ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 479 วันที่หนึ่ง วันปีใหม่ (วันเที่ยว)
เมื่อกลับถึงบ้านก็ครึกครื้นขึ้นมาทันที วันที่สามสิบคืนก่อนปีใหม่ทุกบ้านจะต้องดื่มเหล้า กินอาหารดีๆ เป็นการให้รางวัลตัวเองที่เหนื่อยมาทั้งปี บวกกันคืนนี้จะมีงานเฉลิมฉลองปีใหม่ให้ดูทางโทรทัศน์ด้วย สามารถกินอาหาร คุยเล่นกัน แถมยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันด้วย เป็นคืนที่สนุกสนานมีความสุขที่สุดของปีของเหล่าชาวไร่ชาวนาเลย
วันนี้เป็นวันที่คนทั้งครอบครัวต้องช่วยกันทำอาหารที่จะกินกันค่ำนี้ วินนี่กับเออร์บักทำอาหารตะวันตก พ่อและแม่ของฉินสือโอวกับฉินสือโอวทำอาหารจีน เชอร์ลี่ย์เป็นลูกมือให้พวกเขา เบิร์ดแบกเตาย่างขึ้นมา แล้วพาพวกเด็กๆ ไปย่างของกัน พวกเขาเองเก่งแค่เรื่องนี้แหละ
เตาย่างนี้เป็นเตาที่เบิร์ดต่อขึ้นมาเองในระหว่างที่อยู่ที่นี่ ที่ฉินเผิงมีทั้งอุปกรณ์และเครื่องเชื่อมเหล็ก เบิร์ดจึงสามารถทำเตาย่างเล็กๆ ออกมาสองอันได้อย่างง่ายดาย
ตกกลางคืนอาหารรสเลิศแต่ละจานก็ขึ้นเสิร์ฟ พ่อของฉินสือโอวนำเหล้าและเครื่องดื่มไปวางไว้บนโต๊ะ เท่านี้เตียงที่กว้างและใหญ่ก็ถูกอัดแน่นแล้ว ฉินสือโอวและพ่อต้องยืนอยู่ข้างล่างอย่างเลือกไม่ได้
คนเยอะก็ครึกครื้น พ่อและแม่ของฉินสือโอวดีใจสุดขีด แต่ก่อนพอหลังจากที่พี่สาวแต่งออกไป ในบ้านก็เหลือแค่ฉินสือโอวคนเดียว คืนวันที่สามสิบก็มีกันแค่สามคน ทำให้ไม่สนุกเสียเลย
แต่ปีนี้ดีเลย แค่พวกเด็กๆ ก็มีกันถึงสี่คน พูดคุยโดยผสมกันทั้งภาษาอังกฤษกับภาษาจีน จะมีอะไรที่ครึกครื้นมากกว่านี้อีก?
อีกอย่างบนพื้นยังมีหมีหนึ่งตัวหมาป่าหนึ่งตัวหมาสองตัวกับนกอินทรีหัวขาวอีกตัว บุชยังดี แค่ได้เกาะอยู่พนักเก้าอี้ก็ไม่ขยับแล้ว แต่เจ้าหมาหมีหมาป่าสี่ตัวนี่สิที่พออยู่ด้วยกันก็ไม่มีความสงบอีกต่อไป ทั้งแย่งกันกินแย่งกันดื่มแย่งกันเล่น ทำเอาฉินสือโอวยุ่งวุ่นวายทีเดียว
ดนตรีเปิดงานเฉลิมฉลองวันตรุษจีนดังขึ้น ท้องฟ้ายามค่ำคืนข้างนอกเต็มไปด้วยดอกไม้ไฟที่สว่างไสว พ่อของฉินสือโอวยกแก้วเหล้าขึ้นมาพูดว่า “วันนี้เป็นวันไหว้ของพวกเรา แล้วก็ ยินดีต้อนรับแขกของเรา เออร์บักกับเบิร์ด หวังว่าปีหน้าคนในบ้านเราจะเยอะกว่านี้ แหะๆ เสี่ยวโอว แกคงเข้าใจความหมายของพ่อใช่ไหม?”
