ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 61 มนุษย์ยักษ์
ชาร์คไม่พูดยังดีเสียกว่า เสียงตวาดของเขานั้น ถูกเด็กวัยรุ่นพวกนี้เข้าใจว่ามันเป็นการยั่วยุ เด็กวัยรุ่นที่แอบมองวินนี่อยู่ก่อนหน้านั้นก็กระปรี้กระเปร่า ขึ้นมาจากรอบด้าน
“ฉิน ขอบคุณที่เลี้ยงมาร์ตินี่พวกเรานะ ผมขอดื่มอวยพรให้คุณหนึ่งแก้ว”เด็กวัยรุ่นหน้าตาคล้ายกันกับฮิวจ์เดินยิ้มร้ายเข้ามา เขาแนะนำตัวเองว่า “ผมชื่อแลร์รี ฮิวจ์ เป็นน้องชายของเควิน ฮิวจ์”
ฉินสือโอวยักไหล่ ยกแก้วเหล้าขึ้น “เชียร์ส แด่สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย!”
การดื่มอวยพรของฮิวจ์ ก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณเพื่อเริ่มโจมตี เด็กวัยรุ่นคนอื่นๆก็หมุนวนยกแก้วขึ้นตามลำดับ
“ฉิน เมื่อวันเทศกาลอีสเตอร์ครั้งก่อนผมได้โทรศัพท์มาจากงานกิจกรรมที่คุณจัดเครื่องหนึ่ง นั่นมันเยี่ยมมากเลยล่ะ! มา ผมขอดื่มอวยพรให้คุณอีกหนึ่งแก้ว” ต่อมาก็มีเด็กวัยรุ่นอีกคนเดินยิ้มร้ายเข้ามาอีก
คราวนี้ฉินสือโอวรู้แล้วว่า เด็กเวรพวกนี้ต้องการจะมอมเหล้าเขา เขาจึงกล่าวปฏิเสธ “อ้อ เพื่อน นั่นเป็นกิจกรรมที่สนุกจริงๆนั่นล่ะ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เหตุผลที่นายถึงกับจะต้องดื่มอวยพรให้ฉันหรอก วันนี้พวกเราควรจะสนุกสนานไปกับการมาถึงของฤดูร้อนมากกว่าที่จะดื่มเพื่อฉัน
นีลยิ้มอย่างร้ายๆแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่หรอก ฉิน วันนี้จะทำอย่างที่นายว่าไม่ได้หรอก ค่ำคืนสุดเหวี่ยงของบาร์เหล้าก็เป็นอย่างนี้ล่ะนะ ถ้าใครควงผู้หญิงที่สวยที่สุดมาด้วย คนนั้นก็จะกลายเป็นศัตรูของสาธารณชนไปด้วย ทุกคนก็ล้วนแต่อยากจะเข้ามาชนแก้วกับนายทั้งนั้น”
ฉินสือโอวรู้สึกงุนงงขึ้นมาทันที เมื่อเห็นสายตาราวกับนักล่าของพวกเด็กวัยรุ่นพวกนี้ เขาก็รู้สึกปวดฉี่ขึ้นมานิดๆ
“ผู้ชายที่ดีที่สุดถึงจะคู่ควรกับคุณผู้หญิงคนนี้ เพราะฉะนั้นคุณต้องพิสูจน์ว่าคุณน่ะดีที่สุด ดีที่สุดในทุกๆด้าน” ฮิวจ์คนเล็กตบไหล่เขาแล้วพูดขึ้น
ฉินสือโอวมองไปที่วินนี่ เขาตบโต๊ะอย่างเหี้ยมๆแล้วพูดขึ้นว่า “งั้นก็เข้ามาสิ ไอ้พวกเวร ฉันไม่ยอมถอยหรอกโว้ย!”
“โอ้ะ โอ้!” ผู้ชายกลุ่มหนึ่งส่งเสียงแหลมออกมา นีลโบกมือแรงๆ เมื่อดีเจเปลี่ยนเพลงเป็นเพลงเร็วที่ให้ความรู้สึกเร้าใจ
เหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าถูกส่งมาให้เขา ฉินสือโอวดื่มหนึ่งอึกต่อหนึ่งแก้ว ผู้ชมที่รุมล้อมอยู่รอบข้างก็ส่งเสียงแหลมขึ้นเชียร์ ที่บาร์นี้ มาตรฐานของการตัดสินวีระบุรุษก็คือความสามารถในการดื่มเหล้า
“ฉิน ขอให้ฟาร์มปลาของคุณเจริญรุ่งเรือง! เชียร์ส!”
