ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 481 ฟาร์มไร่นากับฟาร์มสัตว์
ตอนจากกัน ในใจของฉินสือโอวก็รู้สึกไม่ดี แต่ฟาร์มปลาของเขาอยู่ที่นิวฟันด์แลนด์ ที่นั่นเป็นทั้งหมดของเขา ดังนั้นเขาจึงยังต้องกลับไป
พ่อของฉินสือโอวกลับทำใจได้แล้ว พูดว่า “เอาน่า อย่ามายืดยาดตรงนี้กันเลย กลับไปเถอะ อย่าลืมกลับมาบ่อยๆ ก็พอแล้ว”
“กลับมาบ่อยก็ต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินเยอะไม่ใช่เหรอ?” ฉินสือโอวพูดหยอกกลับ เมื่อก่อนทุกครั้งที่บอกว่าจะกลับมา พ่อและแม่ของฉินสือโอวมักจะใช้เรื่องค่าเดินทางเป็นเหตุผลในการบอกปฏิเสธทุกครั้ง
พ่อของฉินสือโอวสูบบุหรี่ฟอดหนึ่ง แล้วพูดว่า “ลงทุนไปกับโรงงานผลไม้กระป๋องเยอะขนาดนี้ กำไรที่ได้พอค่าเดินทางหนึ่งร้อยรอบแล้ว ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกปวดใจกับค่าเดินทางแค่นี้หรอกนะ”
เมื่อหยอกล้อกันเสร็จแล้ว ฉินสือโอวยกกระเป๋าเล็กกระเป๋าใหญ่ที่จัดเสร็จแล้วขึ้นมาเตรียมตัวออกจากบ้าน ครั้งนี้ฉินเผิงหารถกระบะมาให้สามคัน ลูกมือเขาสองคนเองก็ขับรถมากันคนละคันเพื่อมาส่ง
แน่นอนว่า ที่มาช่วยส่งจริงๆ นั้นคือสัมภาระนั่นเอง พ่อกับแม่ของฉินสือโอวได้ตระเตรียมของให้เขามากมาย ครึ่งหนึ่งของของขวัญปีใหม่ที่ซื้อก่อนสิ้นปีได้ถูกยัดเข้าไปในกระเป๋าเดินทางของเขา หรือก็คือฉินสือโอวต้องเช่าเครื่องบินเหมาลำเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคงนำของเยอะขนาดนี้กลับไปไม่ได้แน่
เมื่อถึงสนามบินของจังหวัดแล้ว ฉินสือโอวกอดฉินเผิงหนึ่งที แล้วบอกเขาว่าอีกหน่อยถ้าลูกโตแล้วให้พาไปเที่ยวที่นิวฟันด์แลนด์ เขาจะเป็นคนดูแลเอง ฉินเผิงลูบจมูกแล้วพูดพร้อมหัวเราะว่า “ได้เลย ถึงตอนนั้นฉันจะไปเปิดโลกกว้างบ้าง ฉันยังไม่เคยออกนอกจังหวัดมาก่อนเลย”
ครั้งนี้ฉินสือโอวยังคงเช่าชาเลนเจอร์ 350 เหมาลำเช่นเดียวกับขามา
เครื่องบินใหม่หรูหราได้จอดรออยู่ที่สนามบินมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ดึงดูดสายตาของผู้โดยสารไว้มากมาย ทำเอาผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ ถามว่านี่เป็นเศรษฐีบ้านนอกคนไหนที่ใช้เงินตามใจซื้อเครื่องบินส่วนตัวหรูหราลำนี้
