ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 676 วันเกิดเจ้าหมาแลบราดอร์
รุ่งเช้าฉินสือโอวลงมาด้านล่างหลังอาบน้ำเสร็จ แต่ไม่เห็นหู่จือกับเป้าจือ
พอเดินออกไปนอกวิลล่า ฉินสือโอวก็เจอเจ้าสองตัวอยู่ใต้ต้นชูการ์เมเปิล
เจ้าสองตัวที่ขดตัวอยู่ด้วยกันพอเห็นฉินสือโอวก็ยืนขึ้นด้วยความดีใจ แต่ไม่ได้พุ่งเข้าไปหาแบบที่ผ่านมา เพียงส่งเสียงเห่าพร้อมนั่งกระดิกหางเป็นเด็กดี มองฉินสือโอวตาปริบๆ จากไกลๆ
เห็นดังนั้น ฉินสือโอวก็แทบใจสลายรีบกวักมือกล่าวว่า “มาหาพ่อมา พ่อรักพวกแกที่สุดเลยนะ”
ผ่านมาหนึ่งปีครึ่ง หู่จือกับเป้าจือเติบโตเป็นแลบราดอร์ตัวโตเสียแล้ว ช่วงเจริญเติบโตแลบราดอร์จะมีปัญหาอย่างหนึ่ง นั่นคือช่วงที่ผลัดขนอย่างหนักนั่นเอง หลายวันมานี้บนโซฟาในบ้านมักจะมีขนสีทองติดอยู่เรื่อยๆ
หู่จือกับเป้าจือก็เป็นเด็กดีมาก พอรู้ว่าขนตัวเองที่ร่วงนั้นไม่ใช่เรื่องดี ช่วงนี้จึงไม่ค่อยวิ่งเข้าไปในบ้านแล้ว ซึ่งทำให้วินนี่และฉินสือโอวทั้งรักทั้งสงสาร
ตั้งแต่เรือประมงห้าลำที่มาขโมยปลาคราวก่อนโดนฉินสือโอวใช้ปืนฉีดน้ำยิงใส่จนหนีไป ฟาร์มปลาก็สงบสุขไปหลายวัน ดูท่าข่าวลือเกี่ยวกับฟาร์มปลาที่มีเรือปืนฉีดน้ำจะกระจายไปยังฟาร์มของชาวประมงทั่วชายฝั่งนิวฟันด์แลนด์เรียบร้อย
ฉินสือโอวนำเรือปืนฉีดน้ำสองลำไปจอดไว้ในน่านน้ำตะวันออกและตะวันตก ใช้ท่อสูงหนาของปืนฉีดน้ำในการข่มขวัญ
พอไม่มีเจ้าบ้าพวกนั้น ฉินสือโอวเลยมีเวลาว่างมากขึ้น และมาตั้งใจช่วยแปรงขนให้หู่จือกับเป้าจือ
สุนัขแลบราดอร์จะผลัดขนสองครั้งต่อปี และตอนนี้ก็ถึงคราวของพวกมันแล้ว นอกจากที่จะผลัดขนทุกๆ ปีก็ยังขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปในฤดูกาลต่างๆ ด้วย ตอนต้นฤดูร้อนจะเยอะที่สุด เพราะช่วงนี้ต้องสลัดขนออกเยอะๆ เพื่อระบายความร้อน
ขนบนตัวของหู่จือกับเป้าจือเป็นประกายสีทองนุ่มนวล แต่พอร่วงลงมาก็กลายเป็นความน่ารำคาญ ขนพวกนี้ติดหนึบอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้าและยังลอยว่อนไปทั่วเหมือนวัชพืช
ฉินสือโอวหยิบแปรงขนออกมา หู่จือกับเป้าจือก็รีบหาที่อากาศถ่ายเทก่อนล้มตัวนอนบนพื้นรอพ่อแปรงขนให้
วินนี่ที่สวมชุดไหมพรมอยู่บ้านไปกดตู้น้ำเย็นเอาแก้วนมกับน้ำผลไม้มาให้ฉินสือโอวพร้อมวางหลอดไว้ เขาจะได้กินไปแปรงขนเจ้าสองตัวนี้ไปได้
ขนสุนัขที่โดนหวีจนหลุดบางส่วนปลิวไปติดกับแก้วเข้า ฉินสือโอวดื่มนมกับน้ำผลไม้รวดเดียวแล้วเอ่ยว่า “เอาแก้วไปเก็บเถอะ ขนนี่มันเหนียวจริงๆ”
วินนี่ยิ้มตอบ “มีภาษิตเกี่ยวกับแลบราดอร์กล่าวว่า ‘ขนสุนัขจะติดทุกอย่างในบ้านยกเว้นตัวหมาเอง’ คิดว่าไงล่ะ นึกภาพออกไหม?”
