ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 574 เถาองุ่นหนึ่งร้อยหมู่
หลังจากพาเหมาเหว่ยหลงไปพักแล้ว ฉินสือโอวก็ไปที่ไร่องุ่นต่อ
ฝั่งทางไร่องุ่นยังไม่ได้เริ่มปลูก อันดับแรกจะต้องใช้กระบวนการวางตำแหน่งซึ่งก็คือการเชื่อมต่อไม้แต่ละท่อนก่อน เพราะมันจะสะดวกเมื่อถึงช่วงที่องุ่นเติบโตพันเข้าหากัน
ฉินสือโอวปลูกองุ่นขนาดเล็กไว้ที่นี่ องุ่นที่กินได้จะเลือกใช้วิธีการทำเป็นโครง เพื่อทำให้มีระยะห่างที่ค่อนข้างกว้างและองุ่นแต่ละต้นจะได้ดูดซับสารอาหารได้มากยิ่งขึ้น เมื่อถึงช่วงขุดดินเพื่อป้องกันความเย็นในฤดูหนาว จะสามารถขุดดินได้โดยตรงเพื่อปกป้องระบบรากจากการถูกทำลายจากความเย็นจัดเนื่องจากการขุดดินจำนวนมาก
ขนาดของการสกัดองุ่นจะมีขนาดใหญ่เล็กน้อย ฉินสือโอวจึงเลือกใช้การปลูกเป็นรั้วตามแนวยาว ตามคำแนะนำของบิล ซึ่งถ้าทำแบบนี้ระยะห่างของแถวจะมีขนาดเล็ก สามารถปลูกองุ่นได้มากและดูแลสะดวกได้สะดวกขึ้น สภาพลมและแสงยังค่อนข้างดีอีกด้วย
เมื่อใช้เครื่องจักรปักโครงลงดินเรียบร้อยแล้ว จากนั้นยังต้องขุดร่องน้ำคูเพื่อทำการเพาะปลูกด้วย ซึ่งก็คือที่ปลูกต้นองุ่นนั่นเอง
สิ่งที่ต้องรู้คือองุ่นเป็นไม้เลื้อยยืนต้นที่มีอายุยืน ฉินสือโอวเชื่อในพลังของโพไซดอนว่าจะสามารถทำให้พวกมันอายุยืนได้มากกว่านี้อีก ด้วยวิธีนี้หลังจากปลูกต้นองุ่นแล้วเติบโตในตำแหน่งคงที่เป็นเวลาหลายปีแล้ว จำเป็นต้องมีพื้นที่ในการขยายและปริมาณสารอาหารใต้ดินที่ค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ ระบบรากและต้นอ่อนขององุ่นก็ไม่เหมือนกัน เนื้อเยื่ออ่อนที่แตกแขนงจะเจริญเติบโตรวมกันเป็นเนื้อองุ่น เมื่อถึงช่วงผลผลิตยืดและแผ่ขยายออก จะพบว่าแรงต้านจะทำให้มันหยุดแผ่ขยาย
ดังนั้นองุ่นบางชนิดจึงเหมาะกับการเจริญเติบโตในดินทราย ซึ่งดินทรายจะมีแรงต้านต่อการขยายตัวของระบบรากต่ำ แน่นอนว่าเพื่อให้รากองุ่นในดินเติบโตได้ดีขึ้น ฉินสือโอวจึงรู้สึกว่าการทำร่องน้ำมันค่อนข้างดี
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนใช้เครื่องจักรในการดำเนินงาน เครื่องจักรที่ใช้ในการขุดร่องน้ำโดยเฉพาะจะคล้ายกับเครื่องขุดดิน ก็คือมีสายพานเล็กๆ สองสายดึงรถและมีพลั่วหงายอยู่หน้ารถ ซึ่งเมื่อฉินสือโอวและชาร์คลากเส้นเครื่องหมายสัญลักษณ์เสร็จ จากนั้นจะใช้เครื่องขุดดินเดินเครื่องตามแนวเครื่องหมายและเริ่มใช้พลั่วขุดตาม
การทำงานของเครื่องจักรต้องมีความรวดเร็วอยู่แล้ว พลั่วที่ขุดลงและตักขึ้นในแต่ละครั้ง ทุกครั้งที่ขุดจะเกิดขึ้นเป็นหลุมที่มีความยาวความกว้างและความลึกประมาณหนึ่งเมตร และนี่ก็คือร่องน้ำ แม้มีคำว่า‘ร่อง’คำนี้ แต่จริงๆ แล้วมันคือแต่ละหลุมที่จะใช้ในการปลูก
