ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 640 ดำน้ำลงสู่ก้นทะเลสาบ
เมื่อได้เจอกับบิลลี่ ฉินสือโอวก็รู้สึกดีใจมาก ถึงยังไงนี่ก็เป็นเพื่อนคู่ค้าของเขา แถมยังเคยส่งรถพอร์ช 918 มาให้เขาอีกด้วย
ได้เจอกันครั้งนี้ ฉินสือโอวรู้สึกว่าทั้งหน้าตาและจิตใจของบิลลี่ดูดีขึ้นมาก ผมสีทองสั้นดูปราดเปรียว แก้มสีแดงเปล่งปลั่งมีเลือดฝาดเต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่า แววตาก็เปลี่ยนเป็นว่องไวเฉียบแหลม กล้ามเนื้อบนร่างกายก็แน่นปึ้กจนดูเหมือนภูเขาไฟหนึ่งลูก
“ฉันไม่จำเป็นต้องถามเรื่องความเป็นอยู่ของนายหรอก ช่วงนี้สภาพจิตใจกับร่างกายของนายต้องดีมากๆ อยู่แล้ว” ฉินสือโอวพูดด้วยความพึงพอใจ
บิลลี่ก็ยิ้มแล้วทำท่าเบ่งกล้ามใส่เขา “เรื่องนี้ต้องขอบคุณวินนี่ของนาย ในที่สุดฉันก็ได้แก้ไขตัวเองหลังจากทำผิดไป ไม่กลับไปหลงใหลเหล้ายากับผู้หญิงอีกแล้ว ช่วงนี้ฉันไปๆ มาๆ ระหว่างฟิตเนสกับเรือดำน้ำอยู่ตลอดเวลา เลยรู้สึกว่าสภาพของตัวเองดีขึ้นมากจริงๆ”
ฉินสือโอวเชิญให้เขานั่งลงแล้วถามเขา “แล้วนายหารักแท้เจอหรือยังล่ะ?”
บิลลี่ยักไหล่แล้วตอบเขากลับ “ไม่อะ ยังไม่เจอเลย แต่ฉันไม่รีบหรอก ฉันเชื่อว่าถ้าพระเจ้าอยากให้ฉันเจอรักแท้ ท่านก็จะส่งผู้หญิงคนนั้นมาตรงหน้าฉัน สิ่งที่ฉันต้องทำตอนนี้ก็คือการรอคอยด้วยความอดทน”
“ดีมาก สภาพจิตใจของนายตอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกนับถือนายมากๆ แต่ว่าถ้าพระเจ้าอยากให้นายตัวคนเดียวไปตลอดแล้วนายจะทำยังไงล่ะ?”
“ไม่หรอกน่า พระเจ้าไม่โหดร้ายขนาดนั้นหรอก ฉันศรัทธาในตัวท่านขนาดนั้น ท่านต้องให้ผลลัพธ์ที่ฉันพึงพอใจแน่”
คุยเล่นกันทั่วไปสักพัก ฉินสือโอวก็บอกให้บิลลี่อยู่ทานมื้อเที่ยงอย่างง่ายที่วิลล่า เพราะตอนบ่ายเขาต้องดำน้ำ ดังนั้นจึงดื่มเหล้าไม่ได้
เมื่อทานมื้อเที่ยงไปแล้ว ฉินสือโอวกับบิลลี่ก็มาที่ทะเลสาบเฉินเป่า ดอนเห็นทั้งสองคนเดินมาด้วยกันจึงถามด้วยความตกตะลึง “บังเอิญขนาดนี้เลยเหรอ? บิลลี่บอกว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนก็คือฉินเองน่ะเหรอ?”
“ดูท่าว่าความสัมพันธ์ของนายกับฉินคงไม่ใช่แค่คนรู้จักทั่วๆ ไปหรอกใช่ไหม?” บิลลี่พูดยิ้มๆ ฉินสือโอวไม่ให้เขาเปิดเผยความสัมพันธ์เกี่ยวกับการร่วมมือกันของพวกเขาทั้งคู่ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป
มีความสัมพันธ์กันระดับนี้ เรื่องที่อยู่ต่อจากนั้นก็จัดการได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมแล้ว ดอนเตรียมชุดประดาน้ำไว้ให้ฉินสือโอวแล้วหนึ่งชุด ส่วนปัญหาอื่นๆ ปล่อยให้บิลลี่เป็นคนจัดการก็พอ
พอได้รู้ว่าฉินสือโอวไม่เคยดำน้ำมาก่อน บิลลี่ก็พูดอย่างค่อนข้างประหลาดใจ “นายไม่เคยไปดูสภาพการณ์ในน้ำที่ฟาร์มปลาเลยเหรอ?”
