ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 659 รวมตัวกันอดอาหาร
ฉินสือโอวก็มึนงงเหมือนกัน เมื่อก่อนเขาเอาปลาคาพีลินป้อนให้เจ้าเต่า เจ้านี่ก็กินอย่างมีความสุขดีนี่นา ครั้งนี้ดูแล้วก็น่าจะหิวมากด้วย แต่ทำไมถึงไม่กินอะไรเลย?
เขาโยนปลาคาพีลินให้มันกินอีกด้วยความสงสัย
ครั้งนี้เจ้าเต่ายื่นคอออกมารับอย่างรวดเร็วและงับเจ้าปลาน้อยไว้ในปาก หลังจากนั้นก็อ้าปากกลืนกินปลาคาพีลินตัวอวบอ้วนลงไปในท้อง…
เสียงหัวเราะของวิลหยุดลงทันใด เขายักไหล่แล้วพูดขึ้น “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเต่าอัลลิเกเตอร์ที่เลือกกินขนาดนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะกินแค่ปลาคาพีลิน น่าแปลกจริงๆ”
ฉินสือโอวกลับเข้าใจได้ในทันทีว่าเจ้าเต่านี่ไม่ใช่จะกินแค่ปลาคาพีลิน แต่อยากกินอาหารที่มีส่วนผสมของพลังโพไซดอน!
พอเป็นแบบนี้เขาก็เข้าใจเช่นกันว่าทำไมเจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์ถึงดีกับเขาแค่คนเดียว และยังคืบคลานอย่างไม่รู้จักเหน็ดไม่รู้จักเหนื่อยจากปากแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเลมาถึงวิลล่า มันน่าจะรู้สึกได้ถึงพลังโพไซดอนที่อยู่ในตัวของฉินสือโอว ดังนั้นมันจึงตามพลังโพไซดอนมา!
ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งผ่านประสบการณ์อะไรมามาก เจ้าเต่าตัวนี้ถือว่าไม่ได้อยู่เสียเวลาเปล่ามาหลายปี เพราะความรู้สึกของมันช่างแยบคายนัก เพราะฉินสือโอวยังไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตไหนที่สามารถรู้สึกถึงพลังโพไซดอนที่อยู่บนตัวเขาได้เลย
แต่เขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าพลังโพไซดอนจริงๆ แล้วจะมีแรงดึงดูดต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลมากที่สุด นอกจากเต่าแล้วยังไม่มีสิ่งมีชีวิตในทะเลอะไรที่สามารถปีนขึ้นฝั่งได้อีก? แต่ตอนที่เขาลงไปในน้ำทะเล ก็ไม่ได้เข้าไปใกล้ฉลามหรือวาฬแปลกหน้า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งมีชีวิตพวกนั้นไม่ได้รู้สึกถึงพลัง?
ปลาคาพีลินที่ฉินสือโอวเตรียมมาถูกเอาไปป้อนให้เจ้าเต่าจนหมด เจ้าเต่าช่างกินจุจริงๆ พอยังกินไม่อิ่มก็ใช้สายตาสื่อเป็นนัย เขาจึงเข้าไปในตู้น้ำแข็งแล้วหยิบปลาแฮร์ริ่งออกมาจำนวนหนึ่ง ปลาพวกนี้ก็มีพลังโพไซดอนอยู่ หลังจากที่โยนให้มันกิน มันก็ไม่ได้เลือกกินจริงๆ ด้วย เพราะมันกินหมดเกลี้ยงอย่างมีความสุขเลยล่ะ
วิลลูบไปที่จมูกของตัวเองโดยไม่รู้จะพูดอะไรดี เขารู้สึกว่าเจ้าเต่านี้มันแปลกๆ
พอป้อนเจ้าเต่าจนอิ่ม ฉินสือโอวก็พามันไปที่ชายหาดให้มันลงน้ำ แล้วก็คิดว่าจะถ่ายพลังโพไซดอนให้มันสักหน่อย
เจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์ตัวนี้สามารถรู้สึกถึงพลังโพไซดอนที่อยู่ในตัวเขาได้จริงดั่งคาด ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลกมาก เขาคงต้องเก็บมันไว้ทำวิจัย
เต่าอัลลิเกเตอร์เป็นสิ่งมีชีวิตน้ำจืด จึงมีความต่อต้านน้ำทะเลตามสัญชาตญาณ แต่ฉินสือโอวผลักมันไปสองที มันเลยหดหัวก่อนทำส่วนหัวให้แข็งแล้วมุดลงไปในน้ำ
ฉินสือโอวเตรียมปล่อยพลังโพไซดอน พอเจอเจ้าเต่าก็ป้อนพลังโพไซดอนเข้าไปในร่างกายของมันทันที
เต่าอัลลิเกเตอร์แสดงถึงความตื่นเต้นสุดขีดเมื่ออยู่ในน้ำ และยังมีอารมณ์ขอบคุณด้วย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฉินสือโอวแปลกใจ เพราะปลาประเภทอื่นๆ เวลาได้รับพลังโพไซดอนก็จะรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน แต่พวกมันจะไม่รู้สึกขอบคุณ อีกอย่างพอรอจนเขาป้อนพลังงานให้เสร็จ เขายังรู้สึกได้ถึงความจงรักภักดีและยินยอมที่เจ้าเต่ามีให้เขาอีกด้วย