ฉินสือโอวพยักหน้า ไม่ใช่การพูดเกินจริงเลย ขนสุนัขนั้นทรงพลังเกินไปแล้ว
หลังตั้งใจแปรงขนจนเสร็จ หู่จือกับเป้าจือก็ลุกขึ้นสะบัดตัว พอเห็นว่าไม่มีขนร่วงลงมาแล้ว เจ้าสองตัวก็ดีใจมาก อ้าปากแลบลิ้นไปทางฉินสือโอวกับวินนี่และเลียทั้งสองคน
แลบราดอร์เป็นสุนัขที่รักมนุษย์ที่สุด พวกมันจึงค่อนข้างสนิทสนมกับเจ้าของ ถ้าใครแพ้ขน น้ำลาย ไคลของสุนัขคงเลี้ยงหมาพันธุ์นี้ไม่ไหวแน่
วันนี้เป็นวันเกิดที่สำคัญมากของหู่จือและเป้าจือ เมื่อหนึ่งปีก่อนวันนี้เป็นวันที่ฉินสือโอวกับวินนี่ได้รับทั้งสองมาเลี้ยงนั่นเอง
โดยไม่รู้ตัวฉินสือโอวก็เลี้ยงเจ้าสองตัวนี้มาปีหนึ่งเสียแล้ว แต่เขาดันรู้สึกเหมือนผ่านไปสิบปีมากกว่า!
“พวกเราน่าจะฉลองวันเกิดให้หู่จือเป้าจือนะ ที่รัก คุณคิดว่าไง?” ฉินสือโอวอุ้มเจ้าสองตัวขึ้นมาถามวินนี่ยิ้มๆ
วินนี่นิ่งคิดก่อนตอบ “พาพวกมันไปปีนเขาสักรอบละกัน ปีนี้ยังไม่ได้ปีนเขาเลย เดี๋ยวถ่ายรูปมันด้วย”
ปีนเขาเป็นกีฬาที่สุนัขแลบราดอร์ชอบมาก ในช่วงกำลังโตพวกมันจำเป็นต้องออกกำลังกายมากๆ เพราะเป็นสายพันธุ์ที่มีพลังล้นเหลือเลยต้องใช้พลังงานให้เต็มที่ทุกวัน
เมื่อเห็นวินนี่ชี้ไปบนเขา หู่จือเป้าจือก็กระโดดโลดเต้นดีใจ ส่วนฉงต้าที่อยู่ด้านข้างกลับจ้องป่าเขาด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม ท่าทางวันนี้มันคงไม่อยากขยับไปไหน
ฉินสือโอวจึงทิ้งฉงต้าไว้ที่บ้าน ในฐานะที่วันนี้เป็นวันเกิดหู่จือเป้าจือ พวกเขาเลยพาแค่เจ้าสองตัวนี้ไปปีนเขากัน เป็นวันพิเศษของแลบราดอร์โดยเฉพาะ
ในเวลาอย่างนี้อีวิลสันมักพึ่งพาได้มากทีเดียว ฉินสือโอวรับผิดชอบกระเป๋าสะพายใบใหญ่ ส่วนอีวิลสันเดินแบกเรมิงตันกระบอกหนึ่งโดยไม่บ่นแม้แต่น้อย
วินนี่ถือกล้องถ่ายภาพเจ้าสองตัวไปตลอดทาง
ทันทีที่เข้ามาในป่า หู่จือเป้าจือก็เริ่มคึกขึ้นมา พวกมันวิ่งไล่กันวุ่นวายโดยไม่กลัวว่าจะเปื้อนพื้นโคลนที่เพิ่งโดนฝน กลิ้งตะลุมบอนกันได้สักพักทั้งตัวก็เปรอะโคลนไปหมด
วินนี่หัวเราะพลางถ่ายรูปพวกมัน ไม่ได้ว่าอะไร มันเป็นธรรมชาติของแลบราดอร์ ที่จริงพวกมันก็ไม่ได้สะอาดอะไร ทั้งขุดหลุมโคลน เล่นในขยะ ยิ่งหมาน้อยใจเด็กยิ่งชอบทำตัวตามใจ
