ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 700 ลงโทษอันธพาล
บีเอ็มดับเบิลยูหยุดลง ชายผิวขาวอายุสี่สิบกว่าคนหนึ่งลงจากรถ ชายคนนั้นสวมชุดสูทที่ตัดเย็บอย่างดี ที่เท้าสวมรองเท้าหนัง ฉินสือโอวจ้องตาไม่กะพริบ นี่ก็เจ้าของฟาร์มเหรอ? อากาศร้อนขนาดนี้ยังใส่ชุดแบบนี้อีก?
แต่ก็มางานนี่นา ใส่อะไรก็เป็นการตัดสินใจของเขา อีกอย่างใส่ชุดทางการมาก็ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อเจ้าของงานด้วย ทีแรกฉินสือโอวก็ยังรู้สึกดีกับชายผิวขาว แต่พอเขาอ้าปากเท่านั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยน
“แม่งเอ๊ย ให้ตายเถอะ ไอ้พวกบ้านนอก!” ประโยคแรกที่หลุดออกจากปากชายคนนั้นก็คือแบบนี้ ฉินสือโอวนึกว่าตัวเองฟังผิดไป นี่มันหมาบ้าหรือไง?
ด่าออกไปประโยคหนึ่งชายคนนั้นก็ตะคอกต่ออีก “นี่ทุกท่าน ช่วยเข้าใจอะไรหน่อยได้ไหม ตอนนี้มันตอนกลางคืน! เสียงที่พวกคุณสังสรรค์กันน่ะเบาหน่อยได้ไหม? ฟาร์มของผมน่ะมีแขกพิเศษอยู่ ให้ตายเถอะ มีการอบรมกันบ้างไหม แฮมิลตันโดนพวกแกทำขายหน้าหมดแล้ว!”
จอห์นพูขมวดคิ้วมองชายคนนั้นแล้วพูดว่า “คุณลากร็องฌ์ คุณช่วยดูดีๆ หน่อยได้ไหมว่าที่นี่ที่ไหน?! นี่คือฟาร์มของเหมา พวกเราจัดปาร์ตี้กันที่ฟาร์มตัวเอง คุณยุ่งได้เหรอ?”
หมาอเมริกันบูลลี่น้อยที่ถูกฉินสือโอวดีดหัวไปกำลังโกรธ เห็นคนอื่นมากร่างที่อาณาเขตบ้านตัวเองก็วิ่งเข้าไปอย่างหัวเสียแล้วเห่าใส่ชายในชุดสูท
เจ้าลายขาวที่นำหน้าวิ่งไวที่สุด วิ่งตรงไปตรงหน้าชายชุดสูทแล้วเงยหน้าเห่าใส่เขา ชายคนนั้นนิสัยไม่ดีเห็นๆ ยกเท้าเตะเข้าไปที่หัวของเจ้าอเมริกันบูลลี่น้อยจนกระเด็น
สีหน้าของฉินสือโอวเปลี่ยนไปทันที เขาไม่รู้จักชายคนนี้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเขากับเหมาเหว่ยหลงและเจ้าของฟาร์มพวกนี้มีปัญหาอะไรกัน แต่มาฟาร์มคนอื่นแล้วยังกร่างขนาดนี้ก็ล้ำเส้นไปหน่อย
ที่แย่ที่สุดก็คือไอ้นี่กล้าเตะหมาบ้านเขา? ให้ตายเถอะ ฉินสือโอวเองยังตีพวกมันไม่ลงเลย!
ฟังเสียงร้องหงิงๆ ของหมาอเมริกันบูลลี่น้อย ฉินสือโอวก็ตะโกนคุยกับเบิร์ดที่อยู่ไม่ไกล “จัดการมัน!”
หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับเหมาเหว่ยหลงอีก “แจ้งตำรวจ! บอกตำรวจว่ามีคนบุกรุกฟาร์ม!”