ฉินสือโอวกลับไปที่เก้าอี้นอน ส่วนเจ้าเต่าก็มุดออกมาจากน้ำแล้วรีบคลานตามเขาไปอยู่ข้างเก้าอี้ราวกับเป็นผู้คุ้มกันที่เก่งฉกาจและเต็มไปด้วยความภักดี
พอหู่จือและเป้าจือเข้าใกล้ เต่าอัลลิเกเตอร์ก็รีบเงยหัวมองไปที่พวกมันอย่างไม่ค่อยจะพอใจ ปากของมันอ้ากว้างเผยให้เห็นฟันแหลมคม จะขาดไปก็เพียงประโยคเดียว ‘คนแปลกหน้าห้ามเข้าใกล้’
พอเป็นแบบนี้หู่จือและเป้าจือก็รู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไอ้บ้านี่เป็นอะไร พวกข้าต่างหากที่เป็นลูกชายของพ่อฉิน โอเคไหม? ไอ้ตัวแปลกที่มาจากที่อื่นหลบไปที่อื่นเลยไป
ทันใดนั้นทั้งสองฝั่งก็เริ่มเกิดความขัดแย้ง หู่จือและเป้าจือขู่ฟ่อไม่หยุด ส่วนเจ้าเต่าก็มองไปที่สองตัวนั้นอย่างเย็นชาและสงบนิ่ง สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์ยอดฝีมือ ในเวลานี้มันเหมือนมีความภาคภูมิใจ มีความเป็นปรมาจารย์แบบ ‘เขาแข็งแกร่ง เขาแข็งแกร่ง แม่งเว้ย’
ฉินสือโอวทำได้แค่ปลอบโยนทั้งสองฝ่าย ไม่ให้พวกมันเกิดความขัดแย้งกันอีก วิลเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงจับไปที่มือตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บแล้ววิ่งหายไป เขาเห็นทั้งหู่จือ เป้าจือและเต่าอัลลิเกเตอร์ที่ดูเหมือนจะทำสงครามหนักกันก็ไม่อยากให้เลือดมาเปื้อนถูกตัวเขาแล้ว
การปลอบโยนที่ไม่ได้ช่วยทั้งสองฝั่งของฉินสือโอวทำร้ายความรู้สึกของหู่จือและเป้าจือ ใครที่เป็นลูกชายแท้ๆ กันแน่ ใครที่เป็นลูกรักกัน?
พวกมันสองตัวร้องโหยหวน เป็นเสียงร้องที่อ้างว้าง ร้องไปได้สักพักก็วิ่งจากไปอย่างว้าวุ่น วิ่งไปก็หันไปมองฉินสือโอวไป ราวกับเป็นคนเร่ร่อนที่โดนพ่อแม่ขับไล่ออกจากบ้าน
ฉินสือโอวหัวใจแตกสลาย บ้าเอ๊ย พวกแกอย่าใจเปราะบางแบบนี้ได้ไหม? เขาทำได้แค่ตามหู่จือและเป้าจือไป พอตามไปถึงตัวพวกมันก็พูดโน้มน้าวกับพวกมันอยู่สักพัก หู่จือและเป้าจือถึงค่อยเริ่มกระดิกหางให้ความสนิทใกล้ชิดอีกครั้ง
พอปลอบหู่จือและเป้าจือเสร็จ ฉินสือโอวก็ไปดูเจ้าเต่าต่อ ในเมื่อคิดว่าจะเก็บมันไว้ ก็คงต้องตั้งชื่อให้ ดูจากลักษณะท่าทางที่มีสง่าราศีของมัน ฉินสือโอวก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย “แกชื่อมาสเตอร์แล้วกัน”
เจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์หันหัวไปมองเขาอย่างช้าๆ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ มันยังคงแสดงท่าทางอวดเก่งเย็นชาที่ดูอ้างว้างเหมือนเดิม
หลังจากที่วินนี่กลับมา ฉินสือโอวก็แนะนำให้วินนี่รู้ว่าหลังจากนี้ไปเจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์จะอยู่ที่บ้านเรา และมันมีชื่อว่ามาสเตอร์
วินนี่ลองเอามือไปลูบหัวมาสเตอร์ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมื่อก่อนเธอเคยรับผิดชอบให้อาหารมาสเตอร์หรือเปล่า หรือเพราะการซึมซับพลังงานโพไซดอนเข้าไปทำให้มันฉลาดขึ้นมา มันถึงไม่ได้งับแขนของวินนี่อย่างที่ทำกับวิล
แต่มันก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับท่าทางของวินนี่ และยังคงแน่นิ่งนอนราบอยู่ตรงนั้น
ขณะที่ลูบหัวมาสเตอร์ไป วินนี่ก็คิดที่จะเอามันเข้าไปในบ้าน แต่มันกลับต่อต้านวิลล่ามาก มันส่ายหัวแล้วก้าวถอยหลัง จะเป็นจะตายอย่างไรก็ไม่ยอมเข้าไปในวิลล่า ดวงตาเล็กๆ สองดวงที่เหมือนกับเมล็ดถั่วดำจ้องไปที่ประตูใหญ่ ราวกับว่ามันเป็นปากปีศาจที่จะจับเต่ากินเป็นอาหารอย่างไรอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เอามาสเตอร์เข้าไปในบ้าน แต่หู่จือ เป้าจือ ฉงต้า หลัวปอ บุชรวมไปถึงนิมิตส์ ต่างก็ไม่พึงพอใจ เจ้านี่มันเป็นใคร มาถึงถิ่นของเรา แย่งกิน แย่งดื่ม แบ่งปันความรักไป แล้วยังทำเป็นอวดดีอีก?
