ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 483 เด็กเก็บปลา
ฤดูใบไม้ผลิของทุกปี กระแสน้ำเย็นจากขั้วโลกเหนือและกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมจะไหลมาบรรจบกันที่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ จึงนำพาสัตว์ประเภทปลากับสาหร่ายมาอาศัยที่นี่ด้วย ปลาไข่ก็ถูกปรากฏการณ์นี้ดึงดูดมาเช่นกัน
พวกปลาไข่ว่ายหนีความหนาวเย็นจากใต้ทะเลลึกมาถึงชายฝั่ง จากนั้นก็จะเริ่มกินอาหาร เพื่อเตรียมตัวสำหรับฤดูผสมพันธุ์ที่ใกล้มาถึง
ปลาไข่ที่จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้รวมกลุ่มกันอยู่ทั่วสี่ทิศของฟาร์มปลาในเกาะแฟร์เวล ในทะเลแทบจะเต็มไปด้วยปลาประเภทนี้ ฉินสือโอวถึงกับกลัวขึ้นมา ปลาเล็กที่ดูเป็นมิตรพวกนี้จะมาเบียดพวกกุ้งปลาของเขาตายหรือเปล่านะ
แน่นอนว่านี่เป็นการกังวลที่ไร้สาระ เพราะการมาถึงของฝูงปลาไข่นั้น เป็นโอกาสที่ดีในการล่าอาหารของปลาใหญ่ในฟาร์มปลา แม้ว่าห่วงโซ่อาหารของฟาร์มปลาจะสมบูรณ์ แต่สำหรับเหล่าปลาเเซลมอนแปซิฟิกกับเหล่าปลาค็อดแล้วนั้น ปลาไข่ย่อมมีรสชาติดีกว่าพวกปลาแฮร์ริ่งกับปลาซาบะอยู่แล้ว
ปลาไข่มีสารอาหารสูง เพราะมีแคลเซียมสูง ไข่ปลาในท้องปลาตัวเมียก็มีเยอะ ปลาตัวเมียที่แข็งแรงและโตเต็มที่หนึ่งตัว น้ำหนักของไข่ปลาในตัวก็หนักเป็นเศษหนึ่งส่วนสี่ของน้ำหนักตัวทั้งหมดแล้ว!
เหล่าปลาตัวใหญ่ที่จำศีลมาตลอดฤดูหนาวได้เริ่มทยอยออกล่าเหยื่อ พวกมันกระจายกันอยู่ทั่วทุกมุมของฟาร์มปลาเพื่อทำการล่าอาหาร ฝูงไข่ปลาจึงได้เผชิญกับภัยในการดำรงชีวิต
แต่เพราะมีปลาไข่ว่ายเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย ดังนั้นแม้ว่าจะมีปลาใหญ่กับนกล่าอาหารอยู่ แต่ขนาดของฝูงปลาก็ไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ปรากฏการณ์ที่อลังการแบบนี้มักจะสามารถดึงดูดสายตาผู้คนได้เสมอ บางครั้งพวกวินนี่ก็จะพากันมาดูปรากฏการณ์นี้ที่ท่าเรือเหมือนกัน ชาร์คพูดกับฉินสือโอวว่า “เมื่อก่อนตอนที่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ยังมีปลาค็อดปริมาณมากนั้น ก็มีประมาณนี้เหมือนกัน ดังนั้นจึงมีคำพูดที่ว่าสามารถเหยียบบนหัวปลาค็อดเพื่อเดินจากเรือไปขึ้นฝั่งได้!”
จุดที่ไกลออกไปจากฟาร์มปลามีเสียงร้องประหลาดของนกดังขึ้นมา เสียงนั้นชัดเจนและยังคงดังไม่ขาดสาย ตามมาด้วยการมาถึงของคลื่นใหญ่ ราวกับเป็นน้ำพุที่ระเบิดออกมา
“ปลาวาฬหลังค่อมมาแล้ว” ชาร์คพูดพร้อมหัวเราะ “เจ้าพวกนี้ต้องมาร่วมกินอาหารมื้อโอชะนี้ด้วยทุกปีน่ะ ไม่เคยขาดเลยแม้แต่ปีเดียว”
ฉินสือโอวถามอย่างสนใจว่า “ปลาวาฬหลังค่อมเหรอ? รอบเกาะแฟร์เวลมีเจ้าพวกนี้ด้วยเหรอ?”
