ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 572 น้องชายที่พลัดพราก
ฉินสือโอวถือไข่ห่านที่ฉงต้าเอามาให้แล้วหัวเราะขึ้น จากนั้นเขาจึงแบ่งเนื้อยัดเข้าไปในปากของฉงต้าสองชิ้น
พอฉงต้าปิดปากงับ เนื้อก็หายไปแล้ว…
เมื่อเห็นสายตาอันไร้เดียงสาของฉงต้า ฉินสือโอวจึงบีบหูเล็กๆ อันอวบอ้วนของมัน เขาใช้ผ้าห่อไข่นกฟองที่เหลือแล้วพูดว่า “ไป กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวพ่อจะให้เนื้อแห้งกินอีก”
ฉงต้ายื่นคอออกไปร้องตะโกนอาวู อาวู ดึงฉินสือโอวไว้แล้วอ้าปากจนมีน้ำลายไหลออกมา จากนั้นจึงร้องขึ้นด้วยความน้อยใจเพราะเมื่อกี้มันไม่ได้รู้สึกถึงเนื้อชิ้นนั้นเลย
ฉินสือโอวหมดหนทาง เขาทำได้เพียงลากขาของฉงต้าเดินตามมา ยังวางใจไม่ได้เลยจริงๆ
เมื่อพาเจ้าสัตว์เลี้ยงพวกนี้กลับมาถึงวิลล่า ด้านหลังก็มีปอหลัวตามกลับมาเช่นเดียวกัน จากนั้นจึงเห็นฟอสซิลไดร์วูล์ฟที่จัดเรียงอยู่ในห้องโถงใหญ่ก็ถึงกับร้องขึ้นด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
เมื่อหมาป่าขาวเติบโตขึ้นจนโครงสร้างกระดูกของมันแข็งแรง มันก็จะเริ่มฝึกล่าสัตว์และต่อสู้ นี่คือธรรมชาติของพวกมัน วินนี่ที่ดูแลปกป้องปอหลัวก็ยังไม่สามารถควบคุมสิ่งนี้ได้
สองสามวันมานี้ ในช่วงที่ปอหลัวไม่มีอะไรทำมันจะไปเล่นงานฟอสซิลไดร์วูล์ฟที่ยืนนิ่งๆ ไม่ขยับ แน่นอนว่าการเล่นงานของมันคือการวิ่งไปกัดแล้วใช้กรงเล็บเท้าข่วนพักหนึ่ง จริงๆ แล้วเจ้าปอหลัวนี้มีความสามารถเพียงแค่นี้เท่านั้น
ฉินสือโอวที่กำลังคิดหาวิธีฝึกปอหลัวอย่างหนัก อยู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ซึ่งคนที่โทรเข้ามาก็คือเหมาเหว่ยหลงนั่นเอง
หลังจากผ่านไปหลายปี ฉินสือโอวก็ไม่ได้ติดต่อกับเหมาเหว่ยหลงอีกเลย ฝากข้อความในคิวคิวไว้ก็ไม่ตอบ โทรหาก็ไม่รับ ทำให้เขาคิดว่าที่บ้านของเหมาเหว่ยหลงต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ๆ เขาจึงรีบค้นหาข่าวของพ่อเหมาเหว่ยหลงบนอินเทอร์เน็ต
จากที่หาข่าวในอินเทอร์เน็ตแล้วก็ทำให้รู้ว่า ตำแหน่งที่นั่งของพ่อเขาก็มั่นคงดี แม้กระทั่งช่องข่าวในโทรทัศน์ยังเห็นเขาอยู่ นี่ก็ทำให้เห็นได้ชัดแล้วว่าที่บ้านของเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร ฉินสือโอวจึงทำได้แค่ไปหาเหมาเหว่ยหลงที่โรงเรียนฝึกพรรคคอมมิวนิสต์อะไรทำนองนั้นแหละ
จนในที่สุดตอนนี้ก็ได้รับสายจากเหมาเหว่ยหลง หลังจากฉินสือโอวรับสายก็พูดด้วยความโกรธ “ไงโคโกโร่ ในที่สุดแกก็นึกได้แล้วสินะว่ายังมีฉันเป็นผู้ติดตามอยู่ ว่ามาสิ ที่โทรมาจะสั่งงานอะไรล่ะ?”
ทางฝั่งเหมาเหว่ยหลงยังคงเงียบอยู่สองสามวินาที จากนั้นจึงพูดขึ้น “ช่วงนี้แกเป็นไงบ้าง?”
“ฉันสบายดี ฉันอยากบอกแกว่าตอนนี้ฟาร์มปลาของฉันมันเยี่ยมมากและผลผลิตจากการจับปลาก็ขายดิบขายดีทั่วนิวยอร์กแล้ว แล้วแกล่ะ? ไปเที่ยวเล่นอยู่ไหนมา? ทำไมไม่ส่งข่าวกลับมาบ้างเลย โทรหาก็ไม่รับ?” ฉินสือโอวว่า
เหมาเหว่ยหลงได้แต่ถอนหายใจ ไม่มีเสียงตอบกลับมาในทันที
ฉินสือโอวทนไม่ไหวจึงถามกลับอีกว่า “เป็นอะไร ก่อนหน้านี้งานยุ่งเหรอหรือไปอบรมฝึกฝนการศึกษาระดับสูงที่ไหนมา? แกอย่ามาโกหกฉันนะ มีอะไรก็พูดมาเถอะ ถ้าไม่มีก็แล้วไป แล้วที่แกถอนหายใจใส่ฉันแกมีเรื่องกังวลใจอะไรหรือเปล่า?”
