียมไปหาเจ้าของเรือที่ตามเรือฮาวิซท คนพวกนั้นบอกว่าเรือฮาวิซทเริ่มวางที่ดักกุ้งกันแล้ว
จริงๆ แล้วคนพวกนี้แค่พูดมั่ว พวกเขาแค่ไม่อยากให้มีคู่แข่งเพิ่มเท่านั้นเอง ฉินสือโอวจะวางที่ดักกุ้งไวขนาดนั้นได้ไง? เขาแค่หากุ้งมังกรผ่านเจ้าพวกน่ารักทั้งหลาย
บอลหิมะทุกวันนี้กลายเป็นหมาล่าเนื้อแห่งท้องทะเล หลังจากที่พวกมันเจอฝูงกุ้งมังกรก็จะหยุด จากนั้นฉินสือโอวก็ส่งจิตสำนึกโพไซดอนไป พวกมันถึงจากไปแล้วหาฝูงกุ้งฝูงต่อไป
ควบคุมฝูงกุ้งสองฝูงไว้ได้ ฉินสือโอวก็ไร้แรงกดดันแล้ว
เขาถือโอกาสที่ตอนกลางวันอากาศดีลากเก้าอี้ผ้าใบมานั่นบนดาดฟ้า ใส่แว่นกันแดดอาบแดดอย่างเกียจคร้าน น้ำผลไม้และไวน์ข้างตัวอยากกินก็จิบนิดนึง
เจ้าของเรือที่ตามหลังกำลังสังเกตผ่านกล้องส่องทางไกล พวกเขายังไม่วางใจกับปลาที่จะจับได้ในการออกทะเลครั้งนี้ แต่ละคนคาดหวังอยากจับได้ไวๆ อย่างน้อยก็ได้เงินค่าน้ำมันกับค่าบำรุงเรือกลับมา
ปรากฏว่าที่พวกเขาเห็นคือฉินสือโอวทั้งอาบแดดทั้งดื่มไวน์อยู่บนดาดฟ้า เหลือแค่มีสาวสวยมาอาบแดดเป็นเพื่อนแล้ว
พอเห็นแบบนี้ เจ้าของเรือก็ทนไม่ได้กันเป็นแถบ เริ่มด่าทอกันในวิทยุสาธารณะ
ที่จริงแล้วฉินสือโอวไม่ได้ว่างขนาดนั้น นี่เป็นแค่แผนเท่านั้น
ในห้องคนขับ ชาร์คติดต่อกัปตันของเรืออีกห้าลำผ่านทางช่องวิทยุเข้ารหัสเริ่มสั่งการตามที่ฉินสือโอววางไว้ “ทุกคน เตรียมลงมือได้ ยึดพวกเราเป็นศูนย์กลาง เรือดาบคมไปทางทิศใต้ เรือป๊อปอายไปทิศตะวันตก เรือระฆังแห่งความสุขไปทิศตะวันออก เรือน้ำเชื่อมปลาดำกับแลบราดอร์คำรามไปทิศเหนือ”
“ทุกคนต้องระวังระยะห่างไว้ด้วย สองกิโลเมตร เสร็จแล้วก็วางที่ดักกุ้งได้เลย เริ่มทำงานได้!” ชาร์คพูดด้วยท่าทีของผู้บังคับบัญชา
พอจัดตำแหน่งเสร็จ เรือห้าลำที่ตามอยู่ก็ขยับทันที
ระยะห่างสองกิโลเมตร สำหรับท้องทะเลแล้วไม่ไกลเลย หลังจากที่เรือประมงกระจายตัวห่างออกไปแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างเตือนกันแล้วค่อยๆ ไปในที่ของตัวเอง
ตอนนี้ฉินสือโอวลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ผ้าใบ “ทุกคน ทำงาน! วางที่ดักกุ้งแล้วไปรับเงินกัน!”
พวกชาวประมงลงมืออย่างรวดเร็ว ปล่อยที่ดักกุ้งเป็นพรวนลงก้นทะเล เรือห้าลำวงนอกก็พากันปล่อยที่ดักกุ้งลง ชั่วขณะนั้น บนผิวน้ำทะเลก็มีบอลลูนทุ่นมากมายหลากสีโผล่ขึ้นมา
ฝูงกุ้งมังกรในทะเลแถบนี้เป็นฝูงกุ้งมังกรตัวโตที่เหลือไม่มากในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ มีถึงหมื่นเพียงแต่อยู่กันกระจัดกระจาย จากเรือฮาวิซทที่เป็นศูนย์กลาง ในวงรัศมีสามสี่กิโลเมตรล้วนมีกุ้งมังกร
วิธีกระจายตัวแบบนี้เหมาะกับการทำงานแบบพันธมิตรเรือมาก พอกระจายไปรอบๆ ก็จะสามารถใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่าที่สุด
เห็นเรือฮาวิซท เรือพวกนี้ก็โยนที่ดักกุ้งลงไป เรือที่ตามมาก็อยากจะเข้าไปขอแบ่งเขาบ้าง
ถึงตอนนี้ก็เห็นข้อดีของการรวบรวมพันธมิตรเรือแล้ว เรือหกลำมาประจำตำแหน่งในทะเลแถบนี้ก็ล้อมไว้เสียจนแน่นหนา เรือลำอื่นแล่นเข้ามาไม่ได้ อย่างมากก็ได้แต่ปล่อยที่ดักกุ้งอยู่รอบนอก
เพิ่งจะปล่อยที่ดักกุ้งไป ฉินสือโอวเป็นห่วงว่าเรือที่อยู่รอบนอกจะจนตรอก ไม่กล้าออกไปจับปลา เขาบอกกับกัปตันทั้งห้าให้คอยดูสายเคเบิลของตัวเอง ระวังเรือวงนอกจะทำพัง
ไม่ต้องให้เขาเตือนกัปตันทั้งห้าก็เตือนกัปตันเรือพวกนั้นในช่องวิทยุสาธารณะไปเรียบร้อยแล้ว อย่าเข้าใกล้ในระยะสองกิโลเมตร ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าหาเรื่อง
ครั้งนี้ฉินสือโอวไม่กลัวเรื่องตีกันแล้ว กลุ่มพันธมิตรเรือเป็นพันธมิตรที่ไม่แนบชิดกัน แต่ต่อให้ไม่แนบแน่นแค่ไหนก็ยังเป็นพันธมิตรอยู่ดี
ในขณะที่เรือลำอื่นๆ เป็นแค่กลุ่มกระจัดกระจาย ในนั้นมีคนที่ไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ถ้ากลุ่มเรือจะโจมตีเรือลำไหน เรือลำอื่นจะดูเฉยๆ ไม่เข้ามาช่วย
กัปตันทุกคนเข้าใจถึงหลักการนี้ดี ฉะนั้นพวกเขาจะไม่แล่นเข้ามาในเขตทำงานของเรือฮาวิซทโดยพลการเหมือนเรือในช่วงก่อนหน้านี้
…………………………………………