แม้ว่าปลาวาฬหลังค่อมจะไม่ใช่ปลาวาฬพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ของมหาสมุทรเช่นกัน พวกมันมีลำตัวที่อ้วนและใหญ่ สามารถโตจนมีความยาวถึงสิบสี่ถึงสิบห้าเมตร ขนาดตัวพอๆ กับฉลามบาสกิงเลย
แต่ถ้าเทียบกับฉลามบาสกิงที่โง่และขี้เกียจแล้ว ปลาวาฬหลังค่อมจะขยันกว่ามาก พวกมันว่ายน้ำได้ไม่เร็ว แต่ว่ามีความมุ่งมั่นมาก สามารถว่ายจากออสเตรเลียที่อยู่ซีกโลกใต้มาถึงขั้วโลกเหนือได้ การเดินทางข้ามโลกในทะเลแบบนี้ช่างน่าตกใจเสียจริง!
“บอส ในเกาะแฟร์เวลนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณต้องรู้นะครับ คุณต้องไม่รู้มาก่อนแน่ ตอนที่ฟาร์มปลายังมีปลาค็อดเยอะอยู่นั้น ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ของเราเคยเป็นจุดรวมตัวปลาวาฬหลังค่อมที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาก่อนนะครับ!” ซีมอนสเตอร์พูดอย่างภูมิใจ
ชาร์คมองไปที่มหาสมุทรอันไกลโพ้น แล้วพูดว่า “ปีนี้ปลาวาฬหลังค่อมมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ผมว่าฟาร์มปลาของเราน่าจะกลับไปสู่ยุครุ่งเรืองได้อีกครั้งนะ ไม่แน่นะอาจสามารถทำให้ปลาวาฬหลังค่อมแปดถึงสิบตัวอาศัยต่อได้อีกช่วงก็เป็นได้”
“ปลาวาฬหลังค่อมหน้าตาเป็นอย่างไรเหรอคะ?” เชอร์ลี่ย์ถามด้วยความสงสัย
ฉินสือโอวพาเธอไปขึ้นเครื่องเฮลิคอปเตอร์ แล้วพูดว่า “พวกเราไปดูกันตอนนี้เลย”
ปลาวาฬหลังค่อมสองตัวที่นำหน้ามาถึงก่อน ตัวหนึ่งเป็นวาฬตัวใหญ่ว่ายพาวาฬตัวเล็กตัวหนึ่งมาด้วย พวกมันแหวกว่ายอยู่บนผืนน้ำ ทั้งคู่กำลังหยอกเล่นอย่างสนิทสนม และพ่นน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน
ปลาชนิดนี้มีหลังที่ค่อนข้างเตี้ย แผ่นหลังของพวกมันจะไม่เป็นเส้นตรงเหมือนกับปลาวาฬชนิดอื่น แต่จะมีรูปร่างเว้าขึ้นมา เกิดเป็นเส้นโค้งเว้าที่สวยงาม ดูเหมือนกับบัลลังก์ของเทพโพไซดอน ทำให้ได้ชื่อว่า “ปลาวาฬบัลลังก์ (ชื่อในภาษาจีนเรียกแบบนี้)”
ฉินสือโอวใช้พลังโพไซดอนสำรวจดูปลาตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยพละกำลังมหาศาลพวกนี้ แล้วก็แผ่พลังโพไซดอนให้กับพวกมันจำนวนหนึ่ง เผื่อว่าพลังนี้จะทำให้พวกมันจำฟาร์มปลาต้าฉินได้ แล้วมาที่นี่ในฤดูใบไม้ผลิของทุกปี
เมื่อได้รับพลังโพไซดอนแล้ว ปลาวาฬหลังค่อมตัวแม่เหมือนจะรู้สึกหิวขึ้นมา มันดำลงไปในน้ำแล้วเริ่มอ้าปากล่าอาหารทันที
เช่นเดียวกับฉลามบาสกิง วิธีการล่าอาหารของปลาวาฬหลังค่อมคือการดูดอาหาร การดูดที่รุนแรงหนึ่งครั้งสามารถดูดน้ำทะเลเข้าไปได้ถึงห้าหมื่นลิตร น่ากลัวสุดขีด!