ฉินสือโอวแอบตอบกลับไปว่าฉันน่ะไม่ต้องลงไปในน้ำก็ควบคุมได้ทั่วทุกมุมของฟาร์มปลาแล้ว แน่นอนล่ะว่าคำพูดพวกนี้เป็นเพียงความคิดที่อยู่ในใจ เขาจึงพูดออกไปเพียงว่า “ก็ต้องไม่เคยไปดูอยู่แล้ว ฉันมีชาวประมงเยอะแยะขนาดนั้น ถ้าฉันต้องลงทะเลไปทำงานเอง แล้วฉันจะต้องจ้างพวกเขามาทำไมล่ะ?”
ลองคิดถึงความขี้เกียจของฉินสือโอว บิลลี่ก็พยักหน้าแล้วพูดกับเขา “ก็จริง แบบนี้ถึงจะเป็นลักษณะการใช้ชีวิตของนาย”
เขาแนะนำฉินสือโอวอย่างคร่าวๆ ชุดประดาน้ำน้ำตื้นแบ่งออกเป็นแบบเปียกและแบบแห้ง แบบเปียกจะถูกนำมาใช้ค่อนข้างบ่อย โดยทั่วไปแล้วจะทำมาจากวัสดุโฟมยางสังเคราะห์ มีความหนาอยู่ระหว่าง 3 มิลลิเมตรถึง 10 มิลลิเมตร
ฟังก์ชันสำคัญของชุดประดาน้ำแบบเปียกก็คือการรับประกันว่าน้ำที่หนาวเย็นจะถูกชุดประดาน้ำปิดกั้นเอาไว้ไม่ให้มันซึมเข้ามา โดยจะแยกฟองอากาศของก๊าซเฉื่อยออกไป สามารถป้องกันไม่ให้ความร้อนของร่างกายหายไปได้ ชุดประดาน้ำแบบเปียกที่เหมาะสมกับร่างกายจะสามารถลดการไหลเวียนของน้ำด้านในกับด้านนอกได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
แต่ที่น่านน้ำในพื้นที่หนาวเย็น ชุดประดาน้ำแบบที่ใช้กันค่อนข้างมากจะเป็นชุดประดาน้ำแบบแห้ง ชุดประดาน้ำประเภทนี้มีวัตถุดิบสิ่งทออยู่หลายชนิด ที่ใช้ค่อนข้างบ่อยก็คือโฟมยางสังเคราะห์ ยางสังเคราะห์กับไนลอน
ชุดประดาน้ำที่ดอนเตรียมไว้ให้ฉินสือโอวก็คือชุดประดาน้ำแบบแห้ง มันมีรูปแบบการใช้งานมากกว่าแบบเปียก ด้านบนมีซิปกันน้ำแบบพิเศษกับอุปกรณ์ชิ้นอื่นๆ อย่างเช่นอุปกรณ์เติมอากาศและระบายอากาศของชุดประดาน้ำแบบแห้ง
เนื่องจากชุดประดาน้ำแบบแห้งจำเป็นต้องมีการเติมและระบายอากาศ ดังนั้นขณะสวมใส่จึงต้องผ่านการฝึกอบรมเป็นพิเศษ นี่ก็คือสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ดอนไม่ยอมให้ฉินสือโอวลงน้ำ ใต้น้ำไม่เหมือนกับบนบก ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แค่ไม่กี่วินาทีก็ทำให้คนตายได้แล้ว!