ด้านหลังของรถตักดินยังมีเครื่องจักรอีกหนึ่งเครื่องตามมาติดๆ เครื่องจักรนี้จะทำหน้าที่กลบดิน เอาดินที่ขุดออกมากลบไว้ในหลุม ไม่ใช่ว่าจะกลบดินลงไปได้เลย แต่ต้องเอาเครื่องกรองน้ำวางลงไปก่อน
ดินทรายแถบชายฝั่งทะเลจะมีน้ำเยอะ เมื่อระบบรากขององุ่นเริ่มอ่อนแอมันก็จะง่ายต่อการเน่า เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีเครื่องกรองน้ำช่วยปกป้องได้ ก่อนที่องุ่นจะเจริญเติบโตเต็มที่ไม่ควรแช่รากไว้ในน้ำ แต่ถ้ามันเจริญเติบโตเต็มแล้ว จะแช่หรือไม่แช่น้ำ มันก็จะไม่เน่า
หลังจากวางเครื่องกรองน้ำแล้วจึงค่อยกลบดินทับเพิ่มสองชั้น ดินชั้นแรกคือดินทราย อีกชั้นจะเป็นดินผสมปุ๋ยที่ต้องกลบไว้ชั้นบนสุดเพื่อบำรุงการเจริญเติบโตก้าวแรกให้กับต้นองุ่น
เมื่อกลบดินทรายจะต้องให้ห่างจากพื้นผิวดินประมาณสิบเซนติเมตร จึงสามารถลงปลูกต้นองุ่นได้อย่างเป็นทางการ
ในร่องน้ำหนึ่งหลุมจะปลูกองุ่นได้แค่หนึ่งต้น เนื่องจากดินทรายมีความอ่อนนุ่ม จึงทำได้เพียงลงต้นไปในหลุมดินทรายก็พอ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องจักร ใช้มือเท่านั้น ฉินสือโอวจึงพาชาวประมงและคนในครอบครัวมาเริ่มปลูกช่วยกัน
เมื่อลูกๆ ของเชอร์ลี่ย์เลิกเรียนแล้ว จึงพากันเล่นรถยืนไฟฟ้า พวกเขาส่งเสียงร้องกันอย่างมีความสุขพร้อมกับลื่นไหลไปข้างหน้า
เมื่อกำลังอยู่ในช่วงที่มีความสุขมากๆ มักจะมีเรื่องมาขัดเสมอ วินนี่เรียกพวกเขาให้เข้ามาช่วยงาน พวกเด็กๆ จึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วก้มหัวอยากหนีออกไป
ชาร์คและซีมอนสเตอร์ทั้งตีทั้งดุลูกๆ ให้เดินตามมา ดึงลูกชายตัวเองมาอย่างกับลากสัตว์เลี้ยงให้รีบมาแล้วตวาดใส่ว่า “ทำงาน ถ้าไม่ทำเย็นนี้ก็ไม่ต้องกินข้าว!”
“ไม่เพียงแต่จะไม่ให้กินข้าวแล้ว ยังยึดของเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ของพวกเขาด้วย” แลนซ์พูดพร้อมหัวเราะดังลั่น
หลายคนเริ่มทำงานเสร็จแล้ว เพียงแค่เอารากของต้นองุ่นลงหลุมทราย ข้างๆ ฉินสือโอวก็มีหู่จือและเป้าจือตามมาด้วย ทั้งสองตัวผลัดกันคาบต้นองุ่นส่งให้ฉินสือโอว แบบนี้จึงสะดวกเขาไม่ต้องวิ่งกลับไปกลับมา
หลัวปอเอียงคอมองดูอยู่สักพัก มันรู้สึกว่าน่าสนุกดี จึงไปคาบต้นองุ่นแล้วส่งให้วินนี่บ้าง
ตัวมันใหญ่เล็กน้อย แรงก็มีมาก แต่กลับคาบต้นองุ่นไม่ขึ้น จึงวิ่งลากไปตามทางบนพื้น กว่ามันจะส่งถึงมือวินนี่ ต้นองุ่นก็ถูกลากมาจนตายหมดแล้ว…
วินนี่กลับรู้สึกซาบซึ้งใจ จึงอุ้มหลัวปอขึ้นมากอดแล้วพูดอย่างอิ่มเอมใจว่า “เด็กดีจริงๆ เลยนะ หลัวปอของบ้านเรา รู้จักดูแลแม่ด้วย มา มาให้แม่หอมสักทีสิ คืนนี้แม่จะนอนกอดทั้งคืนเลยดีไหม?”
