ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 696 เสริมแคลเซียมให้ฟาร์มปลา
ฟาร์มปลาต้าฉินปลูกพืชน้ำกับสาหร่ายไว้เท่าไร? นับไม่ถ้วน!
ทุกครั้งที่บิลเจอฉินสือโอวก็จะชมว่าเขาลงทุนแบบพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งสองฝ่ายลืมไปว่าการพัฒนาแบบยั่งยืนไม่ได้หมายถึงแค่ระหว่างสิ่งมีชีวิตเท่านั้น ยังรวมถึงการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสภาพแวดล้อมด้วย
ตอนนี้ก็คือสภาพแวดล้อมมีปัญหา พืชน้ำกับสาหร่ายที่ฟาร์มปลาปลูกไว้เยอะเกินไป เยอะเสียจนดินใต้ทะเลรับไม่ไหว
แน่นอนเรื่องนี้พอเข้าใจได้ ดูตัวเลขของปลาในฟาร์ม กุ้งปลาที่เลี้ยงไว้มีเท่าไร? ถ้าจำนวนพืชน้ำและสาหร่ายไม่มากพอ งั้นพวกมันก็ขาดแคลนอาหารกันไปนานแล้ว จะอยู่สบายขนาดนี้เหรอ?
ต้องรู้ด้วยว่า สัดส่วนของอาหารที่ถูกใช้ในโลกธรรมชาติคือ10% 20% นี่หมายถึงอะไรล่ะ?
คิดตามสัดส่วนการใช้ประโยชน์อาหารที่สูงที่สุดซึ่งก็คือ 20% ปลาทูน่าตัวหนึ่งจะโตสักหนึ่งกรัมงั้นมันก็ต้องกินปลาแฮร์ริ่งอย่างน้อย 5 กรัม ส่วนปลาแฮร์ริ่งจะโต 5 กรัมก็ต้องกินแพลงก์ตอน 25 กรัม แพลงก์ตอนจะโต 25 กรัมก็ต้องกินพืชน้ำกับสาหร่าย 125 กรัม
ส่วนปลาทูน่าตัวหนึ่ง ในการโตหนึ่งกรัมจะขับของเสียออกมาเท่าไร? จะชดเชยการบริโภคสารอาหารจากก้นทะเลของพืชน้ำกับสาหร่าย 125 กรัมได้อย่างไร?
สรุปก็คือ พืชน้ำกับสาหร่ายดูดแร่ชนิดต่างๆมากเกินไป ก้นทะเลขาดแคลเซียมจนดินหลวม
ตอนแรกเห็นดินหลวมแล้วเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร ที่จริงแล้วมันก็เหมือนเทปใสเส้นหนาที่แปะไว้บนแผ่นเปลือกโลก เต็มไปด้วยความเหนียว ทำให้ชั้นหินไม่เกิดรอยแยกได้ง่าย
ตอนนี้เทปใสเส้นนี้ไม่มีความเหนียวแล้ว ฉะนั้นเปลือกโลกขยับเพียงเล็กน้อยชั้นหินก็เกิดรอยร้าวได้ง่ายๆ นอกจากนี้ รอยร้าวที่เกิดก่อนหน้านี้ เพราะดินทรายมีซิลิคอนคาร์ไบด์ซึ่งสามารถเข้าไปซ่อมแซมในรอยแยกได้
ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ดังนั้นลาวาก็เลยพรั่งพรูออกมาจากรอยแยกเปลือกโลก
นี่ก็คือสาเหตุที่ฉินสือโอวเห็นภูเขาไฟก้นทะเลไม่ใช่รูปทรงภูเขา แต่เป็นพื้นราบที่เกิดรอยแยกแล้วพ่นลาวาออกมา
ธรรมชาติช่างน่าอัศจรรย์ มันสามารถปรับสมดุลตัวเองได้ การปรากฏของลาวาในด้านหนึ่งก็เป็นการเสริมแร่ธาตุต่างๆให้ดินทราย เพราะในเถ้าภูเขาไฟมีเกลืออนินทรีย์มากมาย
แต่ว่าฉินสือโอวไม่อยากเสริมแร่ธาตุให้ฟาร์มปลาด้วยวิธีแบบนี้ เพราะวิธีนี้ของธรรมชาติก็ออกจะรุนแรงไปหน่อย นั่นเป็นการทำลายทุกอย่างให้สิ้นแล้วค่อยสร้างใหม่
หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ธรณีวิทยาให้ผลการตรวจนี้ออกมาก็ถือโอกาสอธิบายสาเหตุที่ไม่ได้เกิดความเสียหายจากการปะทุของภูเขาไฟตามปกติ เพราะการปะทุของภูเขาไฟครั้งนี้ก็ไม่ปกตินี่นา พลังทำลายล้างก็เลยกระจายตัว…
พอเข้าใจถึงปัญหาของฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็ขอบคุณความช่วยเหลือจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญ เขาเรียกรวมพวกชาวประมงมาหารือวิธีแก้ปัญหาทันที
เหล่าชาวประมงเป็นมือดีทั้งในด้านการหาปลาและด้านการทะเลาะตบตี เรื่องเหล้านี่ยิ่งเก่ง แต่ความสามารถด้านการดูแลจัดการฟาร์มปลายังธรรมดา
ฉินสือโอวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญศูนย์ธรณีวิทยา ครั้งนี้ก็ไม่ฟรีแล้ว การที่ศูนย์ธรณีวิทยาจะตรวจสอบการปะทุของภูเขาไฟที่ฟาร์มปลาและทำการวิเคราะห์ก็ต้องมีคนเสียภาษีรับผิดชอบ ไม่รวมถึงการช่วยสร้างสิ่งก่อสร้างให้ฟาร์มปลา
หลังจากที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญหารือกันเรียบร้อยและเอาไปสองหมื่นดอลลาร์แคนาดา ก็ให้วิธีจัดการวิธีหนึ่งมา นั่นคือเสริมแคลเซียมให้ฟาร์มปลา!
พูดง่ายๆ ก็คือเสริมแร่ธาตุที่ดินขาดไปให้กับฟาร์มปลาผ่านวิธีง่ายๆ บางอย่าง และต่อไปก็ต้องเสริมตลอด ใครใช้ให้พืชน้ำกับสาหร่ายโตเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้ล่ะ? โดยเฉพาะแนวสาหร่ายสีน้ำตาล พอพวกผู้เชี่ยวชาญเห็นก็อึ้งไปในพริบตา!
พลังโพไซดอนได้ผลกับสิ่งมีชีวิต แต่ไม่ได้ผลกับสิ่งที่ไม่มีชีวิตอย่างดินทราย ฉะนั้นเรื่องนี้จะใช้ทางลัดไม่ได้ ต้องทำแบบจริงๆ จังๆ
ส่วนจะใช้วิธีอะไรมาเสริมแคลเซียม แถบทะเลไหนต้องเสริมแร่ธาตุอะไร ต้องเสริมนานแค่ไหน เรื่องพวกนี้จำเป็นต้องวางแผนอย่างละเอียด ถ้าแค่จะซื้อแผนนี้ ฉินสือโอวก็ต้องจ่ายอย่างต่ำแสนดอลลาร์แคนาดา
ถ้าอยากให้พวกผู้เชี่ยวชาญคอยอยู่ชี้แนะ ก็ต้องใช้เงินเยอะกว่านี้
เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวตั้งคำถามกับความรู้ความสามารถของตัวเอง เมื่อก่อนเขาคิดว่าตัวเองมีหัวใจโพไซดอนก็จัดการได้ทุกเรื่อง
แต่ดูท่าตอนนี้ ถ้าเขาแค่อยากจะเป็นเศรษฐี งั้นมีหัวใจโพไซดอนทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ถ้าเขาอยากจะเป็นโพไซดอนจะพึ่งแค่หัวใจโพไซดอนไม่ได้ เขายังต้องเข้าใจทะเลและโลกใบนี้ให้มากพอ
การจะฟื้นฟูรากฐานของฟาร์มปลาไม่ใช่เรื่องวันสองวัน ฉินสือโอวต้องรอพวกผู้เชี่ยวชาญวางแผนให้ ในช่วงนี้ฟาร์มปลาก็เป็นไปอย่างที่เคยๆ เพราะเรื่องภูเขาไฟปะทุจบลงแล้ว
ในรายงานมันอาจจะดูน่ากลัว ดินฟาร์มปลาขาดแร่นั่นนี่ แต่ที่จริงแล้วไม่ได้แย่ขนาดนั้น
