ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 669 ฉงต้าเสียใจ
วินนี่ปลุกความกล้าหาญของตัวหลายต่อหลายครั้ง แต่ท้ายสุดแล้วก็ยังมีมีปัญญาจัดการกับเจ้าสิ่งนี้ จึงส่งต่อให้กับฉินสือโอว โดยบอกว่าเธอไม่เคยกินจึงไม่รู้จะทำอย่างไร
ซึ่งมันก็จริง คนแคนาดาไม่ค่อยจะกินหอยงวงช้าง สิ่งนี้มีอยู่ในรัฐ BC มานานนับพันปี มันถูกค้นพบโดยผู้อพยพชาวฮ่องกงที่อพยพไปยังแวนคูเวอร์ในช่วงต้นปี 1970
คนจีนชอบกินหอยงวงช้างมาก ไม่ใช่แค่รสชาติของมันที่อร่อย แต่เพราะวัฒนธรรมของคนจีนมีคำพูดที่ว่า ‘บำรุงแต่ละส่วนด้วยรูปร่างเช่นเดียวกันกับตัวอาหาร’ ซึ่งก็คือ ‘กินอะไรก็บำรุงอย่างนั้น’ ดังนั้นกินหอยงวงช้างแล้วบำรุงอะไร ช่วยไปหาอินเทอร์เน็ตดูรูปก็จะรู้
ในเวลานั้นผู้อพยพชาวฮ่องกงซื้อหอยงวงช้างจากชาวประมงท้องถิ่นในราคาต่ำ แล้วขายให้ฮ่องกงในราคาที่สูง ด้วยเหตุนี้ที่แคนาดา หอยงวงช้างจึงค่อยๆ ได้รับความนิยมขึ้นมา ต่อมาภายหลังก็เข้ามาทางตอนใต้ของจีนและบริเวณอื่นๆ ของประเทศจีนผ่านทางฮ่องกง และกลายเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งอย่างช้าๆ
ฉินสือโอวก็จัดการกับหอยงวงช้างไม่เป็น เขารู้ว่าหอยที่อยู่ใต้ทะเลสามารถเอามาทำอาหารกินได้ ดังนั้นจึงเอาใส่หม้อแล้วทำกินสักสองสามตัวชิมรสชาติดู
อาหารทะเลนึ่งแป๊บเดียวก็สุก หอยงวงช้างก็สดมาก พอเปิดฝาหม้อออกก็มีกลิ่นหอมฟุ้งลอยเข้าไปในจมูกของฉินสือโอว แต่พอมองเข้าไป เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่กล้าพอที่จะกินสิ่งนี้!
ฉงต้าได้กลิ่นหอมมันก็รีบวิ่งเบียดเข้ามา ฉินสือโอวที่กำลังปวดหัวอยู่ว่าจะจัดการกับหอยงวงช้างนี้ยังไง พอเห็นมันเบียดเข้ามาอย่างยินดี จึงยกลงมาให้มันให้มันกินน่ะดีแล้ว
ฉงต้าก้มลงไปมองในหม้อด้วยดวงตาสีดำเล็กๆ ของมัน หลังจากนั้นมันก็นิ่งตะลึงงันไป นั่งลงบนพื้นด้วยขาของมันแล้วพึมพำแล้วก้มหัวลงมองไปที่ส่วนขนพองของมัน
ฉินสือโอวทำเป็นล้อเล่น แล้วยื่นมือออกไปทำเหมือนล้วงออกจากเป้าของฉงต้าตรงนั้นแล้ววางลงไปในหม้อพร้อมพูดว่า “นายไม่ได้ชอบหรอกเหรอ? กินกินกินสิ! พ่อของเจ้าหั่นเอาน้องชายน้อยของเรามาทำอาหารกิน รู้ไหม?”
ฉงต้าจ้องมองไปที่ระหว่างขาของมันแล้วก็มองไปในหม้อที่มีควันออกมาร้อนๆ ด้วยสายตาว่างเปล่า ทันใดนั้นมันก็เริ่มร้องโหยหวนอย่างเศร้าใจ
วินนี่รีบเดินเข้ามา ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ ใครที่รังแกฉงต้าของพวกเรากัน?”
พอเห็นวินนี่ ฉงต้าก็รีบลุกขึ้นมา วิ่งไปก็อ้าขาไป นั่งลงไปกองบนพื้นแล้วขาใหญ่ของมันก็โอบวินนี่ไว้พร้อมร้องโหยหวนต่อ สายตาจ้องไปที่หม้อ
วินนี่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินสือโอวที่กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่เลยเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด วินนี่โมโหขึ้นมาทันที เอามือตีไปที่ไหล่ของเขา แล้วก็ด่าไปหนึ่งที ‘สารเลว’ หลังจากนั้นก็ลากฉงต้าไปปลอบประโลม
“พ่อนิสัยไม่ดีของนายเขาโกหกรู้ไหม นั่นไม่ใช่ ไม่ใช่ของนายนะ ไม่ได้เอาของของนายมาทำอาหาร ของนาย ของนายอันนั้น… พระเจ้า ฉงต้าน้องชายนายอยู่ที่ไหน? ไปไหนแล้ว?”