สำหรับปรมาจารย์ด้านการดำน้ำอย่างบิลลี่แล้ว เขารู้สึกว่ามันไม่ได้มีความเข้มงวดขนาดนั้น แต่ก็มีบางเรื่องที่ต้องพูดให้ชัดเจน “ถ้านายอยากลงไปในน้ำ นายก็ต้องฟังฉัน ฟังฉันทั้งหมด ดูท่าทางมือของฉันเพื่อการปฏิบัติการ”
ฉินสือโอวพยักหน้าเพื่อบอกว่าเขาจะเชื่อฟังอย่างดี
เมื่อเห็นแบบนี้บิลลี่ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขาพูดต่อ “ฉันสอนนายใช้ระบบเติมอากาศกับระบายอากาศของชุดประดาน้ำเป็นอย่างแรกแล้วกัน นายดูนะ เพราะอากาศจะต้องถูกเติมและปล่อยออกมาจากชุดประดาน้ำแบบแห้งเพื่อรักษาภาวะเป็นกลางและความสมดุล ดังนั้นกลางชุดประดาน้ำจึงมีสายท่อจากพอร์ตเชื่อมต่อความดันปานกลางในระดับแรกที่เชื่อมต่อกับวาล์วเติมก๊าซ”
ดอนลองทดสอบอุณหภูมิน้ำ อุณหภูมิของชั้นผิวน้ำของทะเลสาบเฉินเป่าในช่วงต้นฤดูร้อนอยู่ที่สิบกว่าองศา อุณหภูมิแบบนี้สำหรับนักประดาน้ำแล้วถือว่าค่อนข้างเหมาะสม ดังนั้นเขาจังเริ่มมีความมั่นใจที่จะให้ฉินสือโอวลงน้ำขึ้นมาบ้างแล้ว
บิลลี่อธิบายให้ฉินสือโอวฟังเล็กน้อย หน้าที่หลักของชุดดำน้ำคือการรักษาอุณหภูมิของร่างกาย ดังนั้นถ้าอุณหภูมิของน้ำสูงกว่า 20 องศาก็ไม่จำเป็นต้องใส่แล้ว อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาให้สวมชุดประดาน้ำแบบเปียก และถ้าอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาลงไปก็ต้องสวมชุดประดาน้ำแบบแห้ง
หลังจากอธิบายอย่างชัดเจนแล้ว บิลลี่ก็ช่วยฉินสือโอวสวมชุดประดาน้ำสีเทาฟ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็ขึ้นไปบนเรือเพื่อเตรียมตัวลงน้ำ ตัวเขาเองก็สวมชุดประดาน้ำสีเงินสว่างตามมาทีหลัง ดูแล้วเขาช่างเข้มแข็งทรงพลังหาใดเปรียบจริงๆ ตอนนี้เขาเหมือนมังกรขาวขนสีเงินไม่มีผิด
ฉินสือโอวเบะปากใส่แล้วพูดขึ้นมา “นายนี่ไม่เคยลืมที่จะเก๊กหล่ออยู่ตลอดเวลาเลยจริงๆ ถึงฉันจะไม่ใช่นักดำน้ำมือฉมัง แต่ฉันก็รู้ว่าพออยู่ใต้น้ำต้องพยายามพรางตัวให้ได้มากที่สุด นายสวมชุดประดาน้ำสีสันฉูดฉาดแบบนี้ นายตั้งใจจะไปกระตุ้นสิ่งมีชีวิตใต้น้ำหรือยังไง?”