ทนไม่ได้แล้วโว้ย!
โดยเฉพาะตอนที่วินนี่ไม่รู้ว่าตอนกลางวันฉินสือโอวป้อนอาหารให้มาสเตอร์เรียบร้อยแล้ว ก่อนมื้อเย็นเธอจึงเอาปลาจำนวนหนึ่งไปป้อนให้มาสเตอร์กินอีก
คราวนี้หัวใจอันเปราะบางของเจ้าตัวเล็กทั้งหลายต่างเหมือนโดนทำร้าย หากไปแตะถูกสักหน่อยคงแตกดังเปรี๊ยะร้าวเป็นเสี่ยงๆ
หลัวปอเริ่มทนไม่ได้ก่อนเพื่อน มันต่างหากที่เป็นลูกรักของหม่ามี๊วินนี่ โอเคไหม? ทุกครั้งหม่ามี๊จะป้อนอาหารให้มันก่อนโอเคไหม? มันร้องเห่าหอนแล้วโผเข้าหาวินนี่ก่อนยื่นเอาอุ้งเท้าของมันเกาะขาวินนี่ไว้พร้อมส่งเสียงร้องไม่หยุด
หู่จือ เป้าจือจ้องไปที่มาสเตอร์อย่างโกรธแค้น นี่คือศัตรู ศัตรูทางชนชั้น!
ฉงต้ายิ่งโมโหใหญ่ ปลาในถังนั่นเป็นของมันทั้งหมด ไอ้เจ้านี่ดันมาแย่งของกินของมันไป! ไม่ได้ ทำแบบนี้ไม่ได้ เมื่อก่อนไม่มีใครกล้าแย่งปลาไปจากมัน นิสัยแย่ๆ แบบนี้จะให้หม่ามี๊วินนี่ฝึกจนเป็นนิสัยไม่ได้ ปลาต้องให้ฉงต้ากินเท่านั้น!
ดังนั้นพวกมันจึงเริ่มจับมือร่วมกันต่อต้าน ตอนมื้อเย็นพวกมันทุกตัวต่างแย่งกันไปนั่งอยู่ที่มุมห้อง ต่างจากเมื่อก่อนที่จะรีบเข้าไปแย่งอาหารกัน
ฉินสือโอวกดสั่งจองบ้านกระท่อมเครื่องดื่มแช่เย็นในอินเทอร์เน็ต เนื้อที่โดยประมาณเท่ากับสี่สิบกว่าตารางเมตร รูปร่างของบ้านให้ความรู้สึกอบอุ่น คนรับผิดชอบที่ร้านจะนำส่งวัสดุอุปกรณ์มาให้ที่หมู่บ้าน
อย่าดูเพียงแค่ว่าบ้านแบบนี้มีเนื้อที่ไม่ใหญ่ แต่ราคาของมันกลับไม่ถูกเลย บ้านเล็กขนาดนี้กลับมีราคาถึง 48,000 ดอลลาร์แคนาดา ราคาเทียบได้กับรถคันเล็กๆ หนึ่งคันเลยทีเดียว
ตอนที่ลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมจะกินข้าว เมื่อฉินสือโอวเห็นพวกตัวเล็กนั่งหดหัวอยู่ตรงมุมห้องก็ยิ้มออกมา “ที่รัก วันนี้เริ่มข้าวเร็วจริงๆ นะ พวกเด็กๆ แป๊บเดียวก็กินอิ่มกันหมดแล้วเหรอ?”
วินนี่ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวพูดอย่างประหลาดใจ “ไม่นะคะ เรายังเริ่มกินเวลาเดิมนะ ต้องสร้างนิสัยการกินอาหารให้เป็นเวลากับพวกเด็กๆ ไม่งั้นพวกเขาจะไม่แข็งแรง”
แต่พอถึงเวลาอาหาร วินนี่ยกอาหารออกมา เจ้าพวกนั้นก็ยังคงไม่ขยับและมองไปที่วินนี่ด้วยสายตาเย็นชา
วินนี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงยกชามข้าวไปวางไว้ที่ด้านหน้าพวกมัน ปรากฏว่าฉงต้าปัดชามข้าวอย่างเย่อหยิ่ง ไส้กรอกขนาดเล็ก ไข่เจียวกึ่งสุก สเต๊กเนื้อ แล้วยังมีผักและผลไม้หกกระจายไปทั่วพื้นห้อง…
……………………………………….