ฉินสือโอวหมดคำพูด ขนาดตอนนี้ยังสามารถโยงเรื่องเข้ากับเรื่องมีลูกได้อีกเหรอ? เขาโบกปัดมือพูดว่า “พ่อ พูดต่อเถอะ รีบพูดเร็ว อาหารเย็นหมดแล้ว”
วินนี่หัวเราะอย่างดีใจแล้วพูดว่า “ไม่เห็นต้องรีบเลย คุณพ่อพูดต่อเถอะค่ะ อาหารเย็นแล้วเดี๋ยวหนูไปอุ่นให้ใหม่”
เธอกับพ่อและแม่ของฉินสือโอวนั้นยืนอยู่ฝั่งเดียวกันนี่นา เธอเองก็อยากจะมีลูกแล้ว
พ่อและแม่ของฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ กันออกมา สุดท้ายพ่อของฉินสือโอวพูดออกมาประโยคหนึ่งว่า ‘ขอให้ทุกคนร่างกายแข็งแรงสมหวังสมปรารถนา’ จากนั้นก็เป็นคนนำดื่ม คืนนี้นอกจากเบิร์ดแล้วคนอื่นๆ ก็ดื่มไวน์กันหมด เพราะไวน์นั้นไม่แรง สามารถดื่มได้เต็มที่
เริ่มจากการกินเค้กปีใหม่ก่อน เพราะนี่คืออาหารหลักของคืนวันไหว้ เป็นสัญลักษณ์ว่าให้ชีวิตสูงหรือดีขึ้นทุกปี (เค้กปีใหม่ในจีนมีเสียงพ้องกับคำว่าสูงขึ้นทุกปี)
เค้กปีใหม่ของบ้านเกิดฉินสือโอวนั้นเป็นเค้กข้าวที่มีรสหวาน เขาได้ยินว่ามีคนทำเค้กข้าวรสเค็มด้วย? นั่นจะไม่เรียกว่าบ้าได้ยังไง? เค้กปีใหม่ต้องมีรสหวานสิ บ๊ะจ่างก็ต้องหวาน ส่วนมะเขือเทศผัดไข่ก็ต้องเค็ม…
การกินอาหารค่ำวันไหว้กันสามคนกับการกินอาหารค่ำวันไหว้กันสิบคนนั้นผลลัพธ์ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คนสิบคนค่อยๆ กินไปพลางหัวเราะกันไปพลาง ไหนจะดูงานเฉลิมฉลองอีก เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้กินได้ช้าไปอีก แถมยังมีพวกหมาหมีหมาป่าทั้งสี่ตัวที่แหย่กันเล่นเป็นพักๆ อีก ทำให้เวลาผ่านไปถึงเที่ยงคืนโดยไม่รู้ตัว
เหล่าพิธีกรในทีวีกำลังไหว้ปีใหม่กัน ฉินสือโอวก็ไหว้ปีไหว้กับพ่อแม่ตัวเอง เออร์บักกับวินนี่และคนอื่นๆ ก็ร่วมด้วย คนบนโต๊ะอาหารต่างก็ร่วมไหว้และอวยพรปีใหม่ซึ่งกันและกัน
วินนี่เคยเล่าเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีที่บ้านเกิดของฉินสือโอวให้เด็กทั้งสี่คนฟัง เชอร์ลี่ย์กับพวกเมื่อเห็นทุกคนไหว้ปีใหม่กันแล้ว ก็คุกเข่าคำนับพ่อและแม่ของฉินสือโอวด้วย พูดว่าคุณปู่คุณย่าสวัสดีวันปีใหม่
พ่อและแม่ของฉินสือโอวดีใจจนหุบยิ้มไม่ลงเลย จากนั้นก็หยิบซองแดงที่เตรียมไว้ยัดให้กับทุกคน ฉงต้าที่กะพริบตาเล็กๆ ของมันจ้องดูอยู่นั้น ก็ถือโอกาสหมอบลงกับพื้น ใช้หัวที่อ้วนๆ ของมันโขกไปที่พื้นสองทีเลียนแบบพวกเด็กๆ
ฉากนี้ทำเอาพ่อและแม่ของฉินสือโอวมองแล้วอึ้งไปตามๆ กัน พ่อของฉินสือโอวรีบให้คนบนเตียงคั่งนั่งเบียดๆ กัน แล้วออกแรงลากฉงต้าขึ้นไปบนเตียงด้วย จากนั้นก็หัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “ทำไมเจ้าหมีตัวนี้ถึงฉลาดขนาดนี้กัน? ไอ้หยา ฉันอยู่มานานขนาดนี้แล้ว เป็นครั้งแรกนะที่รู้ว่าหมีก็คำนับไหว้ปีใหม่เป็นด้วย!”
