ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 695 รายงานผลตรวจที่ไม่สู้ดี
มีหัวใจโพไซดอนอยู่ในมือก็คุมฟาร์มปลาได้
เหล่าฝูงกุ้งปลามากมายหลากหลายถูกจิตสำนึกแห่งโพไซดอนแกมไล่แกมปลอบกลับไปยังรังของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ฝูงงูเหลือมทะเลไปเป็นทหารยามในแนวปะการังทะเลลึก เดิมทีงานนี้เป็นงานหนัก เพราะทะเลยิ่งลึกความดันก็ยิ่งสูง แสงแดดยิ่งน้อย อุณหภูมิยิ่งหนาว อย่างไรเสียงูเหลือมทะเลก็เป็นสัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็น ความดันน้ำยังพอว่า แต่เรื่องอุณหภูมิทนไม่ได้จริงๆ
แต่ว่าตอนนี้เพราะภูเขาไฟใต้น้ำปะทุ งานหนักเลยกลายเป็นงานสบาย อุณหภูมิน้ำในปะการังทะเลลึกได้รับอิทธิพลจากอุณหภูมิของลาวาที่ไหลออกมาเป็นช่วงๆ จนสูงขึ้นมาถึงระดับที่เหมาะสม
ฉินสือโอวกวาดตามองฟาร์มปลาคร่าวๆ พอรู้สึกว่าปัญหาไม่ใหญ่โตถึงดึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับมา
ภูเขาไฟปะทุไม่กี่วัน ฉินสือโอวช่วงนี้เหนื่อยไม่น้อย ตัวผอมไปหลายกรัม ความสนใจที่จะทำการบ้านกับวินนี่ตอนกลางคืนก็หดหาย ทำเอาช่วงนี้วินนี่ขยันทำพวกโจ๊กหอยงวงช้าง ซุปเก๋ากี่พุทราแดงเสริมสุขภาพให้เขา
ทาครีมกันแดดเสร็จ ฉินสือโอวก็ลากเก้าอี้ผ้าใบไปหาที่เหมาะๆ อย่างเกียจคร้าน อีวิลสันช่วยเขาปักร่มกันแดด มือหนึ่งเขาถือเบียร์ส่วนอีกมือถือน้ำผลไม้ รับลมฟื้นฟูพลัง
บนหาดทราย พวกหู่จือกับเป้าจือเล่นกันสนุกสนาน เพราะพวกปูก้ามดาบย้ายบ้านอีกแล้ว
ภูเขาไฟสงบลง ระดับน้ำทะเลกลับสู่สภาพปกติ งั้นพวกมันต้องกลับรังเดิม
แบบนี้ปูก้ามดาบก็เหนื่อย แต่ทำไงได้ พวกมันค่อนข้างเลือกสภาพแวดล้อมที่อยู่ ชอบอยู่ในที่ที่ขุดไปยี่สิบสามสิบเซนติเมตรแล้วเจอชั้นน้ำ แบบนี้ออกหาอาหารได้สะดวก ระดับความปลอดภัยกำลังดี ไอน้ำก็เพียงพอ
ต้นฤดูร้อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฤดูร้อนกำลังเป็นไปอย่างร้อนแรง ฉินสือโอวดื่มเบียร์พลางคิดแผนพัฒนาฟาร์มปลาไปด้วย
พอดีกับที่บัตเลอร์โทรหาเขา พอรับสายก็ตรงเข้าประเด็นทันที “ห้องเย็นกับตลาดที่ไมอามีเลือกได้หมดแล้ว เดี๋ยวก็เปิดกิจการได้แล้ว งานโปรโมตฉันจัดการจวนจะเสร็จแล้ว เพราะชื่อเสียงดีๆ ที่ดังมาจากนิวยอร์ก มีร้านอาหารและโรงแรมหรูสี่สิบกว่าที่สนใจอาหารทะเลของเรา”
ฉินสือโอวรู้ว่าจุดประสงค์ของบัตเลอร์คืออยากให้เขาไปดู แต่ตอนนี้เขายังไปไหนไม่ได้ ทางฟาร์มปลามีภูเขาไฟปะทุ เดี๋ยวต้นเดือนกรกฎาคมก็ต้องร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยวเยี่ยมชมสำหรับเจ้าของฟาร์มปลาที่จัดโดยกรมประมง เขายังไปไมอามีไม่ได้
เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวอยากจะพูดตามแบบซีอีโอในหนังว่า ‘ถ้าไม่ได้นัดก็เข้าพบไม่ได้’ เวลาของเขาค่อนข้างแน่น หลายๆ เรื่องก็ไม่มีเวลาไปสนใจ วิศวกรที่เซี่ยงเฮ่ากับเขาพามายังทิ้งไว้ที่โรงงานเซนต์จอห์นบอสตันอยู่เลย
บัตเลอร์ได้แต่บอกว่างั้นคุณก็จัดการไปก่อนเถอะ ธุรกิจทางไมอามีจะเปิดแล้ว เพราะเดือนกรกฎาคมเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ปริมาณบริโภคอาหารทะเลเยอะมาก
ฉินสือโอวให้เขากล้าๆ ทำไปเลย อย่างมากก็เจ๊งแล้วปิดร้าน คุณภาพอาหารทะเลของเขาผ่านแน่นอน ทำแบรนด์ของตัวเองไม่ได้ก็ยังส่งตลาดธรรมดาได้ จะต้องส่งไม่ทันแน่เลย
ผ่านการตรวจมาสองวัน ทีมผู้เชี่ยวชาญออกรายงานเบื้องต้นแล้วรีบเอามาส่งให้ฉินสือโอว
เดิมทีฉินสือโอวยังไม่ได้เอามาใส่ใจ ทีมผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ธรณีวิทยาแล้วไง เทียบกับบาลซักที่เป็นเจ้าพ่อทางด้านทะเลได้เหรอ? แม้แต่คนพวกนั้นก็ยังไม่เข้าใจถึงปัญหาของฟาร์มปลา ผู้เชี่ยวชาญธรณีวิทยาจะดูอะไรออก?
แต่ว่าพอพลิกรายงานบางๆ เล่มนี้ดูคร่าวๆ ฉินสือโอวก็ต้องโยนขวดเบียร์ทิ้งแล้วตั้งใจอ่านทันที
สถานการณ์ไม่สู้ดี!
เหล่าผู้เชี่ยวชาญเก็บตัวอย่างดินทะเลและชั้นหินจากก้นทะเลหนึ่งร้อยหกสิบกว่าจุดเพื่อนำมาตรวจ บริเวณพวกนั้นกระจายตัวจากชายฝั่งน้ำลึกสองเมตรไปจนถึงน้ำลึกสองพันห้าร้อยเมตร ฉะนั้นจึงแทนสภาพปัจจุบันของก้นทะเลได้อย่างดี
ตามผลตรวจ เหล่าผู้เชี่ยวชาญพบว่าจุลธาตุและคาร์บอนของก้นทะเลในฟาร์มปลาต่ำกว่าปกติมาก พวกเขาหาผลการตรวจด้านต่างๆ ของกรมประมงที่ทำเพื่อวัดมูลค่าของฟาร์มปลาเมื่อสิบปีก่อนในตอนที่ปู่ของฉินสือโอวเสีย พบว่าสิบปีมานี้ค่าจุลธาตุและคาร์บอนลดลงอย่างมาก!
เหล่าผู้เชี่ยวชาญยังไม่เข้าใจว่าจู่ๆ จุลธาตุพวกนี้หายไปเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร นี่มันไม่สอดคล้องกับหลักเหตุผล แต่ฉินสือโอวรู้ถึงสาเหตุ
ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาดูแลฟาร์มปลาก็ปลูกพืชน้ำและสาหร่ายมากมายที่ฟาร์มเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนแถมยังถ่ายพลังโพไซดอนมากมายให้เจ้าพวกนี้ด้วย เร่งพวกมันให้เติบโตและขยายพันธุ์อย่างบ้าคลั่ง
เขาไม่เคยคิดว่านี่จะนำผลกระทบอะไรมาสู่ฟาร์มปลา เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้อพยพที่เปลี่ยนอาชีพกลางคัน ไม่ใช่แค่ขาดประสบการณ์ดูแลฟาร์มปลาเท่านั้น ยังขาดความรู้ด้านระบบด้วย!
ตอนนี้ดูรายงานที่ผู้เชี่ยวชาญศูนย์ธรณีวิทยาให้มา ฉินสือโอวถึงเข้าใจในทันที เขาคิดแต่จะกอบโกยผลลัพธ์มากมายจนทำลายฟาร์มปลา
รากฐานของฟาร์มปลาคืออะไร? ฉินสือโอวคิดว่าเป็นสาหร่ายและพืชน้ำมาโดยตลอด ขอแค่มีต้นมะเดื่อในบ้านยังจะต้องกลัวหงส์ทองไม่มาเหรอ?