“ฉิน ขอให้ร่างกายของคุณแข็งแรง ขอให้ทุกสิ่งเป็นไปอย่างราบรื่น เชียร์ส!”
“ฉิน แด่มิตรภาพของจีนกับแคนาดา เชียร์ส!”
“ฉิน แด่รถคาดิลแลควันสุดหล่อของคุณ เชียร์ส!”
“ฉิน เชียร์ส~!”
ในตอบเริ่มต้นฉินสือโอวยังพอจะตอบรับอยู่บ้าง แต่ปรากฏว่าเมื่อดื่มไปได้สักเจ็ดแปดแก้วสติของเขาก็เลอะเลือนแล้ว เหล้าที่คนอื่นยื่นมาให้ก็มีหมดเกือบทุกประเภท เบียร์ ไวน์แดง วอดก้า ค็อกเทล เหล้าผสม ต่อให้เป็นไดโอนีซุสที่อยู่ตรงนี้ก็คงต้องถึงกับคุกเข่า
แล้วก็ยังดื่มเบียร์ดำต่ออีกแก้ว เมื่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ของเบียร์พุ่งสูงขึ้น ฉินสือโอวก็เริ่มทนไม่ไหว จนต้องวิ่งโซซัดโซเซออกไปข้างนอกบาร์
ฮิวจ์ช่วยเปิดทางให้เขา เขาตะโกนไปว่า “หลีกหน่อย หลีกให้ฉินออกไปหน่อย อ้วกออกมาเดี๋ยวก็รู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ!”
วินนี่กลัวว่าฉินสือโอวจะล้ม จึงเข้าไปช่วยประคองเขาไว้ ฮิวจ์และอีกหลายคนอยากเข้าไปช่วย แต่วินนี่ยิ้มและปฏิเสธออกมา “ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคน เดี๋ยวฉันดูแลเขาเอง พวกคุณไปสนุกต่อกันเถอะ”
จะว่าไปแล้ว เธอก็ยังโกรธพวกเขาอยู่หน่อยๆ ที่คนพวกนี้เอาเธอไปเป็นข้ออ้างเพื่อมอมเหล้าฉินสือโอว
เมื่อออกมาจากบาร์ ฉินสือโอวก็ถูกลมพัดจนสร่างขึ้นมาเล็กน้อย เขากอดแขนวินนี่พยายามจะเดินไปยังตรอกที่อยู่ข้างๆบาร์ เขาไม่อยากอ้วกตรงหน้าประตู มันน่าอนาถเกินไป อีกอย่างหนึ่งก็คือที่ประตูมีคนเดินเข้าๆออกๆอยู่ตลอดด้วย
วินนี่จับแขนขวาของฉินสือโอวไว้แน่น อกอิ่มของเธอแนบอยู่กับตัวของเขา น่าเสียดาย เวลานี้ฉินสือโอวสัมผัสได้เพียงความรู้สึกราวกับฟ้าหมุนเคว้งคว้างเท่านั้น ไม่สามารถดื่มด่ำกับรสชาติของความงามนี้ได้
เมื่อเอามือค้ำผนังไว้ได้ ฉินสือโอวก็เริ่มอ้วกออกมาทันที วินนี่ลูบๆตบๆหลังของเขา ลูกธนูเหล้าก็พุ่งตรงออกมาทันที
ทันใดนั้น ทั้งตรอกซอยก็เหม็นคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า
อ้วกไปได้สักพักฉินสือโอวก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว เขาจึงยืนขึ้น แต่ปรากฏว่าเมื่อยืนขึ้นได้พริบตาเดียวก็รู้สึกว่าข้างหน้ามันมืดไปหมด ทั้งยังคิดว่าตัวเองคงรีบลุกเร็วเกินไป สุดท้ายแล้วเมื่อเขาสั่นหัวไปมาก็พบว่าข้างหน้ายังคงมืดอยู่ จากนั้นวินนี่กลับอุทานเสียงต่ำออกมาว่า “โอ้ พระเจ้า!”
