ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 707 โพไซดอนเกลือกกลิ้ง
พวกอันธพาลเลือกศัตรูผิดคนผิดที่ผิดเวลา
พวกเขาไม่ควรมีเรื่องกับฉินสือโอวในซอยเลย แล้วก็จริง ซอยแคบทำให้คนที่ติดเบ็ดไม่มีทางหนี แต่ก็หมายความว่าพวกเขาไม่สามารถใช้ข้อได้เปรียบเรื่องคนเยอะมาต่อกรกับฉินสือโอวด้วย
หมัดเดียวอัดจนชายฉกรรจ์ที่อยู่ใกล้ที่สุดล้มลง ฉินสือโอวหันขวับไปมองด้านหลัง ชายหนุ่มสองคนเบียดกันกระโจนเข้ามา เขากระโดดไปด้านหลัง ยึดเท้าซ้ายเป็นหลักแล้วงอเข่าเตะเท้าขวาออกไป ราวกับประทัดที่พุ่งออกไป เท้าเตะลงที่ชายหนุ่มที่นำหน้ากระเด็นไปพร้อมกับอีกคนที่อยู่ข้างๆ
ตรงหน้าเขาก็มีคนพุ่งเข้ามาอีก ฉินสือโอวย่อตัวลงหลบการกอดของคนคนนั้นอย่างว่องไว เขาออกหมัดทั้งสองราวงูพิษที่กำลังแลบลิ้นสำรวจสภาพแวดล้อม ‘ผลัวะๆ’ ทุบลงบนท้องของคนคนนั้น
คนคนนั้นร้องโอดโอยกอดท้องตัวเองคุกเข่าบนพื้นอย่างกับกองโคลนตม
มีอีกคนที่พุ่งเข้ามาทางด้านหลัง ฉินสือโอวดึงชายหนุ่มที่ล้มอยู่บนพื้นตรงหน้าขึ้นมาแล้วสะบัดออกไปราวโยนขยะทิ้ง แล้วก็ประชิดเข้าไป เท้าขวายกขึ้นได้ก็ก้าวข้ามชายหนุ่มที่ถูกสะบัดและกระทืบลงบนร่างของชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านหลัง
‘กร๊อบ’ ไม่รู้ว่าเสียงกร๊อบดังมาจากไหน ชายฉกรรจ์โดนอัดจนเตี้ยไปครึ่งเมตร คุกเข่าลงบนพื้นในพริบตา ส่งเสียงร้องโอดครวญยังไม่ออกด้วยซ้ำ
ผู้ชายทั้งหมดเจ็ดคน มีห้าคนถูกอัดจนล้มภายในพริบตาเดียวแถมยังเสียเรี่ยวแรงต่อสู้ไปหมดด้วย ชายหนุ่มที่วิ่งอยู่ข้างหลังสองคนเหงื่อแตกทันที แล้วมองฉินสือโอวด้วยสายตาราวกับเห็นผี
“ไม่ๆๆ…” เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดพึมพำปากสั่น
ฉินสือโอวแค่นยิ้มเย็น นึกไม่ถึงว่าคนคนนี้จะออกเสียงคำจีนว่า ‘ปู้’ ดูท่าก็พอมีความรู้นี่ แต่ว่ามาพูดตอนนี้จะไม่ช้าไปหน่อยเหรอ?
ปรากฏว่าเด็กหนุ่มคนนั้นพยายามอ้าปากพูดจนจบ “บะๆๆ บรูซ ลี!”
ไอ้นี่ ฉินสือโอวก่นด่าในใจ ที่แท้ที่เขาพูดก็คือบรูซ ลีซึ่งก็คือราชาแห่งกังฟูหลีเสี่ยวหลง เขานึกว่าไอ้หนุ่มนี่จะพูดจีนเป็นเสียอีก
จะดีจะเลวก็เอาให้สุด ฉินสือโอวไม่อยากจะปล่อยสองคนนี้ไปหรอก ถ้าเกิดพวกเขาล้วงปืนออกมาก็แย่เลย
เขาฉวยโอกาสตอนที่ทั้งสองคนร้องด้วยความประหลาดใจวิ่งพุ่งรวบจากสามก้าวเป็นสองก้าวเข้าไป ใช้หมัดโจมตีจุดสำคัญอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว หมัดเดียวก็อัดเด็กหนุ่มตรงหน้าลงไปกองบนพื้น
หลังจากนั้นก็คว้าเสื้อของเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหลัง เอาแขนมาพาดไหล่แล้วก็บิดเอวออกแรงคว้าไหล่ของเด็กหนุ่มก่อนจะทุ่มลงพื้นราวทุ่มกระสอบ
ผู้ชายเจ็ดคน ล้มไปได้เจ็ดครั้ง ทุกๆ ครั้งล้วนรวบรัด นักมวยมืออาชีพก็แค่นี้เองแหละ!
จนถึงตอนนี้ มือถือถึงมีเสียงตำรวจดังลอดออกมา “นี่คือ911ศูนย์รายงานเหตุฉุกเฉิน คุณอยู่ที่ไหนคะ? ที่อยู่คือที่ไหน? ต้องการความช่วยเหลืออะไรคะ?”
ฉินสือโอวกำลังหงุดหงิดรำคาญใจอยู่เลยตอบไปแบบไม่คิด “พวกคุณหาพิกัดไม่ได้หรือไง? รีบส่งตำรวจมา แม่งเอ๊ย เหตุการณ์เลวร้ายแน่อยู่แล้ว!”