หลัวปอส่งเสียงร้องฮือฮือ หัวเล็กๆ ของมันมุดเข้าไปที่หน้าอกของวินนี่ มุดไปมุดมาแล้วรู้สึกสบายมาก ฉินสือโอวเห็นจึงจ้องตาเป็นมัน
พื้นที่ 150 หมู่ อาจจะดูเหมือนขนาดใหญ่มาก แต่จริงๆ แล้วภายใต้การเดินเครื่องจักร ในช่วงบ่ายสามารถทำเสร็จได้แค่ครึ่งเล็กๆ พรุ่งนี้จึงเป็นเช้าที่งานยุ่งอีกวัน ไร่องุ่นนี้ถึงจะสามารถปลูกเสร็จได้
เมื่อมองดูใบอ่อนของต้นองุ่นที่ปลิวไหวตามสายลมยามเย็น อยู่ๆ ฉินสือโอวก็รู้สึกทอดถอนใจขึ้นมา มิน่าล่ะถึงมีคนบอกว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกำลังผลิตที่สำคัญอันดับแรก เขาจำได้ว่าที่บ้านเกิดของเขาเมื่อก่อนปลูกองุ่น เนื้อที่แค่สี่ห้าหมู่ก็ทำงานกันทั้งวันแล้ว
ตอนนี้ใช้ทั้งเครื่องจักร ทั้งคนกว่ายี่สิบชีวิต ทำจนถึงบ่ายเพิ่งจะทำได้แค่ร้อยหมู่นิดๆ เอง
ความจริงแล้วอยากรีบทำรีบเสร็จ ถ้าจะให้เสร็จภายในเย็นวันนี้คงไม่น่าเป็นไปได้ แต่ทำไมล่ะ? สิ่งที่ฉินสือโอวมีคือเวลา ซึ่งตอนนี้พระอาทิตย์ค่อยๆ ตกดินแล้ว งั้นรีบไปเตรียมอาหารเย็นดีกว่า
น้องรักมาแล้ว อีกอย่างเหล่าชาวประมงยังพาครอบครัวมาช่วยปลูกองุ่นอีกด้วย ฉินสือโอวจึงจัดอาหารเต็มโต๊ะเพื่อต้อนรับเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามหมูป่าก็ตัวอ้วนโตแล้ว ฉินสือโอวจึงให้เบิร์ดและชาร์คไปจัดการมาสักตัว เย็นนี้จะย่างหมูป่ากินกันอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เขายังตั้งหม้อสเตนเลสอยู่ลานบ้าน ซึ่งเป็นหม้อที่เพิ่งซื้อมาจากเซนต์จอห์น ได้เอามาใช้ตุ๋นห่านพอดี
งานยุ่งมาทั้งวัน ฉินสือโอวจึงไม่อยากเข้าครัวทำอาหารเอง จึงโทรศัพท์หาลุงฮิคสันให้เตรียมโต๊ะสองโต๊ะ จากนั้นจะให้ซีมอนสเตอร์และบูลขับรถไปในเมืองแล้วลากกลับมา
บูลพาภรรยามาช่วยงานด้วย ฉินสือโอวจึงเทน้ำส้มแก้วหนึ่งให้กับผู้หญิงที่ดูเหมือนขี้อายคนนั้นและยิ้มพร้อมถามขึ้น “เฮ้ แอนนา สตาเซีย อาเลฟใช่ไหม? ช่วงนี้บูลยังโมโหใส่คุณอยู่ไหม?”
หญิงสาวยิ้มอย่างเขินอายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม “ไม่ ไม่เลยค่ะ เรากลับมาแต่งงานกันใหม่อีกครั้งแล้ว หลังจากที่เขาได้ทำงานกับคุณ เขาก็เปลี่ยนไปเยอะมาก อารมณ์โมโหของเขาก็ดีขึ้น เขาไม่ค่อยขึ้นเสียงใส่ฉันแล้วค่ะ”
“ไม่ค่อย? งั้นแสดงว่ายังมีอยู่บ้างน่ะสิ?” ฉินสือโอวพูดติดตลก “แลนซ์พาอีวิลสันไปอบรมบูลหน่อยสิ!”
อีวิลสันที่กำลังนั่งยองๆ ดูเบิร์ดจัดการกับหมูป่าอยู่ข้างๆ นั้นก็ได้ยินฉินสือโอวพูดจึงลุกขึ้นยืนอย่างงงๆ แล้วถามว่า “บอส จะให้ผมไปตีใคร?”
ฉินสือโอวเห็นหน้าแอนนาเริ่มถอดสี ทำให้รู้ว่าไม่สามารถล้อเล่นต่อได้อีก เขาจึงโบกมือให้สัญญาณอีวิลสันเล่นต่อ แต่ไม่ต้องล้อเล่นแอนนาและบูลอีก
แลนซ์เดินไปยั่วยุฉินสือโอว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงถอดใจว่า “บูลเปลี่ยนไปเยอะมาก บอสได้ช่วยชีวิตลูกวัวหลงทางได้ตัวหนึ่งเลยนะ ฮ่าๆ”
ฉินสือโอวจึงตอบกลับว่า “ไม่ใช่สักหน่อย จริงๆ แล้ว ลึกๆ บูลเป็นคนจิตใจดี แค่เมื่อก่อนความลำบากมันบังคับให้เขาต้องอารมณ์เสียไปหมดทุกอย่าง ซึ่งตอนนี้เขาก็มีเงินเดือนที่มั่นคงแล้ว ได้ซื้อรถที่ชอบ ได้ใช้ชีวิตที่ตัวเองอยากใช้ เพราะฉะนั้นโดยปกติแล้วก็จะไม่อารมณ์เสียอีก”
เมื่อคนเริ่มเยอะขึ้น ลานบ้านจึงยิ่งครึกครื้นมาก เหมาเหว่ยหลงที่ไปพักผ่อนเมื่อช่วงบ่าย หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จก็พาตั๋วตั่วออกมา แล้วมองดูเด็กๆ และสัตว์เลี้ยงหยอกเล่นกันอย่างใจจดใจจ่อ
……………………………………..