“ทำไมเหรอครับ?” ฉินสือโอวถามขึ้นมาอย่างสับสน “ทำไมผมมองไม่เห็นอะไรเลยล่ะ? คงไม่ใช่เพราะดื่มเหล้าแล้วทำให้ตาบอดหรอกนะ?”
มือเล็กของวินนี่จับแขนของเขาไว้อย่างแรง เธอพูดเสียงต่ำว่า “ไม่ใช่ค่ะ มีคนขวางทางเข้าตรอก แสงไฟเลยส่องเข้ามาไม่ถึง! พระเจ้า ช่างเป็นคนที่มีร่างกายใหญ่โตจริงๆ เขา เขาเป็นหมีใช่ไหมเนี่ย?”
จากนั้น แสงไฟสลัวก็สาดส่องเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ฉินสือโอวจึงเพิ่งจะสังเกตได้ ว่ามีสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาเข้ามาที่ทางเข้าตรอก
ไม่ว่าจะเป็นชาร์คหรือซีมอนเตอร์ ต่างก็เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ที่มีส่วนสูงราวๆร้อยเก้าสิบเซนติเมตร สำหรับฝั่งยุโรปและอเมริกาส่วนสูงของคนขาวชาวแคนาดานับว่าไม่ได้สูงจนเกินไป หนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรก็เป็นส่วนสูงที่สูงพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับผู้ที่เดินเข้ามาในตรอกตอนนี้แล้ว ส่วนสูงเท่านั้นก็นับว่าเล็กน้อยไปเลย
ฉินสือโอวเมามากแล้ว เขาเห็นลักษณะของคนคนนี้ได้ไม่ชัดเจนนัก แต่เขาก็พอจะมองออก คนคนนี้สูงมากกว่าสองเมตร แถมยังเกินสองเมตรมาไม่น้อยด้วย! เขามีโครงกระดูกที่ใหญ่เป็นอย่างมาก บนตัวของเขาสวมใส่เสื้อผ้าขาดๆ ดูเหมือนกับหมีดำล่ำๆก็ไม่ปาน!
แรงบีบรัดมีมากอย่างถึงที่สุด นี่เป็นเพราะร่างกายบึกบึนของเขาที่นำความรู้สึกนี้มาให้แก่ฉินสือโอว
วินนี่กังวลว่าชายคนนี้จะรังแกพวกเขาสองคน แต่ปรากฏว่าเมื่อคนคนนี้เดินเข้ามาในตรอกกลับทำเพียงแค่เหลือบมองพวกเขาหนึ่งครั้ง แล้วก็เดินกวัดแกว่งไปที่มุมของกำแพง เขาเจอถังขยะหนึ่งถัง ก็หิ้วมันขึ้นมาเหมือนของเล่นแล้วเปิดมันออก จากนั้นจึงใช้มือขนาดใหญ่ราวกับพัดใบปาล์มหมุนล้วงเข้าไปข้างใน
“เพื่อน นาย นาย นายกำลังหาอะไรอยู่?” ฉินสือโอวยืมความกล้าจากเหล้าที่ดื่มมาถามเขา วินนี่ลากเขาออกมา เธอไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้น
คนคนนั้นไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา เขายังคงรื้อของในถังขยะต่อ เขายกถังขยะราวกับผู้ใหญ่ยกกระโถนปัสสาวะ
รื้อของไปสักพัก ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้อะไร จึงวางถังขยะลงอย่างท้อแท้ ขยะที่ถูกรื้อออกมาก็ถูกเก็บใส่ถังขยะอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเดินบ่นพึมพำอะไรออกมาข้างนอก เขาเดินไปด้วยแล้วก็เอาของออกจากห่อมาป้อนเข้าปากไปด้วย
“ฮาย นายชื่ออะไรเหรอ? ฉันไม่เคยเห็นนายที่เมืองแฟร์เวลมาก่อนเลย” ฉินสือโอวใช้ความกล้าจากเหล้ายืนขวางทางชายร่างใหญ่คนนี้ไว้
วินนี่อยากจะร้องออกมาทั้งที่ไม่มีน้ำตา เธอสาบานเลยว่า จากนี้ไปจะไม่ปล่อยให้ฉินสือโอวเมาเหล้าอีกเด็ดขาด!