ฉงต้าที่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารนั้นก็เหมือนกับผีที่ได้เข้าไปในหมู่บ้าน วินนี่เอาสลัดผลไม้กับเนื้อไก่ทอดให้มันกิน มีอะไรมันก็กินอันนั้น อ้าปากแล้วก็รีบกินรีบกลืนอาหารอย่างบ้าคลั่ง
แม่ของฉินสือโอวเอามือลูบไปที่หูที่นุ่มของฉงต้าอย่างพอใจแล้วพูดว่า “ถึงว่าไม่ว่ายังไงพวกเธอก็จะต้องพาเจ้านี่กลับมาฉลองปีใหม่ให้ได้ พวกมันเหมือนเป็นคนในครอบครัวจริงๆ รอบรู้ไปเสียหมด ดีจริงๆ ”
ข้างนอกมีเสียงจุดประทัดดังขึ้นประปราย ไม่นานเสียงประทัดก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นดังขึ้นพร้อมกันไม่ขาดสาย
หลังจากกินข้าวเสร็จหากเป็นเมื่อก่อนก็ต้องเข้านอนแล้ว แต่วันนี้พ่อและแม่ของฉินสือโอวดีใจกันมาก ทำให้ไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด วินนี่จัดการให้เด็กทั้งสี่คนกลับห้องไปก่อน ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็เอาไพ่ออกมาเล่นกัน
เล่นไพ่กันจนถึงตีสี่ พ่อของฉินสือโอวเก็บไพ่แล้วก็เตรียมตัวต้มเกี๊ยวน้ำต่อ หลังจากกินเกี๊ยวน้ำเสร็จก็ต้องไปไหว้ปีใหม่กัน บ้านของพวกเขามีศักดิ์ค่อนข้างสูง คนจะมาไหว้ปีใหม่ก็เยอะ ดังนั้นจึงต้องรีบเปิดประตูบ้านแต่เช้า เมื่อเป็นแบบนี้ก็แน่นอนว่าต้องกินข้าวเช้ากันเร็วหน่อย
ฉินสือโอวออกไปข้างนอกกับเบิร์ดเพื่อจุดประทัดด้วยกัน ในบ้านมีวินนี่ที่ช่วยพ่อของฉินสือโอวต้มเกี๊ยวน้ำอยู่ เขาหันกลับไปดูเงาคนใต้แสงไฟนั้น แล้วรู้สึกพอใจมาก
เป็นอีกครั้ง ที่เขารู้สึกขอบคุณตัวเองที่รู้จักยับยั้งชั่งใจ หากว่าเขาไม่ได้มั่นคงกับวินนี่ แต่ไปมั่วกับสาวๆ ในแคนาดาแทนแล้วล่ะก็ เขาอาจจะมีความสุขบ้างเป็นครั้งคราวก็จริง แต่คงไม่ได้มีความสุขเหมือนกับวันสำคัญอย่างวันปีใหม่แบบนี้หรอก
เริ่มตั้งแต่ตีห้าครึ่ง ฟ้ายังไม่ทันสว่างก็มีคนมาหาเพื่อไหว้ปีใหม่กันแล้ว
บ้านคนจนในเมืองนั้นไร้คนถามหา บ้านเศรษฐีแม้อยู่ในเขาลึกก็ยังมีญาติมาหา เพราะฉินสือโอวเป็นต้นเหตุ ทำให้ปีนี้คนที่จะมาไหว้ปีใหม่ที่บ้านจึงเยอะเป็นพิเศษ คนบางคนที่ต้องนับกันไกลเลยถึงจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นญาติกันก็ยังมาไหว้ปีใหม่กับพ่อและแม่ของฉินสือโอว
แบบนี้ก็ไม่แปลกอะไร เพราะบ้านเขามีศักดิ์สูงกว่านี่นา