แน่นอนว่า การทำแบบนี้ทำให้พวกปลาไข่ ปลาค็อดและหญ้าทะเลต่างก็ตกเข้าไปในปากอันใหญ่โตของมัน มันใช้การกรองอาหาร กรองเอาน้ำทะเลออกไปเหลือไว้แต่ปลาตัวเล็กๆ กับหญ้าทะเล แล้วกลืนลงไปในท้องอย่างเอร็ดอร่อย
ปลาวาฬหลังค่อมตัวเล็กยังไม่สามารถหาอาหารด้วยตัวเองได้ ยังคงต้องดื่มน้ำนมจากแม่อยู่
แต่ว่าแม่วาฬที่เพื่อปกป้องมันนั้นได้อาศัยอยู่แต่ใต้ทะเลลึกมาตลอด ที่นั่นไม่มีอาหารอะไรที่กินได้เลย นับจากวันที่ดำลงไปใต้ทะเลลึก แม่วาฬหลังค่อมก็ไม่สามารถหาอาหารได้อีกแล้ว พึ่งแต่ไขมันที่สะสมไว้ก่อนหน้ามาดำรงชีวิตเท่านั้น
ตอนนี้ไขมันได้ถูกใช้ไปหมดแล้ว ทำให้มีน้ำนมไม่มากพอ วาฬหลังค่อมตัวน้อยดูดได้ไม่นานก็ว่ายจากไปอย่างผิดหวัง รอให้แม่วาฬล่าปลาไข่ สั่งสมไขมันเพื่อเปลี่ยนเป็นน้ำนมที่หอมหวานต่อไป
บอลหิมะที่ไม่รู้ว่าว่ายมาตอนไหน มันจ้องมองไปที่วาฬหลังค่อมแม่ลูกที่กำลังหยอกเล่นกันอยู่ด้วยสีหน้าเหงาหงอย มองไปโดดเดี่ยวน่าดู
ฉินสือโอวพลันนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาเจอกับบอลหิมะครั้งแรก ตอนนั้นมันว่ายมาพร้อมกับวาฬขาวตัวหนึ่ง แต่ว่าแล้วแม่วาฬล่ะ?
หลังปลาไข่ได้กินแพลงก์ตอนกับหญ้าทะเลในฟาร์มปลาอย่างอิ่มหนำ และสั่งสมกำลังมากพอแล้ว พวกมันจึงเริ่มแหวกว่ายต่อไป
ไม่เหมือนกับปลาส่วนมาก ปลาไข่เป็นปลาชนิดที่วางไข่บนผืนดิน นี่ก็หมายความว่าถ้าพวกมันอยากจะขยายพันธุ์ ก็จำเป็นต้องขึ้นฝั่ง ไปทำการปฏิสนธิบนชายหาด
และวิธีที่พวกมันจะไปถึงชายหาดได้ก็มีเพียงวิธีเดียว ก็คือต้องว่ายโต้คลื่นไป ถือโอกาสตอนที่คลื่นขึ้นมาแล้วว่ายตามดอกคลื่นเพื่อกระโดดไปขึ้นฝั่งบนชายหาด
ทำให้หลายวันต่อจากนี้ ประชาชนของเมืองแฟร์เวลได้มีโอกาสเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของมหาสมุทร
ปลาไข่นับไม่ถ้วนใช้คลื่นที่ซัดเข้ามากระโดดขึ้นไปบนชายหาด บนชายหาดของฉินสือโอวเต็มไปด้วยกองปลาประเภทนี้แทบทั้งหมด นับไม่หวาดไม่ไหว!
