ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 684 อัปเกรดเรือกำปั่น
ด้วยการนำของฉินสือโอว หัวของปลากระโทงจึงถูกสายเบ็ดลากให้มาทางเรือ โดยมีฉลามกบตามติดอยู่ด้านหลัง มันทำได้เพียงไปตามสายเบ็ดเพื่อหนีเอาตัวรอดเท่านั้น
พอลากมันมาได้ภารกิจของฉินสือโอวก็ง่ายขึ้นแล้ว เขาควบคุมสายเบ็ดนำทางปลา ขณะที่ฉลามกบก็ยังตามหลัง ปลากระโทงไม่มีทางเลือกอื่นให้หนี ก็ต้องโดนดึงไปในน้ำแบบนั้น
ตอนนั้นเองฉินสือโอวก็เริ่มออกแรงดึงปลากระโทงขึ้นมา
พวกพี่น้องฉลามกบรู้ว่าปลากระโทงสามารถกระโดดขึ้นเหนือน้ำได้ และในฐานะที่พวกมันเป็นนักล่าในน่านน้ำอันดับต้นๆ เคยกินปลากระโทงมาไม่หนึ่งร้อยก็แปดสิบตัวได้ จึงมีประสบการณ์พอสมควร ทันทีที่เห็นปลากระโทงหายไปจากน้ำ พวกมันก็แยกย้ายไปเตรียมดักในวงกว้าง
ปลากระโทงไม่ใช่นกไม่สามารถบินเหนือน้ำได้เดี๋ยวก็ต้องร่วงลงมา พอลงมาพวกมันจะชะงักไปด้วยความมึนเล็กน้อย ซึ่งฉลามกบค่อยฉวยจังหวะนั้นเข้าโจมตี
แต่คราวนี้พี่น้องฉลามกบคำนวณพลาดไป พวกมันมองผิวน้ำอย่างกังวล ปลากระโทงนั่นไม่ร่วงลงมาเสียที…
ฉินสือโอวเอาปลากระโทงไปบนดาดฟ้าแล้ว ทำให้มันเลือดไหลก่อนใส่ถังน้ำแข็ง กลับไปจะทำบาร์บีคิวหรือเคี่ยวซุปก็อร่อยทั้งนั้น
ฉลามกบเจ็ดพี่น้องรอสักพักก็ยังไม่เห็นมันกลับมา ในที่สุดพวกมันก็รู้ตัวว่าคงไม่ได้กินปลาแล้ว จำต้องไปหาอาหารใหม่อีกรอบอย่างเซ็งๆ
เพราะเสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์เรือแฟร์เวลบนผิวน้ำ ทำให้ปลาเล็กบริเวณนั้นตกใจหนีหายกันไปหมด ฉลามกบเจ็ดพี่น้องช่วยกันค้นหาอย่างเศร้าสร้อยแต่ก็ยังไม่เจอของโปรดเสียที มันมองหน้ากันก่อนจะทยอยหงายท้องลอยไปบนผิวน้ำ
แม้ผิวบางส่วนของฉลามกบจะมีสีอ่อน แต่ก็ยังเป็นสีเข้มทั้งตัว พวกมันแกล้งตายหงายท้องให้ลอยบนผิวน้ำจนดูเหมือนก้อนหิน
นกจมูกหลอดหางสั้นกับนกนางนวลบางตัวที่บินหาอาหารในอยู่ทะเล ความอดทนของพวกมันไม่ได้เหนือขั้นเท่านกฟรีเกตกับนกอินทรีหัวขาว บินไปสักพักก็เริ่มอยากพักบนโขดหิน
พี่น้องฉลามกบพากันหงายผิวสีเข้มตรงหน้าท้องให้ดูเหมือนโขดหิน นกจมูกหลอดหางสั้นหรือนกนางนวลที่ไม่ได้สังเกตก็มาหุบปีกลงเกาะตามความเคยชิน
ฉลามกบพี่ใหญ่ที่มีนกจมูกหลอดตัวหนึ่งเกาะอยู่ก็ค่อยๆ จมตัวลงไปในน้ำ เจ้านกที่ยังไม่รู้ถึงอันตรายพยายามกระโดดหนีห่างจากน้ำ แล้วขยับไปส่วนอื่นที่ยังไม่จม
เท้าของเจ้านกเหยียบเข้ากับส่วนหัวของฉลามกบพี่ใหญ่โดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเองมันก็พลิกตัวอ้าปากงับกินนกจมูกหลอดทันที!