ถ้าเทียบกับขามาแล้ว แค่นี้เรียกว่าเป็นเศรษฐีบ้านนอกไม่ได้หรอก เพราะขากลับนี้ฉินสือโอวจ่ายค่าเช่าเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
เมื่อได้รู้ว่าเขาจะเหมาลำกลับแคนาดา เหมาเหว่ยหลงจึงหาเพื่อนร่วมแชร์ค่าเครื่องบินให้เขามาสามคน ทั้งสามคนกำลังเตรียมบินกลับแวนคูเวอร์จากปักกิ่ง พอดีกับว่าเป็นเส้นทางเดียวกับบินจากปักกิ่งไปเซนต์จอห์น ฉินสือโอวรู้สึกถูกชะตากับเขาทันที ทั้งสองจึงร่วมกันแชร์ค่าเหมาลำกลับไป
ฉินสือโอวในตอนนี้ไม่ได้ขัดสนเงินทอง แต่เขาก็ยังคงมีความเป็นชาวนาในตัวนิดๆ ยังคงรู้สึกว่าหากตรงไหนประหยัดได้ก็ควรจะประหยัดดีกว่า อีกอย่างชาเลนเจอร์นั้นเป็นเครื่อง 16 ที่นั่ง พวกเขาก็ใช้แค่ที่นั่งเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
ชาเลนเจอร์บินตรงจากสนามบินจังหวัดไปปักกิ่ง ฉินสือโอวไปพูดคุยเล่นกันกับพวกเหมาเหว่ยหลง เมื่อได้เห็นเขากับวินนี่รักกันหวานแหวว เหมาเหว่ยหลงจึงพูดอย่างหดหู่ว่า “คิดไม่ถึงจริงๆ นะคิดไม่ถึงจริงๆ คนขี้อายอย่างฉินสือโอวก็หาภรรยาได้เหมือนกัน”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วเตะเขาไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ให้เขาแนะนำผู้ชายที่ร่วมแชร์เครื่องบินด้วยว่าเขาเป็นใคร
เหมาเหว่ยหลงไม่ได้แนะนำอย่างละเอียด บอกแค่ว่าเขาเป็นคนที่เจ๋งกว่าหลายเท่า เป็นลูกทายาทคนรวย แต่หลังจากนั้นสักพักเขาก็พูดต่ออีกว่า “ฉันไม่ทำร้ายนายหรอก เพื่อน ไอ้หมอนั่นน่ะมีชื่อเสียงในวงการดีมาก นายไปทำความรู้จักกับเขาไว้เถอะ ขอแค่เขาเป็นเพื่อนนายแล้ว อีกหน่อยไม่ว่าจะทำอะไรในประเทศจีน เขาจัดการให้ได้แน่นอน”
ฉินสือโอวไม่สนใจ เขาพักอยู่ที่ปักกิ่งหนึ่งวันหนึ่งคืน วันที่สองที่ออกเดินทาง เหมาเหว่ยหลงก็ได้ให้ของเขามาอีกชุดใหญ่ รวมไปถึงเสื้อไหมพรมให้วินนี่ด้วย
“เป็นงานทำมือ นี่เป็นผลงานชิ้นโบแดงที่ผมทุ่มเทมากเลยนะ วินนี่ คุณต้องเก็บไว้ดีๆ นะ” เหมาเหว่ยหลงพูดพร้อมทำท่าทางเสียดาย
ฉินสือโอวเข้าไปมองดู ส่ายหัวแล้วพูดว่า “นี่ใช่ตัวที่นายทอตอนอยู่มหาวิทยาลัยหรือเปล่าเนี่ย? ทำไมคุ้นตาจังเลย?”