ต่อให้ฉินสือโอวไม่ลงมาดู อย่างมากต่อไปการเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ของสาหร่ายกับพืชน้ำจะช้าลง ไม่มีทางที่ฟาร์มปลาจะถูกทิ้งร้างไปเพราะเหตุนี้ ของเสียจากปลากุ้งก็ยังสามารถเสริมแร่ธาตุให้ฟาร์มได้
แต่ว่าฉินสือโอวจำเป็นต้องดู เพราะทั้งแรงคน ทรัพย์และความตั้งใจที่เขาลงทุนไปนั้นเยอะมาก
สองวันหลังจากนั้น บัตเลอร์ก็ขับเครื่องบินมาเอาปลาส่วนหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็เอาใบเสร็จอาหารทะเลที่ขายไปครั้งที่แล้วมาให้เขาดู พอดูว่าไม่มีปัญหาก็เอาเงินที่ได้ให้เขาไป
ทำไปทำมารายได้ปีนี้ของฉินสือโอวก็เกินสิบล้านเข้าไปแล้ว ตอนนี้แบรนด์ต้าฉินยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้น ถ้าทำแบรนด์ของเขาให้ดังได้ล่ะก็ รายได้รายปีหลักพันล้านก็แค่เรื่องเล็กๆ
อาหารทะเลชั้นเลิศ รายได้ก็สูงลิ่วแบบนี้ เพราะฉินสือโอวไม่ได้ขายส่ง เขาอยากจะทำในแบบของตัวเอง
นอกจากจะเอาเงินกับใบเสร็จมาแล้ว บัตเลอร์ยังเอาเจ้าตัวน้อยจ้ำม่ำทั้งห้ามาให้ฉินสือโอวด้วย อเมริกันบูลลี่
ฟาร์มของเหมาเหว่ยหลงจำเป็นต้องมีหมาเฝ้าบ้าน เขาไม่ค่อยมีคนรู้จักที่แคนาดาแล้วก็ไม่เข้าใจเรื่องหมา ฉินสือโอวไม่ให้เขาไปซื้อเองเพื่อกันการโดนหลอก ตัวเขาจะช่วยหาซื้อหมาเอง
หลังจากพิจารณาแล้ว พันธุ์หมาที่ฉินสือโอวเลือกให้เหมาเหว่ยหลงมีทั้งหมดสองพันธุ์ หนึ่งคืออเมริกันบูลลี่ อีกอันคือเยอรมันเชเพิร์ด
อเมริกันบูลลี่มาจากอเมริกา ภายนอกพวกมันดูน่าเกรงขามมากเป็นหมากำยำกล้ามโต ว่ากันว่าทั้งเนื้อทั้งตัวนอกจากกระดูกก็มีแต่กล้ามเนื้อ
แต่ถึงภายนอกจะดูดุร้าย น่าเกรงขาม ที่จริงแล้วนิสัยดีมาก ซื่อสัตย์มั่นคง และสุภาพเป็นมิตร
ฉินสือโอวทำความเข้าใจมาแล้ว หมาพันธุ์นี้ขอแค่ฝึกนิดหน่อยก็จะเป็นมิตรกับเด็กมาก ข้อนี้สำคัญมากสำหรับฟาร์ม เพราะตั๋วตั่วพูดไม่เป็น ถ้าเป็นแลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ที่ชอบแกล้งเด็กมาเล่นกับเธอก็เป็นไปได้สูงที่จะทำร้ายเธอได้
ส่วนอเมริกันบูลลี่หมดห่วงเรื่องนี้ได้ พวกมันเป็นเหมือนพี่เลี้ยง มีแต่จะรับใช้เด็กเล็ก ไม่ได้ต้องการอะไร
เจ้าตัวน้อยทั้งห้าที่บัตเลอร์เอามาเพิ่งจะหย่านม แต่ก็แข็งแรงดีแล้ว แต่ล่ะตัวล้วนจ้ำม่ำ ต่างมองสำรวจฟาร์มปลาไปรอบๆ ด้วยดวงตาโตเป็นประกายอย่างอยากรู้อยากเห็น พอวินนี่เห็นพวกมันก็ตื่นเต้นจนแทบร้องไห้
ฉินสือโอวรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี ต้องรีบเอาไปให้เหมาเหว่ยหลงแล้ว ไม่อย่างนั้นวินนี่ต้องอยากเอาเจ้าพวกนี้ไว้แน่
……………………………………………………