กลายเป็นว่ามีแค่พี่ใหญ่ที่ได้กินอาหารตัวเดียว โดยทำนกตัวอื่นๆ แตกตื่นหนีไปด้วย พี่น้องอีกหกตัวโมโหมาก ไม่ร่วมมือกับมันแล้ว ไอ้พี่เวร ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ พี่น้องทั้งหมดก็พร้อมใจเข้าไปรุมกระทืบทันที
ฉินสือโอวส่ายหัวอย่างจนใจ พี่น้องหกตัวนี้มันตลกได้ตลอดจริงๆ
จากนั้นเขาก็ตกปลาได้อีก เป็นปลากะพงแสมขนาดสี่สิบกว่าเซนติเมตร ปลาชนิดนี้ตัวแบน ตาโต ตัวสีเทาเงิน มีจุดดำเหนือครีบอกคล้ายกับปลาเพิร์ช เอาไปตุ๋นแล้วอร่อยมาก
ปลากะพงแสมมีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ จุดสีสดใสหรือเวลาบนตัวมัน ตอนที่มันตายจุดบนตัวก็จะหายไปด้วย ชาวเรือเก่าจึงใช้จุดเป็นตัวบอกเวลาตายของปลากะพงแสม ซึ่งแม่นยำแม้กระทั่งชั่วโมง
หลังตกปลารับลมทะเลจนเต็มอิ่มตลอดทาง ฉินสือโอวก็ใกล้ถึงน่านน้ำเรืออับปางแล้ว เขาพาอีวิลสันมาด้วย ซึ่งเป็นคนที่เขาเชื่อใจให้ทำงานแบบนี้มากที่สุด แถมยังเงียบขรึมพูดน้อย
ส่วนที่ฉินสือโอวชอบในตัวอีวิลสันมากที่สุดก็คือ คำนิยามของปากเขา เขาใช้ปากเพื่อกินไม่ใช่เพื่อพูดสิ่งต่างๆ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเห็นหรือรู้อะไร ตราบใดที่ฉินสือโอวสั่งห้ามพูด ต่อให้ใครถามเขาก็จะไม่บอก
เชือกพวนยาวหนาทอดลงไปยังก้นทะเล ปลายสุดด้านหนึ่งของเชือกพวนเชื่อมกับเครื่องยนต์ อีกด้านมัดอวนตาข่ายเส้นหนาไว้
ในอวนตาข่ายเต็มไปด้วยพวกเหยื่อปลา และค้อนเล็กจำนวนมาก เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมฝูงปลาหมึกให้หยิบเครื่องมือออกมา จากนั้นนำเงินทองเครื่องใช้ที่สีสันคละกันใส่อวนตาข่าย เครื่องยนต์หมุนรอกค่อยๆ ดึงขึ้นมา
รอจนอวนขึ้นมาพ้นผิวน้ำแล้ว ฉินสือโอวกับอีวิลสันจึงช่วยกันเอาของข้างในไปโยนไว้ในห้องเก็บของบนเรือ
หลังจัดการเสร็จเรียบร้อย ฉินสือโอวก็ตบหลังอีวิลสันเอ่ยเตือนว่า “พวก ห้ามบอกใครเรื่องที่เราทำวันนี้กันนะ โอเคไหม?”
อีวิลสันมองฉินสือโอวนิ่งๆ ก่อนเหยียดยิ้มแหยๆ “หิวแล้ว อีวิลสันหิวแล้ว อีวิลสันตกปลาทำกับข้าวมาได้”
ฉินสือโอวยิ้ม เขาหยิบปลากระโทงสีน้ำเงินที่จับได้ก่อนหน้านี้จากถังน้ำแข็งออกมา กล่าวว่า “งั้นฉันทำสเต๊กปลาทอดให้นายกินดีไหม? แล้วก็พายเนื้อปลากับข้าวต้มซีฟู้ด เป็นไง?”