“เอ๋ง! เอ๋ง! เอ๋ง!” ฉงต้ากรีดร้องอย่างโศกเศร้า
นีลเซ็นเดินเข้ามาด้วยความฉงน พอเห็นวินนี่ที่ดูร้อนรนและฉงต้าที่ดูหมดอาลัยตายอยากจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น
วินนี่ไม่รู้จะพูดอย่างไร พูดอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่สองสามคำ แล้วก็ลากนีลเซ็นอย่างกลัวๆ ให้ดูที่ลับของฉงต้า ตรงนั้นเหมือนกับว่าไม่มีอะไรอยู่
นีลเซ็นเข้าใจขึ้นมาทันที เขาลูบคลำไปทีหนึ่งแล้วก็หัวเราะออกมา “ฉงต้าโตเป็นหนุ่มแล้วแน่ๆ ช่วงนี้น่าจะเคยปลดปล่อย หมีน้ำตาลจะไม่เหมือนกับมนุษย์เรา เพียงแค่เคยปลดปล่อยไปหนึ่งครั้ง ไข่ของพวกมันจากที่ใหญ่มากจะฝ่อลงไป ดังนั้นถ้าไม่มองให้ดีๆ ก็จะมองไม่เห็น…”
วินนี่เข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นมาทันที หลังจากนั้นก็ถลึงตาไปที่เขาทีหนึ่ง “คนเลว!” พอพูดจบก็พาฉงต้าที่โศกเศร้าเดินออกไป
นีลเซ็นงงเป็นไก่ตาแตก เขามองที่ฉินสือโอวด้วยความคับข้องใจ “บอส ผมอธิบายจากมุมมองของนักวิชาการนะ”
ฉินสือโอวเรียกเขาเข้ามา “นายจัดการไอ้ของเล่นนี้ได้ไหม?”
นีลเซ็นตอบไปตามธรรมชาติว่า “ได้สิครับ ง่ายจะตาย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ทำอาหารเลิศรสให้ฉันกินหน่อย”
หลังจากที่พูดประโยคนี้ทิ้งไว้ ฉินสือโอวล้างมือให้สะอาดแล้วก็เดินจากไปด้วยสีหน้ารังเกียจ
นีลเซ็นไม่สบายใจ ตะโกนเรียกเขาตามหลังไป “บอส คุณไม่เรียนรู้ไว้หน่อยเหรอครับ? กินอะไรก็บำรุงแบบนั้น! กินอะไรก็บำรุงแบบนั้นนะครับ!”
ฉินสือโอวหันหลังเดินกลับมาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยังไม่มีลูก จำเป็นต้องบำรุงสักหน่อย
การทำหอยงวงช้างก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร นีลเซ็นใช้มีดเล็กเสียบลงไปตรงส่วนด้านล่างของท่อที่อยู่ระหว่างเปลือกหอยและตัวหอย ค่อยๆ แงะรอบๆ เปลือกให้ตัวหอยแยกออกมา เผยให้เห็นท้องหอยที่เป็นสีดำเทารูปวงรี
“ข้างในนี้เป็นสิ่งสกปรกหมด ต้องทิ้งครับ” นีลเซ็นด้านหนึ่งก็จัดการสิ่งตรงหน้าอีกด้านหนึ่งก็อธิบายให้ฉินสือโอวฟัง
พอโยนท้องหอยทิ้งไป นีลเซ็นก็เอาส่วนท่อไปต้มในน้ำเดือด พอเป็นแบบนี้ส่วนผิวท่อที่เหมือนจมูกช้างด้านนอกก็จะพองย่นแล้วค่อยๆ คลายออกมา เขาเขย่าเบาๆ แล้วก็ฉีกเปลือกสีเหลืองส้มด้านนอกออกมา เผยให้เห็นเนื้อหอยที่นิ่มและลื่นอยู่ด้านใน
เขย่าเปลือกสีเหลืองส้มที่อยู่ในมือไปมา นีลเซ็นยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “บอส คุณน่าจะไม่รู้แน่เลยว่า ในยุคกลางฝรั่งเศสไม่มีวิธีคุมกำเนิด นักบวชในอารามจึงคิดค้นวิธีที่จะหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์แล้วเกิดสิ่งมีชีวิตที่สวยงามขึ้นมากับแม่ชี เลยคิดพบวิธีโดยใช้ไอ้ของเล่นนี้เป็นเหมือนถุงยางอนามัย”
ฉินสือโอวฝืนยิ้ม “เพื่อนผอง ฉันยังอยากกินอาหารมื้อเย็นอยู่ ถ้ามื้อเย็นฉันกินอย่างไม่สบายใจแล้วล่ะก็ ฉันสาบานกับพระเจ้าได้เลยว่า เดือนนี้นายอย่าหวังว่าจะได้โบนัส!”