ชายร่างสูงใหญ่ไม่ได้พูดอะไร หลังจากโดนฉินสือโอวขวางทางเขาก็เอามือขึ้นมาบีบจมูก คิดจะเดินอ้อมไปอีกด้าน
ฉินสือโอวก็ขวางเขาไว้อีก แล้วหัวเราะเหอะๆออกมา “นายตัวใหญ่ขนาดนี้ ต้องคอแข็งมากแน่ๆ ฉันจะเลี้ยงเหล้านาย เอาให้ไอ้พวกที่อยู่ข้างในกลายเป็นขี้หมาไปเลย!”
เมื่อได้ยินคำนี้ ชายร่างสูงใหญ่ก็หยุดฝีเท้าลง ใช้เสียงในลำคอพูดออกมาว่า “อ้อ จะเลี้ยงฉันเหรอ? เลี้ยงข้าวฉันได้ไหม? กินพิซซ่า? ฉันชอบกินพิซซ่า พิซซ่าอร่อย!”
“เลี้ยงเหล้าต่างหาก!” ฉินสือโอวพูดออกมาเสียงดัง
“ไม่ ฉันอยากกินพิซซ่า ฉันหิวมากเลย เลี้ยงพิซซ่าฉันหน่อยได้ไหม?” ชายร่างใหญ่บ่นอุบอิบๆออกมา
วินนี่ลากฉินสือโอวไว้ แล้วพูดกับเขาว่า “คุณเมาแล้ว ฉันส่งคุณกลับไปนอนดีกว่า”
ฉินสือโอวใช้ฝ่ามือถูหน้าไปมา “ไม่เป็นไร ที่รัก ผมเมาแค่ครึ่งเดียวเอง ผมกำลังหิวอยู่พอดีเลย ผมนี่มันสมควรตาย อ้วกเอาของออกมาหมดเลย ไปกินพิซซ่าด้วยกันเถอะนะ ผมอยากเลี้ยงข้าวยักษ์ใหญ่เพื่อนเราคนนี้สักมื้อ
เมื่อได้ยินคำของเขาชัดเจน มนุษย์ยักษ์คนนั้นก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมา แล้วยกเขาขึ้นมากอดไว้ ดึงลากเขาไว้แล้วพูดว่า “กินพิซซ่า ไปกินพิซซ่า”
เมื่อถูกมนุษย์ยักษ์ลากมาข้างๆ ฉินสือโอวก็รู้สึกเหมือนมีกลิ่นเหมือนลอยเข้ามาปะทะหน้าเขาหมุนตัวเข้าหามุมกำแพง ทำเสียงแหวะแล้วเริ่มอ้วกออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง ครั้งนี้แม้แต่น้ำในถุงน้ำดีก็แทบจะออกมาด้วย
หลังจากอ้วกออกมา ฉินสือโอวก็สร่างเมาขึ้นมาไม่น้อย เมื่อเดินออกมาจากตรอก มนุษย์ยักษ์ก็เดินก้าวเท้ายาวๆไปที่หัวมุมถนน ที่นั่นมีร้านค้าที่ชื่อว่า ‘อาหารของมังกี้’เปิดอยู่
มนุษย์ยักษ์เดินเข้าร้านไปคนแรก เจ้าของร้านค้าปัดมือแล้วพูดว่า “ไม่ ไม่ วิลสัน ไม่มีพิซซ่าให้ต้องจัดการแล้ว นายออกไปเถอะ”
“มีคนจะเลี้ยงพิซซ่าฉัน ฮ่าฮ่า” มนุษย์ยักษ์ลากเสียงแหบเอ่ยออกมา”
ฉินสือโอวที่ถูกวินนี่ประคองอยู่เดินเข้ามาจากข้างหลัง เขาหาที่นั่งแล้วนั่งลงตามอำเภอใจ “ใช่แล้ว เถ้าแก่ ผมจะเลี้ยงพิซซ่าลูกพี่คนนี้ ที่ร้านคุณมีพิซซ่าขายไหม?”