หู่จือเป้าจือเองก็ตัวไม่น้อยแล้ว แต่จิตใจพวกมันกลับยังเรียบง่ายแบบลูกหมา โดยปกติสุนัขแลบราดอร์จะเริ่มมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเมื่อย่างเข้าสามขวบแล้ว
แน่นอน มันไม่ได้ซ่อนความฉลาดหลักแหลมของพวกมันเลย แม้จิตใจจะไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ก็ตาม พวกมันก็ยังฉลาดมาก
วินนี่ไม่ได้อึดอัดใจกับนิสัยตามธรรมชาติของหู่จือเป้าจืออย่างใด พวกมันห้ามอึหรือฉี่ในห้อง ห้ามอาเจียนของที่กินเลอะเทอะในบ้าน แต่ข้างนอกจะทำอะไรก็ได้
ขอเพียงไม่ใช่ในบ้าน วินนี่อนุญาตให้เล่นอะไรก็ได้ทั้งนั้นเดี๋ยวกลับบ้านไปเธอค่อยจับพวกมันอาบน้ำทีหลัง ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
นั่นเป็นสิ่งที่ฉินสือโอวชอบในตัวเธอ วินนี่รู้วิธีการเป็นทั้งภรรยาและแม่
หู่จือเป้าจือตะลุมบอนกันสักพักก็หยุด มันเอียงคอฟังก่อนจะรีบพุ่งไปยังพุ่มไม้ดังลูกธนูแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ฉินสือโอวยิ้มขมส่ายหน้า กล่าวว่า “ผมอยากส่งหมาสักตัวไปเฝ้าฟาร์มให้เหมาเหว่ยหลง เขาบอกผมว่าเขาชอบสุนัขแลบราดอร์มาก ถ้าให้หมอนั่นได้มาเห็นท่าทางของเจ้าสองตัวนี้ตอนอยู่กันส่วนตัว คงเสียใจทีหลังแน่”
วินนี่ตอบ “สุนัขแลบราดอร์ไม่ไหวหรอก ส่งพิทบูลไม่ก็สก็อตติช คอลลี่ไปดีกว่า แลบราดอร์ทั้งซนทั้งวุ่นวายเกินไป ถึงจะฉลาดแต่ฉันกลัวว่าพวกเขาจะไม่มีความอดทนพอจะสอนมันตอนโตได้”
และยังมีอีกอย่าง คือแลบราดอร์นั้นชอบเด็กมาก แต่ฟันพวกมันคมเกินไป และเด็กผิวก็บอบบาง ถึงลูกแลบราดอร์จะเล่นแบบไม่เบาไม่แรงแต่ก็ยังเป็นอันตรายต่อผิวเด็กอยู่ดี
เมื่อเดินไปตามเข้าไปในป่าจนถึงน้ำตกเล็ก วินนี่ก็เรียกทั้งสองตัวมาอาบน้ำแล้วจัดการเตรียมใส่หูกระต่ายเล็กๆ ให้พวกมัน และให้นั่งข้างบ่อน้ำถ่ายรูป
หู่จือใส่โบสีขาว เป้าจือใส่โบสีดำ พวกมันมองหน้ากันก่อนจะอ้าปากเห่าด้วยความตื่นเต้น
วินนี่ทำท่า ‘ชู่ว’ เป็นเชิงบอกให้เงียบ เจ้าสองตัวจึงสงบลง นั่งข้างบ่อน้ำกระดิกหางอย่างมีความสุขกัน
……………………………………………….