หลังจากกอดลา ฉินสือโอวขึ้นไปบนเครื่องบินไม่นาน ชายหนุ่มมาดผู้ดีคนหนึ่งก็ได้พาชาวต่างชาติคนหนึ่งกับคนจีนคนหนึ่งขึ้นเครื่องมา
ชายหนุ่มคนนี้มองไปอายุมากกว่าฉินสือโอว แต่ก็ไม่มากกว่าเท่าไร บุคลิกน่าเกรงขาม แม้ว่าจะไม่ได้มีเสน่ห์มาก แต่ก็สามารถให้ความรู้สึกดีๆ กับคนที่พบได้
“สวัสดีครับ คุณฉินสือโอว? ผมเป็นเพื่อนของเหมาเหว่ยหลงชื่อว่าโอวหยางไห่ ทะเลที่ใหญ่กว่าอ่าวแม่น้ำทะเลสาบครับ (ไห่แปลว่าทะเล)” ชายหนุ่มยิ้มพร้อมยื่นมือทำท่าแนะนำตัวเอง
แค่การแนะนำตัวง่ายๆ โอวหยางไห่ก็ได้รับความรู้สึกดีๆ จากฉินสือโอวไปแล้ว คนนี้เป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ
อีกสิ่งที่โอวหยางไห่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกดีด้วยก็คือตอนที่เขาเห็นหน้าตาที่สวยสะดุดตาของวินนี่นั้นกลับทำเหมือนเห็นผู้หญิงทั่วไป ไม่ได้มีการจ้องมองเป็นพิเศษ เพียงแค่ทักทายเป็นมารยาทเท่านั้นก็ไปนั่งที่ที่นั่งของตัวเอง
หลังเครื่องบินออกตัวไปถึงชั้นสตราโทสเฟียร์แล้ว ฉินสือโอวจึงไปที่บาร์เครื่องดื่มเพื่อดื่มเหล้าสงบใจที่เต้นแรงอยู่
พอดีกับที่โอวหยางไห่ก็มาดื่มเหล้าด้วย ทั้งสองคนจึงคุยกันขึ้นมา
ฉินสือโอวเริ่มจากแนะนำฐานะของตัวเองในประเทศจีนกับฟาร์มปลาที่นิวฟันด์แลนด์ก่อน เมื่อโอวหยางไห่รู้ว่าเขามีฟาร์มปลา ก็ได้สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์การจับปลากับราคาปลาในตลาด ถามค่อนข้างละเอียด
จากนั้นโอวหยางไห่ก็แนะนำเรื่องของตัวเองบ้าง ฐานะในประเทศจีนไม่ได้พูดถึง พูดเพียงว่าตอนเด็กก็ได้ไปเรียนที่อเมริกาแล้ว จากนั้นก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านสักเท่าไร
โอวหยางไห่นั้นยิ่งใหญ่กว่าฉินสือโอวมากเลย เขามีฟาร์มไร่นาขนาดสามแสนหมู่(หมู่คือหน่วยวัดพื้นที่ของจีน โดย 1 หมู่= 0.416667 ไร่) และยังมีร้านอาหารมิชลินสามดาวอีกร้านที่แวนคูเวอร์ เชฟของร้านอาหารก็คืออีกสองคนที่ขึ้นเครื่องมาพร้อมกับเขา คนหนึ่งเป็นเชฟอาหารฝรั่งเศส อีกคนเป็นเชฟอาหารจีน
หลังจากคุยไปสักพัก ทั้งคู่ก็ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ฉินสือโอวรู้สึกสนใจเรื่องราวของโอวหยางไห่ เขามีความรู้สึกทันทีว่าการลงทุนกับฟาร์มไร่นาดูท่าไม่เลวเลย
เมื่อได้รู้ว่าเขาสนใจ โอวหยางไห่จึงแนะนำสถานการณ์ของฟาร์มไร่นาในแคนาดาให้เขาฟัง “ตอนนี้การลงทุนในฟาร์มใหญ่นั้นไม่เลวเลย ในเก้าปีที่ผ่านมานี้ มีแปดปีที่ความต้องการธัญพืชของโลกนั้นมากกว่าปริมาณการผลิต ปริมาณของธัญพืชที่มีนั้นมีน้อยกว่าปริมาณความต้องการและยังคงมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ”
“เหตุผลเพราะจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป ผลกระทบจากเชื้อเพลิงชีวภาพ ทำให้ทั่วทั้งโลกกำลังเจอกับวิกฤตขาดแคลนอาหาร ผมไม่ได้แค่ได้ยินมานะ เรื่องพวกนี้เป็นข้อมูลที่ผมสรุปได้หลังจากไปเที่ยวรอบโลกมาแล้ว”
เชฟชาวจีนที่อยู่กับโอวหยางไห่พูดแทรกมาประโยคหนึ่งว่า “โอวหยางมีทริปเที่ยวรอบโลกที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ผมกับแอบบีย์ก็ถูกช่วยไว้ตอนเขาไปท่องเที่ยวด้วย”
โอวหยางไห่หัวเราะ บอกว่าเรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่ต้องพูดถึงหรอก พวกนายสองคนตั้งใจดูแลร้านอาหารก็พอแล้ว
ฉินสือโอวถามว่า “งั้นถ้าหากจะซื้อฟาร์มไร่นา ควรซื้อในแคนาดาหรือว่าอเมริกาดีกว่าครับ?”
