ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 532 เหมือนดั่งดาบหัวปีศาจที่น่าเกรงขาม
บ่อเพาะเลี้ยงกลางทะเลแบบนี้ มักจะมีรูเป็นปกติ หลังจากที่ขึงตาข่ายเรียบร้อยแล้ว ถ้าอยากเปลี่ยนใหม่จะเป็นการยุ่งยากมาก เพราะทั้งวัชพืชน้ำที่เข้ามาพัน ฉลามที่คอยมากัด ปลาทูน่าที่คอยว่ายชนตลอดจึงมักจะเกิดรูอยู่เสมอ
แต่ฉินสือโอวอยากจะให้เรื่องราวมันดูราบรื่นสักหน่อยเขาจึงไม่ได้ลงมือทำอะไรในตอนนั้น แค่หาปลาทูน่าหนึ่งตัวแล้วทำเครื่องหมายมันไว้ จากนั้นก็ตามนิชิมุระ เร็นไปชมแหล่งเพาะเลี้ยงที่ต่อไปอย่างไม่กระโตกกระตาก
ยิ่งดู ฉินสือโอวก็ยิ่งรู้สึกว่าแหล่งเพาะเลี้ยงปลาทูน่านี้ดูธรรมดา ไม่เห็นจะต่างกับฟาร์มเลี้ยงหมูตรงไหน? แล้วก็มองไปยังปลาทูน่าพวกนั้นที่กำลังว่ายอยู่ในน้ำอย่างอ่อนระโหยโรยแรง โดยมีเครื่องออกซิเจนคอยปล่อยออกซิเจนลงสู่น้ำทะเลอย่างต่อเนื่อง ใช้ในระดับคงที่เพื่อช่วยผ่อนคลายความกดดันในการดำรงชีวิตของพวกมัน
ซึ่งธรรมชาติของทูน่านั้น ถ้าพวกมันไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวก็จะสูญเสียซึ่งความกดดันแบบนั้นไป ชีวิตและจิตวิญญาณของพวกมันจะเป็นเช่นนี้ เมื่อใดที่ความกดดันนั้นลดต่ำลงมันก็จะไม่ใช่ปลาทูน่าอีกต่อไป
หลังจากที่ฉินสือโอวมองดูสักพักก็หมดความสนใจลง ดูท่าบ่อเลี้ยงปลาทูน่าเทียมนี้จะไม่ประสบความสำเร็จซะแล้ว เพราะไม่ว่าจะเลี้ยงมากี่รุ่นๆ ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจเท่าไรเลย
หลังจากเยี่ยมชมเสร็จ ฉินสือโอวไม่สนถึงการเหนี่ยวรั้งใดๆ ของนิชิมุระ หลังจากที่กล่าวขอบคุณเป็นการเสร็จเรียบร้อยก็ไปขึ้นเครื่องที่สนามบินเกาะโอชิมะโดยบินไปลงที่นิวยอร์กสหรัฐอเมริกาก่อน แล้วค่อยต่อเครื่องจากนิวยอร์กไปเซนต์จอห์น
ข้อดีจากการที่ได้ถือสัญชาติแคนาดาคือ ไม่ต้องใช้พาสปอร์ตก็สามารถบินระหว่างแคนาดากับอเมริกาได้อย่างเสรี แต่ก็แน่นอนว่าถ้าอยากจะไปจับปลาหรือทำธุรกิจก็จำเป็นต้องมีพาสปอร์ตอีกแบบหนึ่ง
แอร์บัส 380 ขนาดใหญ่บินขึ้นสู่ท้องฟ้าและเดินทางเข้าสู่ฟากมหาสมุทรแอตแลนติก ฉินสือโอวหลับตาทั้งสองข้างลง จากนั้นจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ได้กลับไปยังน่านน้ำของเกาะโอชิมะ
แผนของเขาก็คือหาฉลามสักฝูง สะกดพวกมันให้ไปโจมตีตาข่ายดักปลาที่ขึงไว้รอบๆ แหล่งเพาะเลี้ยงจากนั้นก็ฉีกตาข่ายให้ขาด เพื่อให้พวกมันไล่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหล่านั้นออกมา