เขาเงียบอีกครั้ง แต่ได้ไม่นาน เสียงแหบๆ ของเหมาเหว่ยหลงก็ดังขึ้น “ฉันลาออกแล้ว พอดีมีปัญหากับที่บ้าน ก่อนหน้านี้ถูกขังไว้ในบ้าน ทั้งโทรศัพท์ทั้งคอมพิวเตอร์ก็ถูกตัดขาดหมด”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินสือโอวถึงกับตกใจไปพักหนึ่ง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ระยะห่างทางโทรศัพท์ก็ทำให้เขารู้สึกถึงความเศร้าซึมของอารมณ์เหมาเหว่ยหลงได้ นี่จึงเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยชอบใจเท่าไร
ฉินสือโอวเงียบเพื่อให้เหมาเหว่ยหลงพูดต่อ แต่เขาไม่ได้อธิบายอะไร เขาเพียงแค่ถามว่า “ฉันไปอยู่ที่นั่นสักพัก ได้ไหม?”
“อย่าพูดอะไรเหลวไหลแบบนั้น แกมาได้เลยจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ทั้งเนื้อย่าง อาหารทะเล เหล้า ฉันมีเหลือเฟือ แกจะมาเมื่อไรล่ะ? ถ้าครั้งนี้มาอยู่นาน นายต้องจีบสาวเซ็กซี่คนนั้นติดแน่นอน พูดแล้วก็บังเอิญจริงๆ เมื่อสองวันก่อนฉันกับวินนี่ยังคิดหาทางให้แกกับสาวเซ็กซี่คนนั้นได้ติดต่อกันอยู่เลย…”
ฉินสือโอวเริ่มพูดแต่เรื่องไร้สาระ เขาหาทางหยอกให้เหมาเหว่ยหลงมีความสุขให้เหมือนกับเมื่อก่อนที่เหมาเหว่ยหลงเคยทำกับเขาตอนที่อยู่เมืองไหเต่า
เหมาเหว่ยหลงแทรกคำพูดของเขาขึ้น “ไม่จำเป็นหรอก ฉันมีภรรยาแล้ว ที่ฉันมีปัญหากับที่บ้านครั้งนี้ก็เกี่ยวกับเธอด้วย”
ฉินสือโอวเกาศีรษะด้วยความงงเล็กน้อย ปัญหาเรื่องความรักไม่ได้แก้ไขกันได้ง่ายๆ และเขาก็ไม่ใช่พวกหลายใจ อย่างบิลลี่กับเบลค ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไปอย่างตรงๆ ว่า “ฉันจะให้วินนี่จองตั๋วเครื่องบินให้แก จะมาตอนไหนล่ะ?”
“ตอนนี้ฉันอยู่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง ฉันซื้อตั๋วแล้ว เราสามคนจะบินเย็นวันนี้ พรุ่งนี้ถึงจะไปหาแก”
“สามคนเหรอ? ใครบ้าง?”ฉินสือโอวยังคงงงอยู่เล็กน้อย ถ้าไม่บอกก่อนหน้านี้ว่ามีปัญหากับที่บ้าน เขาคงคิดว่าหมอนี่คงพาครอบครัวมาที่นี่เพื่อรีดไถเงินตัวเองซะอีก
“ฉัน ภรรยาและลูกสาว” คำตอบของเหมาเหว่ยหลงสั้นกระชับได้ใจความแต่เต็มไปด้วยความตกใจ
ฉินสือโอวถึงกับอ้าปากค้าง หู่เป้าฉงที่กำลังเล่นกันอยู่ถึงกับต้องเอียงหัวมองเขาด้วยความประหลาดใจ ท่าทางที่แสดงแบบนี้ของพ่อแทบจะไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ
ในสายโทรศัพท์ไม่ควรถามอะไรเยอะ อีกอย่างฉินสือโอวยังรู้สึกได้ว่าตอนนี้เหมาเหว่ยหลงคงไม่อยากจะพูดถึงความรู้สึกที่อยู่ในใจ เขาถึงรีบตอบแล้ววางสายไป
จากที่เขารู้จักเหมาเหว่ยหลงมา หมอนี่มีอะไรก็ชอบเก็บไว้ในใจคนเดียว รอให้เขามาถึงเมืองแฟร์เวลก่อนเถอะ แล้วจะมอมเหล้าให้เมา ถึงตอนนั้นอยากรู้อะไรก็จะได้รู้สักที
หลังจากวางโทรศัพท์แล้ว ฉินสือโอวจึงไปสนามบินเล็กเพื่อดูที่ส่วนท้ายของรันเวย์รูปตัวทีที่กำลังเร่งก่อสร้างเรดาห์ในฟาร์มปลา