โอวหยางไห่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของคุณครับ น่าจะพอๆ กัน ผมแนะนำให้คุณอยู่ที่แคนาดาแหละครับ ที่เขตทุ่งหญ้าก็มีฟาร์มไร่นาและฟาร์มปศุสัตว์ดีๆ อยู่มากเหมือนกัน คุณไปซื้อที่รัฐซัสแคตเชวันก็ไม่เลวนะครับ”
เขตทุ่งหญ้ามีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเขตที่ราบทุ่งหญ้าแพรรีแคนาดา บ้านของวินนี่ก็อยู่ที่นี่
นี่เป็นที่ราบแคบที่มีความยาวสี่ร้อยกว่ากิโลเมตรที่อยู่ติดพรมแดนสหรัฐอเมริกา มีดินสีน้ำตาลกับดินดำเป็นหลัก มีพื้นที่เพาะปลูกที่ใหญ่เป็นสัดส่วนเศษสามส่วนสี่ของแคนาดา ปริมาณการผลิตข้าวสาลีของรัฐซัสแคตเชวันนั้นครอบคลุมไปทั่วประเทศแคนาดาคิดเป็นอัตราเศษสามส่วนห้า ส่วนปริมาณการส่งออกไปทั่วโลกก็ครอบคลุมไปถึงอัตราเศษหนึ่งส่วนสิบ
ตลอดเวลาการเดินทางสิบกว่าชั่วโมง ฉินสือโอวได้พูดคุยกับโอวหยางไห่ถึงข้อมูลต่างๆ ของฟาร์มปลา ฟาร์มไร่นา ฟาร์มปศุสัตว์ ทั้งสองต่างก็ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ จึงทำให้พูดคุยกันได้อย่างออกรสออกชาติ
สุดท้ายเมื่อถึงซัสแคตเชวัน โอวหยางไห่ต้องลงเครื่องแล้ว เขาให้เชฟชาวจีนโอนเงินให้กับวินนี่ จากนั้นก็ยื่นนามบัตรให้กับฉินสือโอว บอกว่าจากนี้ให้ติดต่อกันบ้าง
ฉินสือโอวมองไปที่นามบัตรนั้น บนนั้นเขียนข้อความอย่างเรียบง่าย แค่สองประโยคเท่านั้น เจ้าของฟาร์ม นักท่องเที่ยว จากนั้นก็แค่ชื่อเขากับเบอร์โทรศัพท์
ส่วนฉินสือโอวก็มองดูนามบัตรที่เออร์บักทำให้กับเขาแล้วยิ้มออกมา ของเขาเองก็เรียบง่ายเช่นกัน เจ้าของฟาร์มปลา นักการกุศล
สุดท้ายตอนจากกัน โอวหยางไห่ก็พูดขึ้นมาว่า “น้องชาย เรื่องที่คุณช่วยชีวิตคนในทะเลเมื่อเดือนที่แล้วนั้นเท่มากเลย เป็นชายชาตรีของประเทศจีนจริงๆ หลังจากการคุยกันวันนี้แล้ว ผมพูดจากใจจริงเลยว่า คนจีนที่ผมนับถือในแคนาดามีสองคน หนึ่งในนั้นก็คือคุณล่ะ”
………………………………………