การกระทำแบบนี้ค่อนข้างแน่นอน ฝูงฉลามนั้นถือเป็นปัญหาใหญ่ของปลาทูน่าครีบน้ำเงินมาโดยตลอด เพราะพวกมันชื่นชอบเนื้อที่นุ่มสดอร่อยของปลาทูน่าเป็นที่สุด
ทางด้านของแหล่งเพาะเลี้ยงก็ได้ตระหนักถึงภัยคุกคามนี้เป็นอย่างมาก จึงมีเรือลำเล็กลอยอยู่รอบด้านเหนือผิวน้ำตลอดทั้งปี ซึ่งมีอุปกรณ์คลื่นอินฟราโซนิคผูกเอาไว้ซึ่งสามารถปล่อยคลื่นใต้เสียงออกไปในน้ำทะเลได้ เนื่องจากฉลามไวต่อการรับรู้ของคลื่นเสียง ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลขนาดไหนก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงคลื่นอินฟราโซนิก เช่นนี้พวกมันจึงไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้
ฉินสือโอวที่หาแล้วหาอีก แต่ก็หาพวกฉลามไม่เจอเพราะพวกมันต่างก็โดนไล่โดยคลื่นอินฟราโซนิคไปแล้ว
เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่ามหาสมุทรแปซิฟิกใหญ่ขนาดนี้จะไม่มีฉลามสักตัว ฉินสือโอวถูกยัวะเข้าให้แล้ว!
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์นั้นมีพลังมหาศาล ภายใต้การปล่อยคลื่นอินฟราโซนิคเพื่อการขับไล่ ทำให้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนที่แล่นไปรอบเกาะโอชิมะอยู่ครึ่งชั่วโมงกว่าแล้วแต่ก็ยังหาฉลามไม่เจอสักตัว กระทั่งปลาวาฬก็ยังไม่มี หรือมีก็คงจะโดนเรือล่าปลาวาฬฆ่าตายไปหมดแล้ว
อย่างนี้ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงเปลี่ยนไปทางทะเลลึก มหาสมุทรแปซิฟิกใหญ่เกินไป ถ้าจะเปรียบฉลามกับปลาวาฬก็คงจะเหมือนกับการหว่านเมล็ดงาลงบนเกาะแฟร์เวลนั่นแหละ จะเจอได้โดยบังเอิญนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
ฉินสือโอวที่กำลังจนปัญญา ก็ได้แต่คิดว่าคงไม่ต้องได้เรียกเฮยป้าหวังมาจากมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือหรอกนะ? เขาที่กำลังว่ายอยู่อย่างไร้จุดหมาย กลุ่มสาหร่ายทะเลก็ลอยกระจัดกระจายขึ้นมาบนผิวน้ำด้วยสีเขียวมรกตสวยงาม ทำให้มหาสมุทรเต็มไปด้วยกลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิ
จากนั้นจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ว่ายตามฝูงปลาซันมะตัวน้อยๆ เหล่านั้นไป ส่วนฉินสือโอวที่กำลังสแกนมหาสมุทรแปซิฟิกอย่าชะล่าใจ ทำให้ทันใดนั้นเอง ฝูงปลาตัวใหญ่ก็พุ่งออกมาจากพุ่มสาหร่ายทะเลอย่างกะทันหันไม่ทันได้ตั้งตัว!