แม้ว่าสิ่งที่ฟาร์มปลาซื้อจะเป็นเรดาห์ทางพลเรือน แต่ก็ยังมีความซับซ้อนอยู่มาก ซึ่งหลักๆ จะประกอบด้วยทรานสมิตเตอร์ อุปกรณ์ส่งสัญญาณแบบไร้สาย อุปกรณ์รับสัญญาณ อุปกรณ์รับสัญญาณแบบไร้สาย เครื่องปรับแต่งสัญญาณรวมถึงอุปกรณ์แสดงผลหน้าจอ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมเช่นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หน่วยรับข้อมูลและเครื่องรบกวนสัญญาณ
ฟรังโกพาวิศวกรและคนงานมาสองสามคนเพื่อเอาทรานสมิตเตอร์มาสร้างเครื่องรับสัญญาณดาวเทียมขึ้น การติดตั้งหลักๆ คือการเชื่อมต่อทรานสมิตเตอร์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเบิร์ดกำลังเรียนรู้และทำตามเพราะหลังจากนี้ถ้าเกิดปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อะไรขึ้นมา เขาจะได้เป็นคนจัดการ
เมื่อเห็นฉินสือโอวกำลังเดินมา ฟรังโกจึงตั้งใจแนะนำเรดาร์พิเศษสำหรับฟาร์มปลานี้ให้กับเขา สรุปคือโยนเทคนิคทิ้งไป เหลือไว้เพียงแค่หลักสูตรก็พอ จากนั้นฉินสือโอวจึงตกตะลึงขึ้นมาทันที
ฟังไปฟังมา ในที่สุดฉินสือโอวก็นึกได้สองเรื่อง เรื่องแรกคือการกำหนดความถี่ของเรดาห์เป็นงานที่สำคัญที่สุด ซึ่งฟรังโกกำลังตั้งใจทำสิ่งนี้เป็นพิเศษ เมื่อความถี่คงที่ ก็จะกลายเป็นรากฐานของระบบทั้งหมดและไม่สามารถคลาดเคลื่อนได้ง่ายๆ ซึ่งสิ่งนี้แตกต่างจากทรานสมิตเตอร์โดยสิ้นเชิง
ส่วนเรื่องที่สอง เนื่องจากได้รับความช่วยเหลือของเบิร์ด จึงทำให้การสร้างเรดาห์ความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นและยังใช้เวลามากสุดแค่ห้าวัน หลังจากทดสอบใช้ระบบเรดาห์แล้วก็สามารถใช้งานได้เลย
เมื่อรู้สองจุดนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงบอกทุกคนว่าให้ตั้งใจทำงานแล้วรีบกลับไปเตรียมอาหารเย็น
เหมาเหว่ยหลงกำลังจะมา ฉินสือโอวจึงไปลงทะเลเอากรงตาข่ายมาตกกุ้งและปูราชินี เพื่อเตรียมต้อนรับน้องชายแสนซื่อบื้อเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังไปตามแนวปะการังเพื่อควานหาเพรียงทะเล เพราะเพรียงทะเลนี้มีรสชาติอร่อยมาก เพรียงทะเลที่เพิ่งเกิดใหม่ในแนวปะการังเมื่อผ่านไปหนึ่งปีมันจะเจริญเติบโตขึ้นจึงสามารถนำมาเป็นอาหารได้
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น มีเรือบรรทุกสินค้าขนาดเล็กเข้าจอดเทียบท่าเรือ เหล่าคนงานจึงไปรับพัสดุต้นองุ่นที่ห่อด้วยพลาสติกที่กำลังลำเลียงเข้ามา งานที่สำคัญที่สุดกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ซึ่งก็คือการปลูกองุ่นนั่นเอง
ฉินสือโอวไม่มีเวลามาจัดการดูแล จึงให้ชาร์คพาคนงานไปทำความสะอาดต้นองุ่นก่อน แล้วเขาจะให้เบิร์ดขับเฮลิคอปเตอร์ไปที่สนามบินเซนต์จอห์น เมื่อถึงสนามบินจะได้รับบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ แล้วมีพนักงานมารับเขาทันที จากนั้นก็จะพาเขาไปที่เลานจ์วีไอพี
หลังจากเครื่องบินขนาดเล็กที่เหมาเหว่ยหลงนั่งมาได้ลงที่สนามบินเซนต์จอห์น ไม่นานนัก ตามการแนะนำของแอร์โฮสเตส เหมาเหว่ยหลงจึงลากกระเป๋าและพาสาวสวยทั้งสองไปหาฉินสือโอว
เมื่อเห็นสาวสวยทั้งสองแล้ว ฉินสือโอวจึงมองไปที่เหมาเหว่ยหลงและกระซิบข้างหูในขณะที่เขากำลังกอดเขาอยู่ “ว้าว ไอ้น้องชาย ลูกสาวแกไม่ใช่ตัวเล็กๆ แล้วนะ!”
………………………………………