นีลเซ็นรีบหุบปากทันที ตั้งใจจัดการกับหอยงวงช้างนี่
จริงๆ แล้วต่อให้นีลเซ็นไม่พูด ฉินสือโอวก็พอรู้ข่าวลือของเปลือกสีพีชนี้
ถ้าหากถามว่ายุโรปในสมัยกลางที่ไหนสำส่อนมากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นวัดวาอารามที่รับใช้พระเจ้า เพราะตอนนั้นวัดวาอารามก็ยังเป็นเหมือนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วย แล้วเด็กกำพร้าพวกนั้นมาจากไหนกันเล่า แค่มองดูแม่ชีที่มีหน้าอกใหญ่โต และพระสงฆ์กับนักบวชที่ไตอ่อนแอก็รู้แล้ว
นอกจากเปลือกของหอยงวงช้างแล้ว ตอนนั้นพวกนักบวชยังหาวิธีต่างๆ นานาคิดค้นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ลำไส้ของลูกแกะ กระเพาะปัสสาวะของปลา ถ้ามีเงินหน่อยก็ใช้ส่วนผิวด้านนอกที่เหนียวของกระเพาะปัสสาวะหมู สรุปคือ เพื่อที่จะได้สัมผัสเนื้อแนบเนื้อกับพวกแม่ชี นักบวชก็ยอมลงทุนไม่น้อย
หลังจากเอาเปลือกออก หอยงวงช้างก็สวยขึ้นมาเยอะมาก นีลเซ็นตัดมันออก ส่วนบนจะแข็งหน่อยสามารถเอามาต้มทำน้ำแกงหรือผัดเป็นอาหารได้ ส่วนล่างจะนุ่มกว่าสามารถเอาไปแช่เย็นแล้วทานดิบๆ คู่กับเครื่องปรุงรสได้
ฉินสือโอวเรียนรู้ว่าจะจัดการกับสิ่งนี้อย่างไรอย่างมีความสุข เขาพร้อมจะแสดงฝีมือ แต่ปรากฏว่าโหวจื่อเซวียนโทรมาหาเขา ถามเขาว่าว่างหรือเปล่า ตอนนี้เขาไปหาสะดวกไหม
พอเห็นหอยงวงช้างพวกนี้ ฉินสือโอวก็นึกสนุกขึ้นมา จึงบอกไปว่าสะดวกมากินข้าวเย็นด้วยกัน
โหวจื่อเซวียนฟังเขาดูกระตือรือร้นขนาดนี้ จึงรู้สึกเกรงใจ บอกว่า “มื้อเย็นไม่เป็นไรหรอก พวกเราจัดการเองได้”
“พวกเรา?”
“ใช่ ผมมีเพื่อนอีกสองคน เป็นเพื่อนชาติเดียวกัน แล้วก็ค่อนข้างสนิทด้วย”
ฉินสือโอวยิ่งกระตือรือร้นเข้าไปใหญ่ “ถ้าอย่างนั้นรีบมาเถอะ ฉันไม่ได้คุยกับเพื่อนบ้านเดียวกันมานานมากแล้ว พาพวกเขามาด้วยเลย”
ผ่านไปสักพัก โหวจื่อเซวียนก็ขับรถกระบะของเจ้านายซาโกรมาที่ฟาร์มปลา คนที่ลงรถมาพร้อมกับเขายังมีชายหนุ่มหนึ่งและหญิงสาวอีกหนึ่ง
หนุ่มสาวสองคนนี้อายุพอๆ กับเขา ผู้ชายจะมีความเป็นเหมือนผู้หญิงดูนุ่มนิ่ม ส่วนผู้หญิงก็จัดว่าสวยมาก สูงโปร่งและขาเรียวยาว ผมพลิ้วสวยถูกมัดเป็นมวยอยู่บนหัว ผิวดูเรียบเนียน มีสง่าราศี พอดุก็รู้ว่าเป็นสาวสวยจากทางเหนือ
พอเห็นฉินสือโอว โฮ่วจือเซวียนจึงแนะนำให้เขารู้จักก่อน “นี่เป็นพี่น้องที่สนิทกับผม หวงเฮ่าเจีย และนี่เป็นพี่สาวชื่อหวงเจียเจีย”
……………………………………….