หลังจากที่พุ่งพรวดออกมาอย่างรวดเร็วนั้น ปลาตัวใหญ่พวกนี้ก็อ้าปากกว้างเห็นเหงือกแดงของมัน แล้วหันไปเขมือบฝูงปลาซันมะพร้อมกับกลืนลงท้องอย่างบ้าคลั่ง โดยจับปลาซันมะพวกนี้เป็นอาหารอย่างรวดเร็ว หลังจากกินเสร็จพวกมันก็รีบกลับเข้าไปซ่อนตัวในชั้นของสาหร่ายทะเลอย่างเงียบสงบ ราวกับว่าเพชฌฆาตก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกมัน
ขยับเหมือนสายฟ้าฟาด นิ่งสงบเหมือนผู้บริสุทธิ์ เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวได้เจอปลาชนิดนี้!
อารมณ์รุนแรงของปลาพวกนี้ทำให้เขารู้สึกทึ่งในทันที จากนั้นเขาก็ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนปกคลุมน่านน้ำทะเลเอาไว้เพื่อสำรวจดูสักหน่อย
ปลาที่อยู่ภายใต้กลุ่มสาหร่ายทะเลมีลักษณะดุร้ายเป็นพิเศษ ทั้งตัวมีสีทองผสมกับสีเขียว อีกทั้งลำตัวก็มีขนาดใหญ่ ความยาวอยู่ที่ประมาณหนึ่งถึงสองเมตร และยังมีลายจุดสีทองระยิบระยับอยู่เต็มสันหลังสีเขียวออกดำ ครีบก็กว้างและยาวติดต่อกันจากหัวไปถึงหางคล้ายกับแผงคอของม้าที่ตั้งชันขึ้น บริเวณปากก็ปรากฏฟันอันแหลมคมออกมา ทำให้มีลักษณะค่อนข้างดุร้ายเล็กน้อย
ซึ่งที่น่าแปลกมากก็คือ ปลาชนิดนี้ไม่เหมือนกับปลาชนิดอื่นๆ ทั่วไป ที่ไม่ใช่รูปร่างหัวมนท้ายแหลม แต่มีรูปร่างเหมือนกับมีดพร้าที่ใช้กันทั่วไปในชนบท ลำตัวของพวกมันยาวและแบน ส่วนด้านหน้านั้นสูงและใหญ่ซึ่งจะค่อยๆ เล็กลงในส่วนท้าย ส่วนหัวจะใหญ่เป็นพิเศษ ส่วนหลังก็แคบมาก อีกทั้งส่วนหัวและหลังของปลาใหญ่เกือบจะคล้ายกับรูปทรงลูกบาศก์ นอกจากนี้ตรงหน้าผากยังมีกระดูกนูนขึ้น รูปร่างใหญ่ดูกล้าหาญและปราดเปรียวโดยสิ้นเชิง!
ฉินสือโอวเพิ่งจะเคยเจอปลาที่มีรูปร่างแบบนี้เป็นครั้งแรก พลันลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ แล้วถามขึ้น “นีลเซ็น เบิร์ด มานี่หน่อย พวกนายเคยเห็นปลาแบบนี้ไหม? ส่วนหลังมีสีเขียวออกดำ ส่วนท้องมีสีเหลืองทอง และมีรูปร่างคล้ายกับปังตอ ส่วนหัวก็มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส แถมยังมีท่าทางป่าเถื่อนมากด้วย”
นีลเซ็นและเบิร์ดยักไหล่และไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ วินนี่จึงถามขึ้นอย่างแปลกใจ “ทำไมอยู่ๆ คุณก็ถามคำถามนี้ขึ้นมาล่ะ?”