เจ้าของร้านวัยกลางคนส่ายหัวอย่างจนปัญญา “นายคือฉินใช่ไหม? ดีล่ะ ฉันได้ยินมาว่านายเป็นคนกล้าได้กล้าเสียมากๆ กล้าได้กล้าเสียเหมือนกันกับปู่ของนาย แต่ฉันไม่คิดว่าการที่นายเลี้ยงพิซซ่าวิลสันเป็นเรื่องที่ดีงามอะไรหรอกนะ”
ถึงแม้จะพูดอย่างนี้ เจ้าของร้านกลับเอาพิซซ่าออกมาจากตู้รักษาความสดอย่างคล่องแคล่ว เขานำมันเข้าเตาอบเพื่ออุ่นร้อน จากนั้นก็หั่นออกเป็นสี่ส่วนแล้ววางลงบนจาน แล้วจึงยื่นให้กับมนุษย์ยักษ์
ฉินสือโอวกำลังจะหยิบมาหนึ่งชิ้น แต่ปรากฏว่าพอเขายื่นมือออกไป มนุษย์ยักษ์ที่รับเอาพิซซ่ามา ก็ใช้มือขนาดใหญ่เหมือนพัดใบปาล์มหยิบพิซซ่ายัดเข้าไปในปาก
เหมือนกันกับเอฟเฟคในหนัง พิซซ่าหนึ่งในสี่ส่วนของถาดหายเข้าไปในปากของมนุษย์ยักษ์อย่างรวดเร็ว ได้ยินแต่เสียงเคี้ยว ‘จ๊อบแจ๊บจ๊อบแจ๊บ’ จากนั้นก็ตามด้วยชิ้นที่สอง ชิ้นที่สาม และชิ้นสุดท้าย
ฉินสือโอวกลืนน้ำลาย เขามองไปที่วินนี่ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ “นี่ผมเมาใช่ไหม? ผมเห็นไม่ชัดเท่าไรเลย……”
“เจ้าหมอนี่เป็นหมีชัดๆ” วินนี่พูดพึมพำ “พระเจ้า ปากของเขาเชื่อมกันกับเครื่องบดหรือเปล่าเนี่ย? คนเราจะกินแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
เจ้าของร้านพอใจกับปฏิกิริยาของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด เขาหยิบเอาพิซซ่าในร้านทั้งหมดออกมา อบทีละแผ่นแล้วส่งให้มนุษย์ยักษ์ เขารับมาอย่างไม่มีการปฏิเสธ แล้วกินอาหารด้วยความเร็วที่น่าตกใจ แม้แต่ความเร็วในการอบพิซซ่าของเจ้าของร้านก็ยังตามไม่ทัน!
กินติดต่อกันมายี่สิบนาที เมื่อมนุษย์ยักษ์วางถาดพิซซ่าลงในที่สุด เจ้าของร้านก็ผายมือและพูดออกมาว่า “ไม่มีแล้ว วิลสัน ไม่มีพิซซ่าแล้ว นายกินมันหมดแล้ว!”
มนุษย์ยักษ์พูดในลำคอขึ้นมาสองคำ เขาเอามือตบพุงแล้วหมุนตัวเดินออกจากร้านไปอย่างมีความสุข เงาของร่างขนาดมหึมาหายไปในความมืดยามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว
ฉินสือโอวกับวินนี่ยังคงตกตะลึงจนตาค้างอยู่
“ราคาอาหารที่เขากินไปทั้งหมดเท่าไร?” ฉินสือโอวถาม
เจ้าของร้านนำพิซซ่าหน้าแฮมกับข้าวโพดที่อบเสร็จแล้วมาวางไว้ข้างหน้าพวกเขาสองคน “ทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดสิบดอลลาร์ ฉิน พิซซ่าถาดนี้ถือว่าแถมให้พวกนายแล้วกันนะ นายจ่ายให้ฉันแค่ราคาพิซซ่าที่วิลสันกินไปก็พอ”
“หนึ่งร้อยแปดสิบดอลลาร์? เจ้าหมอนั่นกินพิซซ่าหมดไปร้อยแปดสิบดอลลาร์?!” วินนี่ร้องโอดโอยออกมาคำหนึ่ง “พระเจ้า ฉันก็คงจะเมาแล้วเหมือนกันแน่ๆ”
…………………………………………………