“กิน!” อีวิลสันหัวเราะคิกคักต่อ
และแล้วเวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ตอนฉินสือโอวขับเรือกลับพระจันทร์ก็ขึ้นบนยอดไม้แล้ว เขาโทรเรียกบิลลี่ให้มาที่ท่าเรือ เดี๋ยวไปรับขึ้นเรือ
บิลลี่รีบวิ่งมาด้วยความยินดี พอขึ้นเรือมาก็ถามทันที “พวก มีข่าวดีอะไรแล้วใช่ไหม? คุณเจียเจียตกลงจะเป็นภรรยาฉันแล้วใช่ไหม?”
ฉินสือโอวนิ่งไปเพราะคำพูดเขา นายนี่จะความอดทนต่ำไปหน่อยไหม? ยังไม่ทันเริ่มจีบก็จะแต่งงานแล้ว? บิลลี่นี่นายล้อเล่นหรือไง?
พอฉินสือโอวนำเงินทองเครื่องใช้ของในเรืออับปางมาให้เขาดู บิลลี่ก็หดหู่ขึ้นมา ส่ายหน้ากล่าวว่า “บ้าที่สุด! ฉันนึกว่านายมีข่าวดีอะไรมาบอกฉันเสียอีก”
“ทำเงินได้ไม่ใช่ข่าวดีตรงไหน?” ฉินสือโอวพูดอย่างไม่พอใจ
บิลลี่ชกผนังข้างเรือเต็มแรง ตอบว่า “ฉันไม่ห่วงเรื่องเงินหรอก บัตรเครดิตฉันมีตั้งล้านกว่า เรื่องความรู้สึกต่างหากที่สำคัญที่สุด เข้าใจหรือเปล่า? ตอนนี้ฉันต้องคว้าโอกาสที่พระเจ้าประทานมาให้เอาไว้!”
ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว สนามรักครั้งนี้ทำเจ้าตัวกลับใจจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เขาช่วยอะไรไม่ได้ ให้ทำร้ายโหวจื่อเซวียนก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกันแหละ อีกฝ่ายเป็นลูกน้องที่มีปืนในมือ ถ้าวันหนึ่งโหวจื่อเซวียนรู้ว่าเขาทำอะไรจะไม่ถือปืนมายิงเขาทิ้งหรือไง ใครจะมาแก้ต่างให้เขาได้?
สุดท้ายบิลลี่ก็ยังรับผิดชอบจัดการเรื่องเงินทองเครื่องใช้ ของพวกนี้ไม่สามารถไปขายได้โดยตรง จำเป็นต้องทำการหลอมละลายก่อน ฉินสือโอวไม่มีคนรู้จักที่ทำอย่างนั้นได้
อย่าคิดว่าของที่ขุดขึ้นมาจะได้เยอะ ที่จริงก็ไม่มากเท่าไร บิลลี่เอ่ยว่า “ฉันหาเพื่อนที่มอนทรีออลมาช่วยนายได้ ไม่ต้องไปหาเบลคหรอก ของพวกนี้ไม่คุ้มพอให้นายไปหาเขาสักเที่ยว”
“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉินสือโอวพูดด้วยความเสียดาย
บิลลี่โบกมือ กล่าวอย่างยุติธรรมว่า “มันไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก นายเป็นคนขุดมามันก็ต้องเป็นของนายอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันช่วยจัดการเอง”
ฉินสือโอวรู้สึกซาบซึ้ง “ฉันจะขอบคุณนายยังไงดีเนี่ย เพื่อนรัก…”
“ช่วยฉันหาทางจีบคุณเจียเจียเป็นไง? ฉิน ฉันรักเขาจริงๆ นะ ช่วงนี้เวลาดำน้ำแล้วนึกถึงเขาทีไรจะรู้สึกเหมือนมีใครอยู่ด้วยตลอดเลย แต่ไม่ว่าฉันจะค้นหายังไงก็หาไม่เจอ..” บิลลี่เอ่ยอย่างตื่นเต้น
ฉินสือโอวเริ่มหลอนบรรยากาศ พูดทั้งตัวสั่นว่า “หยุดพูดเถอะ ยิ่งพูดยิ่งเหมือนเรื่องผีเลย…”
…………………………………………