ฉินสือโอวหัวเราะแห้ง แล้วพูดอย่างคลุมเครือ “อยู่ๆ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้เคยเห็นโบรชัวร์ที่ตลาดสึกิจิน่ะ ตอนนั้นก็ว่าจะถามอยู่นะว่ามันคือปลาอะไรแต่ก็ดันลืมไปซะก่อน”
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่กำลังแนะนำอาหารให้กับอีวิลสันก็ยิ้มเล็กน้อยและรอให้พวกเขาพูดเสร็จ จากนั้นจึงหันไปอธิบายให้กับฉินสือโอว “คุณผู้ชาย ที่คุณพูดถึงน่ะคือปลาอีโต้มอญ เป็นปลาตัวใหญ่ชนิดที่เจ้าเล่ห์มากแถมยังดุร้ายอีกด้วย ซึ่งชื่อทางวิทยาศาสตร์ของพวกมันก็คือปลาโลมา แต่พวกชาวประมงจะชอบเรียกพวกมันว่าจิ้งจอกใต้น้ำน่ะค่ะ”
พอได้ยินฟังที่พนักงานอธิบายให้ฟัง ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าเป็นไปได้ เพราะปลาที่พูดมาเหมือนกับดาบหัวปีศาจจริงๆ ซึ่งเป็นดาบชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงทั้งในจีนและญี่ปุ่น
หยิบไอแพดที่ไม่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตออกมา ซึ่งข้างในได้มีการดาวน์โหลดคำอธิบายของปลาชนิดต่างๆ ที่ถูกค้นพบแล้วทั่วโลก ฉินสือโอวพิมพ์ชื่อของปลาอีโต้มอญในช่องค้นหา แล้วถึงได้เห็นรูปร่างของปลาเหล่านั้นปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ
ปลาชนิดนี้เป็นปลาชนิดที่ต่างก็เคยปรากฏตัวทั้งในน้ำอุ่น มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรแปซิฟิก และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาแล้ว แต่พวกมันชอบหาสถานที่เพื่อไปหลบซ่อน อีกทั้งไม่ค่อยชอบว่ายไปไหนมาไหน ดังนั้นอัตราในการถูกจับได้ของมันจึงค่อนข้างน้อย
แต่ปลาชนิดนี้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจนั้นค่อนข้างสูง ด้วยเนื้อปลาที่ขาว และรสชาติจืด จึงเหมาะที่จะนำไปทำซาชิมิ ปลาเค็ม ลูกชิ้นปลาหรือปลาบด นอกจากนั้นเนื้อของปลาชนิดนี้ที่ค่อนข้างไม่ละเอียด จึงถูกขนานนามว่าธัญพืชแห่งมหาสมุทร เพราะมันอุดมไปด้วยเกลือแร่และวิตามิน อีกทั้งพวกตระกูลผู้ดีญี่ปุ่นยังเคยนำปลาชนิดนี้มาใช้สำหรับบำรุงร่างกายโดยเฉพาะ
เมื่อแน่ใจถึงสถานะของปลาพวกนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงทำการสะกดพวกมันเอาไว้ ทั้งหมดเป็นปลาใหญ่หกสิบกว่าตัว ยังไงซะปลาพวกนี้ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกได้อยู่แล้ว งั้นก็กลับไปฟาร์มปลาด้วยกันซะเลย
ขณะที่กำลังนำเหล่าปลาพวกนี้ไปทางมหาสมุทรลึก โชคดีก็เข้ามา ว่ายไปได้ประมาณยี่สิบกว่านาทีก็มีฝูงฉลามดุร้ายว่ายตามมา
ส่วนสมาชิกในฝูงฉลามพวกนี้ส่วนมากมีความยาวประมาณสองถึงสีเมตรครึ่ง มีรูปร่างใหญ่อ้วนและสั้น ส่วนหัวล่ำสันจนเกือบจะดูเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เบ้าตาที่นูนโดดเด่นขึ้นมา ดวงตาหยีที่เหมือนกับผู้ชายเก็บเนื้อเก็บตัวดูหนังโป๊ แต่พวกมันก็ไม่ได้เก็บเนื้อเก็บตัวขนาดนั้น และสถานะภาพของมันก็คือ…ฉลามเสือ!
ในที่สุดมือสังหารแห่งมหาสมุทรที่ได้ยินแค่ชื่อก็ทำให้ใครต่อใครขวัญผวาได้ก็มาแล้ว ทั้งยังเป็นสัปเหร่อที่ฉินสือโอวคัดเลือกไว้สำหรับเกาะโอชิมะ
………………………………………….