แต่ถ้าเอาปัญหานี้โยนให้พวกชาร์ค คำตอบของพวกเขาก็จะไม่ใช่แบบนี้ แต่เป็น ตัวฟาร์มปลาเอง!
ใช่ ก็คือตัวฟาร์มปลาเอง นั่นก็คือธรณีวิทยาทางทะเลกับน้ำทะเล ถ้าไม่มีของพวกนี้ งั้นมีพืชน้ำกับสาหร่ายเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์
ฉินสือโอวทำลายธรณีวิทยาใต้น้ำของฟาร์มปลาโดยไม่รู้ตัว
การอบรมที่เขาได้รับก็คือการโตของพืชดูดซึมสารอาหารไปไม่เยอะ อาศัยการสังเคราะห์แสงเอา ดังนั้นเขาถึงเร่งการเติบโตของสาหร่ายกับพืชน้ำเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้
แต่ที่จริงแล้วมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
คนที่เคยเรียนธรรมชาติศึกษารู้ทั้งนั้น ในปี1642 นักวิทยาศาสตร์ชาวเบลเยียมยัน บัปติสต์ ฟัน แฮ็ลโมนต์เคยทำการทดลองที่มีชื่อเสียงอย่างหนึ่ง
ตอนนั้นแฮ็ลโมนต์เคยปลูกต้นหลิวหนัก 23 กิโลกรัมต้นหนึ่ง ในกระถางที่ทำจากเหล็ก ก่อนที่จะปลูก ดินในกระถางเคยผ่านการอบแห้งในอุณหภูมิสูงมา น้ำหนักที่ชั่งได้ 90.8 กิโลกรัม
ในระหว่าง 5 ปีต่อมา นอกจากแฮ็ลโมนต์จะรดน้ำต้นไม้ก็ไม่ได้เติมอะไรลงในกระถางเหล็กเลย ใบไม้ที่ร่วงในฤดูใบไม้ร่วงทุกปีก็ไม่ได้ชั่งน้ำหนักหรือคำนวณ
5 ปีหลังจากนั้น ยัน บัปติสต์ ฟัน แฮ็ลโมนต์ก็ชั่งน้ำหนักต้นหลิวกับดินแยกกันอีกครั้ง พบว่าน้ำหนักของต้นหลิวเปลี่ยนเป็น 76.7 กิโลกรัม แต่น้ำหนักของดินพอแห้งแล้วก็เป็น 90.7 กิโลกรัม ลดจากเดิม 0.1 กิโลกรัม
การทดลองนี้แสดงให้เห็นถึงอะไร? แร่ธาตุทุกอย่างที่พืชต้องการมาจากน้ำและอากาศ ไม่มีความเสียหายต่อดิน
ที่จริงแล้วนี่เหลวไหลทั้งเพ ชาวบ้านที่ปลูกพืชก็รู้ ถ้าดินไม่อุดมสมบูรณ์พอ แสงแดดจะจ้าแค่ไหน รดน้ำมากแค่ไหนก็ไม่มีทางมีผลผลิต
ฉินสือโอวมองข้ามปัญหานี้ไป พืชน้ำกับสาหร่ายที่เขาปลูกมีมากเกินไป โตไว และขยายพันธุ์เร็วไป จึงทำให้เกิดการเก็บผลผลิตระยะสั้นโดยไม่คำนึงถึงระยะยาว
การเติบโตของพืชน้ำกับสาหร่ายนอกจากจะดูดคาร์บอนไดออกไซด์ ยังต้องดูดแร่ธาตุอื่นๆ จำนวนมากจากก้นทะเล สารอาหารเหล่านี้รวมถึงจุลธาตุที่ผสมอยู่ในทรายใต้ท้องทะเลมานานหลายพันปี
แน่นอนว่าสารอาหารในดินทรายก้นทะเลไม่ได้มีแค่ผลิตไม่มีการสร้างใหม่ อึและของเสียของปลากุ้งก็มีส่วนประกอบของสารอินทรีย์กับเกลือแร่ มันเป็นสารอาหารที่มีคุณภาพสูงที่เติมแร่ธาตุต่างๆ ให้กับดินทรายในทะเล
แต่ว่า ยังไม่พอ!
…………………………………………………