เบิร์ดมองชายคนนั้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์มาตลอด พอได้ยินฉินสือโอวสั่ง เขาก็พุ่งเข้าไปทันที ชายชุดสูทเห็นท่าทีดุดันของเขาก็เกิดกลัวขึ้น ยื่นมือออกไปชี้พลางตะคอกใส่เขา “แกกล้าเหรอ…”
เบิร์ดคว้าหมับเข้าที่แขนของชายชุดสูทที่ยื่นออกมาแล้วอ้อมไปข้างหลังก่อนจะยกเท้าเตะเข้าที่หลังเข่า มือทั้งสองเคลื่อนไหวจับแขนของเขาไพล่ไว้ข้างหลัง เผชิญหน้าทีเดียวก็เล่นเอาจนชายคนนั้นโดนจับคุกเข่าร้องโหยหวนกับพื้น
“ปล่อย ปล่อยมือฉัน! ไอ้สวะ ไอ้พวกเวร! รอโดนฟ้องเถอะ แม่งเอ๊ย ฉันจะเอาให้แกบ้านแตก โอ๊ยๆๆๆ เวร! เจ็บจะตายอยู่แล้ว! ปล่อยมือสิ! เอามือของแกออกไปสิวะ…” ชายคนนั้นด่ารัวราวกับร้องแร็ป ท่าทางดุดันเอาการ
ฉินสือโอวมองไปทางเหมาเหว่ยหลงแล้วพูดขึ้น “ไอ้หมาบ้านี่ใคร?”
เหมาเหว่ยหลงตอบด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เขาชื่อว่าเบิร์ต ลากร็องฌ์ มีฟาร์มในเมืองเหมือนกัน แต่เอาไว้พักผ่อนโดยเฉพาะ อาชีพจริงๆ คือทนายความ ว่ากันว่ามีชื่อเสียงมากที่แฮมิลตันกับควิเบก”
ทนายก็ดีสิ ฉินสือโอวเดินเข้าไปพลางแค่นยิ้มมองที่ลากร็องฌ์แล้วเอ่ยปาก “นี่เพื่อน ดุจริงๆ เลยนะ ดุกว่ามาเฟียอีก! แต่ว่าแกมากร่างผิดที่ นี่คือที่ของเรา แกเป็นทนาย น่าจะรู้ว่าผลที่ตามมามีอะไรบ้างนี่?”
ลากร็องฌ์ในตอนนี้เจ็บจนใบหน้าบูดเบี้ยว จะไปตอบเขาได้อย่างไรล่ะ? แค่เขาอ้าปากเบิร์ดก็จะเอาแขนทั้งสองข้างที่ไพล่หลังของเขายกขึ้นเล็กน้อยจนกระดูกส่งเสียง ‘แกร็กๆ’ ลากร็องฌ์เจ็บจนร้องไม่ออกด้วยซ้ำ
สถานีตำรวจในเมืองเล็กก็มีคนเข้าเวรตอนกลางคืน ไม่นานก็มีรถตำรวจขับเข้ามาในฟาร์ม
“เกิดอะไรขึ้น? มีใครบอกผมได้บ้าง?” ตำรวจร่างผอมแห้งถามหน้าเคร่ง
จอห์พูมีคอนเนคชั่นในเมืองมากที่สุด เขาอยากเข้าไปอธิบาย แต่ฉินสือโอวแย่งพูดก่อน “เรากำลังจัดปาร์ตี้กัน ปรากฏว่าเจ้าบ้านี่ก็ขับรถบุกเข้ามา พอลงจากรถก็ด่า เตะหมาที่เราเลี้ยงไว้กระเด็นด้วยซ้ำ ผมว่าไอ้งั่งนี่คงเสพกัญชาไม่ก็ทำอะไรมาเขาถึงไม่มีสติแบบนี้!”
ตำรวจมองไปทางลากร็องฌ์ เบิร์ดปล่อยมือออก ลากร็องฌ์ร้องอวดครวญล้มลงบนพื้นหญ้าแล้วด่าออกมา “ไอ้ ไอ้เวร!”
“หยุดด่าเถอะคุณ เกิดอะไรขึ้น?” ตำรวจมองไปทางลากร็องฌ์ด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร ดูท่ากับทนายคนนี้พวกเขาก็ไม่ค่อยชอบ
ลากร็องฌ์ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา แขนห้อยอยู่ข้างลำตัวอย่างกับพิการไปแล้ว เขาตะคอกออกมา “ฉันจะแจ้งจับพวกมันข้อหาส่งเสียงดังรบกวน! ฉันจะแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย! ฉันจะแจ้งข้อหารวมตัวกันอย่างผิดกฎหมาย…”
“ขอโทษทีนะครับ ตอนนี้คุณต่างหากที่ถูกแจ้งข้อหา” คุณตำรวจพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “คุณอธิบายมาก่อนดีกว่าไหมว่าทำไมคุณถึงมาโผล่ที่บ้านของคนอื่น?”