บิลลี่พูดกับเขายิ้มๆ “ที่นายเข้าใจเป็นแค่แนวความคิดเท่านั้น สำหรับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ตอนอยู่ในน้ำยิ่งเห็นได้ชัดเท่าไรก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่แบบพวกเรา สวมชุดประดาน้ำสีสว่างจะปลอดภัยยิ่งกว่า แบบนี้จะสามารถเตือนสัตว์ที่คิดจะทำอันตรายเราได้ ทำให้พวกมันสังเกตเห็นความแตกต่างของพละกำลังระหว่างเรากับพวกมัน ให้พวกมันรีบไสหัวไปตั้งแต่เนิ่นๆ ”
พอพูดจบบิลลี่ก็สวมหน้ากากออกซิเจนเข้าไป หลังจากสวมใส่แล้วก็หงายหลังจากบนเรือลงไปในน้ำ
ท่อทางเดินอากาศเส้นยาวๆ หนึ่งเส้นก็ขยายจากบนเรือตามลงไปในน้ำไปด้วย ปลายด้านหนึ่งของท่อทางเดินอากาศเชื่อมต่อกับหน้ากากออกซิเจน ส่วนปลายท่ออีกด้านก็เชื่อมอยู่กับเครื่องผลิตก๊าซออกซิเจนที่อยู่บนหัวเรือเพื่อปล่อยก๊าซออกซิเจนให้พวกเขาได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ขาดสายและเพื่อลดความกดดันของนักประดาน้ำอย่างสุดความสามารถ
ฉินสือโอวสูดออกซิเจนเข้าไปลึกๆ แล้วกักเก็บมันไว้ในปอดตามที่บิลลี่สอน ต่อจากนั้นก็หงายหลังลงไปเสียงดัง ‘จ๋อม’ เขาร่วงลงไปในน้ำทันที
เมื่อมีชุดประดาน้ำขวางกั้นอยู่ ฉินสือโอวจึงไม่ได้สัมผัสถึงความเย็นสบายของน้ำในทะเลสาบ หัวของเขาทิ่มลงไปในน้ำ ปลายเท้าของเขาชี้ไปด้านบน เขาดำน้ำลงมาลึกหลายเมตรก่อน ต่อจากนั้นเท้าทั้งสองข้างก็สะบัดด้วยความรวดเร็ว เขาใช้แผ่นตีนเป็ดสร้างแรงขับเคลื่อนดำน้ำตามบิลลี่ลงไปยังบริเวณที่ลึกยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวคาดคะเนว่าระดับความลึกของแอ่งหลุมใต้น้ำแห่งนี้น่าจะอยู่ที่ยี่สิบสามสิบเมตร แต่ในความเป็นจริงเขาคิดตามอำเภอใจมากเกินไป ดูจากอุปกรณ์วัดแรงดันที่ติดอยู่กับชุดประดาน้ำ ตอนที่พวกเขาเข้าใกล้ก้นทะเลสาบ ระดับความลึกของน้ำก็เกินกว่า 50 เมตรไปแล้ว!
หกสิบเมตรคือขีดจำกัดสูงสุดของชุดประดาน้ำขั้นต้นแบบนี้ พวกเขาเดินอยู่บนจุดที่จะถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว
ช่วงนี้บนผืนน้ำบริเวณนี้มีเรือผ่านไปผ่านมาเป็นจำนวนมาก มีทั้งคนดำน้ำ มีทั้งอุปกรณ์ลงมาตรวจสอบ ดังนั้นบริเวณรอบๆ จึงไม่มีปลาเลยสักตัว ปลาทั้งหมดถูกทำให้ตกใจจนหนีหายไปหมดแล้ว
ถึงจะเป็นแบบนี้ ฉินสือโอวก็ยังรู้สึกว่าน่าสนใจมากๆ อยู่ดี
เขาเปิดไฟที่สวมไว้บนหัว ลำแสงส่องสว่างสาดไปที่ก้นทะเลสาบมืดสลัว บิลลี่ว่ายน้ำข้ามมาจากข้างหลัง จากนั้นก็ทำท่าทางมือเพื่อถามว่าเขาเป็นยังไงบ้าง
ขณะที่กำลังดำน้ำ อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่ความกดของน้ำกับอุณหภูมิของน้ำที่หนาวเหน็บ แต่เป็นสภาพจิตใจ ลำแสงใต้น้ำเบาบางมาก รอบด้านมีแต่น้ำหนาวเย็นที่เลือนรางไม่ชัดเจน มันอาจจะสร้างความกดดันในจิตใจได้อย่างมหาศาลและทำให้รู้สึกถึงความรู้สึกหมดหนทาง ความโดดเดี่ยวและความหวาดกลัว นี่ต่างหากที่จะทำร้ายนักประดาน้ำได้มากที่สุด
ฉินสือโอวคุ้นชินกับเรื่องนี้ที่สุด เพราะเขามีหัวใจโพไซดอน เขาจึงไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวและโดดเดี่ยวเวลาอยู่ในน้ำ เขาก็เป็นเหมือนราชาแห่งโลกใต้น้ำนั่นแหละ นี่คืออาณาเขตของเขา ในอาณาเขตของตัวเอง ทำไมเขาจะต้องรู้สึกโดดเดี่ยวและหวาดกลัวด้วยล่ะ?
…………………………………………….