วินนี่เตรียมซองแดงไว้ตะกร้าใหญ่ เธออยู่ข้างๆ แม่ของฉินสือโอว ขอเพียงคนที่มามีเด็กมาด้วยเธอก็จะรีบยื่นซองให้ เฮงๆ รวยๆ แม่ของฉินสือโอวเองก็ดีอกดีใจ
คนที่มาไหว้ปีใหม่ส่วนมากจะถือโอกาสมาเพื่อดูหน้าเจ้าสาวมากกว่า เพราะนี่เป็นเจ้าสาวต่างชาติคนแรกในโลกของพวกเขานี่นา คนสวยบุคลิกก็ดีอีกต่างหาก พวกเขารู้สึกสงสัยอยากรู้มาตั้งนานแล้ว ครั้งนี้จึงใช้การไหว้ปีใหม่เพื่อเป็นข้ออ้างมาดูด้วยตัวเอง
วินนี่นั้นได้เรียนเรื่องมารยาททางสังคมมา ตอนเรียนมหาลัยมีคลาสสอนมารยาท ทำงานแล้วก็ยังมีคลาสสอนมารยาทอีก การดูแลผู้คนของเธอนั้นจึงทั้งอ่อนโยนและสง่างาม การตอบคำถามผู้อาวุโสก็ทำได้อย่างไม่มีที่ติ ทำให้คนที่มาไหว้ปีใหม่เห็นแล้วก็หมดคำพูด
หลังจากนั้นคนในหมู่บ้านเมื่อจะสอนลูกหลานก็จะใช้วินนี่เป็นแบบอย่าง “ตั้งใจเรียนนะ เรียนมหาวิทยาลัยดีๆ เรียนจบแล้วก็หางานดีๆ ไม่อย่างนั้นพวกเธอจะหาสะใภ้ที่ดีเหมือนเสี่ยวโอวได้ยังไง?”
ฉินสือโอวที่เดินเล่นอยู่กับคุณพ่อก็มีความสุขมาก เพราะพวกเขามีศักดิ์สูงกว่า ระหว่างทางพอเจอผู้คนก็แทบจะทุกคนที่ไหว้ปีใหม่กับพวกเขา
ระหว่างเดินอยู่นั้นก็เจอเข้ากับฉินเผิง หมอนี่พอเห็นฉินสือโอวแล้วก็รีบก้มหน้าแอบเข้าไปในกลุ่มคน ครอบครัวเขามีคนเยอะ แค่คุณลุงคุณอาก็หกคนแล้ว ไม่เหมือนบ้านฉินสือโอว ที่มีลูกสองคนแต่มีคนสืบสกุลแค่คนเดียว
ฉินสือโอวดึงตัวฉินเผิงไว้ ยิ้มตาหยีแล้วพูดว่า “มา หลานชาย มาไหว้ปีใหม่กับคุณน้ากัน วันนี้นายใส่สูทผูกไทด้วยเหรอ? ไอ้หยา ดูไปดูมาก็ไม่เลวนี่นา”
“ให้ตายเถอะ แกนี่มันฉินโซ่ว(สัตว์เดรัจฉาน)จริงๆ ปล่อยน้องไปครั้งหนึ่งได้ไหม? ถ้าหากฉันเรียกนายว่าคุณน้างั้นต่อไปคงไม่มีหน้ามาเจอนายแล้ว” ฉินเผิงยิ้มระทมอย่างไม่มีทางเลือก
“รีบๆ เร็ว จริงจังหน่อย วันนี้เป็นวันปีใหม่นะ แล้วนายจะไหว้ปีใหม่พ่อฉันยังไง?”
“คุณปู่ สวัสดีปีใหม่ครับ”
พ่อของฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ พูดกับฉินสือโอวว่า “พอแล้วๆ นายอย่าไปแกล้งต้าเผิงเลย เพื่อนกันอย่างพวกแกสองคนนี่จะพูดเรื่องลำดับญาติทำไมกัน”
ฉินเผิงรีบสะบัดออกจากฉินสือโอวแล้ววิ่งหนีไป ฉินสือโอวตะโกนตามหลังไปว่า “เดี๋ยวฉันจะไปบ้านนาย ถ้าลูกสาวนายไม่เรียกฉันว่าคุณปู่ล่ะก็ ฉันจะเอาเรื่องเมียนายแน่!”
……………………………