ต่อหน้าตำรวจ ลากร็องฌ์ได้ความมั่นใจคืนมา เขาพูดว่า “เพราะผมมาเตือนพวกเขาน่ะสิ การรวมตัวผิดกฎหมายของพวกเขาสร้างเสียงรบกวนที่ดังเกินไป ร้ายแรงจนรบกวนถึงผม!”
ฉินสือโอวถามเหมาเหว่ยหลงเสียงค่อย “ฟาร์มของเจ้านี่อยู่ที่ไหน?”
เหมาเหว่ยหลงยิ้มขมขื่นแล้วชี้ไปที่ด้านหลังของตัวเองก่อนจะพูดขึ้น “ให้ตายเถอะ ซวยจนได้ มาเป็นเพื่อนบ้านกับไอ้งั่งนี่”
ฉินสือโอวอับจนคำพูด
เรื่องอื่นเขารู้ดี คนคนนี้มาหาเรื่องโดยเฉพาะ การจัดปาร์ตี้พบได้ทั่วไปในแคนาดา ต่อให้เป็นครอบครัวธรรมดาจัดปาร์ตี้ เพื่อนบ้านก็จะเข้าใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนี่คือในฟาร์ม ระยะห่างไกลจะตาย แม้ว่าพวกเขาจะเสียงดังไปสักหน่อย แต่พอเสียงไปถึงฟาร์มอื่นก็แทบจะไม่ได้ยินแล้ว
แต่ในเมื่อมีคนหาเรื่องก็ไม่มีทางเลือก ปีที่แล้วที่มาแคนาดาเขาเห็นข่าวข่าวหนึ่ง ในนั้นเขียนว่าผู้อพยพชาวบราซิลคนหนึ่งจัดปาร์ตี้เสียงดังเกินไปจึงถูกเพื่อนบ้านแจ้งข้อหาส่งเสียงดังรบกวน จากนั้นก็ถูกตำรวจพาตัวไปตักเตือน
ผู้อพยพชาวบราซิลคนนั้นน่าสงสารมาก ตอนนั้นเขาไม่ได้เสียงดังขนาดนั้น เอาอะไรไปหาว่าเขาส่งเสียงรบกวน? เหตุผลที่โจทก์ให้ในศาลก็คือเขาเป็นผู้ป่วยโรคประสาทอ่อน ที่บ้านเลี้ยงหมาตัวหนึ่ง หมาตัวนั้นได้ยินเสียงแล้วก็เห่าไม่หยุดจึงเป็นการรบกวนเขาอย่างมาก
ตอนนั้นฉินสือโอวอ่านข่าวนี้แล้วตกใจมาก นี่มันแถกันชัดๆ นี่? เป็นโรคประสาทอ่อนแล้วจะเลี้ยงหมาทำไม? หมาบ้านตัวเองเห่าแล้วเกี่ยวอะไรกับคนอื่น? งั้นตัวเองเลี้ยงหมาแล้วรอบบ้านก็ห้ามมีคนมาอยู่งั้นสิ?
สุดท้ายปรากฏว่าผู้ชนะคดีคือโจทก์ แม้ว่าศาลจะให้เหตุผลมากมาย แต่ที่จริงมีเพียงสาเหตุเดียว โจทก์เป็นชาวพื้นเมือง ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นชาวบราซิลที่ไม่มีงานมั่นคง
สังคมคนขาวก็แบบนี้ การดูถูกมีอยู่ทุกที่ ฉินสือโอวชินแล้ว ฉะนั้นเขาก็เลยชอบอยู่ในสังคมเกาะแฟร์เวล คนที่อยู่ที่นั่นมีแต่ชาวประมงที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่มีการเหยียดหยามกัน
ดีที่แม้ว่าคนแจ้งจะเป็นคนขาว แต่คนขาวคนนี้ก็ไม่ค่อยมีใครชอบ ตำรวจไม่ยอมทำการสอบสวน ยืนยันจะไกล่เกลี่ยทางแพ่ง
ลากร็องฌ์ให้ตายอย่างไรก็ไม่เห็นด้วยกับการไกล่เกลี่ยทางแพ่ง แถมยังจะร้องเรียนเรื่องที่เบิร์ดทำร้ายร่างกายเขาด้วย
ฉินสือโอวเห็นมันเก่งขนาดนี้ งั้นเราก็คงต้องมาคุยกันสักหน่อย เขาจะทำในแบบของตัวเอง ต้องจัดการเจ้านี่เสีย!
……………………………………………………..