ไม่ว่าจะนกจมูกหลอดหางสั้นหรือนกบูบีเท้าแดง ก็คงดีใจจนแทบบ้า เพราะพวกมันได้เจอกับการหาอาหารที่สบายที่สุดในรอบปี ขอเพียงแค่อ้าปากรออยู่ที่ชายหาด ก็มีปลาไข่มุดเข้าไปในปากพวกมันโดยอัตโนมัติ
แต่ทางฝั่งปลาไข่นั้นไม่มีทางเลือก เพื่อทำภารกิจการขยายเผ่าพันธุ์ให้สำเร็จพวกมันจำเป็นต้องเข้าไปยังคมดาบของศัตรู
ทุกวันจะมีปลาไข่จำนวนหลายแสนตัวที่โต้คลื่นมายังชายหาด ชายหาดตอนนี้ได้เข้าสู่ความวุ่นวายที่ไม่เคยมีมาก่อน…
ปลาไข่กระโดดขึ้นฝั่ง นกทะเลพากันหาอาหารอย่างบ้าคลั่ง ปลาตัวใหญ่จำพวกหนึ่งก็ตามอยู่ข้างหลัง หลังพวกมันไปถึงชายหาดแล้ว ก็เริ่มสะบัดตัวไปมาอย่างแรง คลื่นทะเลและเม็ดทรายที่ถูกสะบัดไปมานั้น ทำให้บรรยากาศบ้าคลั่งมากกว่าเดิม
แต่ว่าปลาไข่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางรอดชีวิตเลย เวลาที่พวกมันอยู่บนฝั่งได้นั้น มากสุดก็แค่สิบกว่าวินาทีเท่านั้น
พวกมันใช้คลื่นทะเลเพื่อขึ้นฝั่ง พอคลื่นถอยกลับไปแล้ว พวกแม่ปลาก็จะกลับไปสู่ทะเลพร้อมกับคลื่นด้วย ในสิบกว่าวินาทีนี้แหละ ที่ปลาตัวผู้จะต้องหาพวกมันให้เจอ แล้วก็รีบทำการปฏิสนธิให้เสร็จจากด้านข้างลำตัว
ตอนนี้ก็คือ ช่วงที่เลวร้ายที่สุด คลื่นทะเลจะซัดเข้าฝั่งเรื่อยๆ หลังปลาตัวเมียได้รับการปฏิสนธิแล้วก็จะสามารถกลับไปสู่ทะเลได้ แต่ปลาตัวผู้นั้นเพราะใช้แรงไปหมดแล้ว นอกเสียจากว่าจะโชคดีถูกคลื่นม้วนพากลับลงทะเลไปด้วย ไม่อย่างนั้นพวกมันก็ต้องตายอยู่บนชายหาด
นี่คือกฎของธรรมชาติ ชะตาของปลาไข่ก็คือแบบนี้
แต่พวกเด็กๆ ที่พอมองมาถึงตอนนี้ต่างก็พากันรับไม่ได้ ชาร์ค ซีมอนสเตอร์กับพวกชาวประมงพากันเอาแหปลามาเก็บปลาอย่างดีใจ แต่มิเชลกลับถามฉินสือโอวอย่างตื่นกลัวว่า “ทำไมไม่ให้ปลาเล็กพวกนี้กลับไปที่ทะเลครับ?”
ฉินสือโอวอธิบายเหตุผลให้ฟัง บอกว่าพวกมันไม่มีแรงกลับทะเลแล้ว มิเชลจึงถามว่า “งั้น ที่พวกชาร์คมาจับปลา ก็เพื่อเอาไปกินไม่ก็ขายไม่ใช่เหรอครับ?”
“แน่นอน เพราะพวกเราคงกินเยอะขนาดนี้ไม่ไหวหรอก ตอนนี้มีปลาแบบนี้เต็มไปหมด ใครจะมาซื้อกันล่ะ?”
เมื่อได้ยินฉินสือโอวพูดแบบนี้ มิเชลกับพวกเด็กๆ ก็วิ่งไปที่ชายหาด เก็บปลาตัวผู้ที่หมดแรงกระโดดขึ้นมาทีละตัวแล้วโยนลงทะเลไป จากนั้นชาร์คน้อยกับเหล่าลูกของชาวประมงก็เข้าไปร่วมด้วย ทำให้ได้เห็นภาพความแข็งแรงและดื้อดึงที่มีเฉพาะในตัวของเด็กๆ เท่านั้น
……………………………………………