“ขออภัยด้วยค่ะคุณผู้ชาย ขอให้คุณช่วยบอกตำแหน่งที่ตั้งแบบละเอียดด้วย พวกเราทำได้เพียงหาพิกัดคร่าวๆ ของคุณผ่านสัญญาณ ไม่สามารถหาพิกัดละเอียดได้ค่ะ…” หญิงสาวปลายสายพูดอย่างอ่อนโยนและใจเย็น
ฉินสือโอวกำลังจะอธิบายก็พบว่าเจ้าเด็กต้นตอปัญหาหายไปแล้วเลยรีบวิ่งไปดูที่ปากทาง เงาร่างเล็กกำลังวิ่งสุดแรง ดูท่าทางแล้วไม่เหมือนกับเด็กหกเจ็ดขวบ วิ่งไวดีเหมือนกัน
“ไอ้เด็กเวร!” ฉินสือโอวด่าออกไป ไม่ทันสนใจตอบเรื่องที่อยู่ก็วิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
เด็กคนนั้นเจ้าเล่ห์มาก วิ่งไปก็ร้องเสียงเล็กแหลมไปด้วย “ตำรวจม้าแคนาดารังแกคน! ตำรวจม้าแคนาดารังแกเด็ก! รีบมาดูกันเร็ว!”
ได้ยินคำพูดของเด็ก ฉินสือโอวที่วิ่งตามหลังก็อับจนคำพูดทันใด เจ้าเด็กนี่ต้องฉลาดขนาดไหน วิธีแบบนี้ก็คิดได้!
ผู้อพยพแคนาดามีมากมาย แต่ละบ้านวัฒนธรรมก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ค่อยมีใครสนใจเรื่องของคนอื่น เพราะว่าเรื่องที่ไม่ถูกต้องในสายตาของคนเอเชียอาจเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาของครอบครัวชาวอเมริกาใต้ เรื่องเปลืองแรงเปล่าก็หมายถึงสถานการณ์แบบนี้
ดังนั้นถ้าเจอคนทะเลาะตบตีกันหรือเรื่องไม่ดีอย่างอื่น คนแคนาดาจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย พวกเขาจะหลบไปให้ไกลและโทรแจ้งตำรวจ
แต่มีสถานการณ์หนึ่งที่เป็นข้อยกเว้น นั่นก็คือถ้าเป็นตำรวจเสียเองที่ทำเรื่องจนทำให้เกิดขัดแย้งกับประชาชน แบบนั้นคนที่ ‘ยื่นมือเข้าช่วย’ ก็จะเยอะขึ้น ตำรวจแคนาดาไม่กล้ามีเรื่องกับคนจ่ายภาษี ไม่กล้าพูดแรงๆ ด้วยซ้ำ
ถ้าเด็กคนนั้นตะโกนแบบนี้บนถนน ดีไม่ดีอาจมีคนเข้ามาดึงตัวฉินสือโอวไว้ แบบนั้นเด็กน้อยก็สามารถฉวยโอกาสหนีไปได้ น่าเสียดายที่นี่เป็นซอยเล็ก ไม่มีเงาคนเลย เขาตะโกนไปตะโกนมานอกจากจะทำให้แมวหนูตกใจตัวโยนก็ไม่มีประโยชน์อะไรอย่างอื่น
ฉินสือโอวไล่ตามเด็กคนนั้นทันในไม่กี่ก้าว คว้าได้ก็ยกตัวขึ้นมา เด็กคนนั้นใช้สเปรย์ในมือฉีด ‘ฉึดๆๆ’ เต็มหน้าเขาไปหมด!
คราวนี้ฉินสือโอวแย่แล้ว เขารับรู้ได้แค่ว่าหน้าเขาชาแสบ ตาก็ยิ่งเจ็บจนยากหาอะไรเทียบ โดนเข้าไปเต็มๆ
แต่เขาก็โหดอยู่เหมือนกัน รู้ดีว่าถ้าปล่อยเด็กคนนี้ไปจะต้องวุ่นวายแน่ๆ เขาถลึงตาที่มองอะไรไม่ชัดอย่างเกรี้ยวกราดแล้วตะคอกใส่เด็กคนนั้น “แกตายแน่! ไอ้หนู แกตายแน่!”
เพื่อจะกันไม่ให้เด็กชายใช้อุบายอะไรอีก เขาจึงรีบถอดเข็มขัดมามัดเด็กคนนั้นไว้แล้วก็บอกตำแหน่งกับสถานการณ์กับ911ที่ยังไม่วางสายให้พวกเรารีบส่งคนมา
โทรหา911เสร็จ ฉินสือโอวยังอยากโทรหาเออร์บักอีกสาย น่าเสียดายที่เขามองหน้าจอมือถือไม่ชัด
แต่ต่อมาก็มีคนโทรหาเขา พอรับสายก็เป็นรัฐมนตรีแมทธิว จิน เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังแล้วให้เขารีบมา
ตามองไม่เห็นอะไรเลย ฉินสือโอวทั้งไร้ความช่วยเหลือและหวาดกลัว ตอนนี้เขากลัวว่าในหมู่คนที่เขาอัดจนน่วมจะมีคนยืนขึ้นมาได้ ถ้าเกิดพวกนั้นมีปืน เขาได้ตายไม่รู้เรื่องแน่ๆ!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่านานมากๆ ในที่สุดก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น มีคนตะโกนมาจากที่ไกลๆ ว่า “อาร์ซีเอ็มพี! คุกเข่าลง! สองมือประสานท้ายทอย! ย้ำอีกครั้ง! คุกเข่าลง! สองมือประสานท้ายทอย!”
ฉินสือโอวนั่งยองอยู่นานแล้ว ไม่ใช่แค่นั่งยองเท่านั้น ยังห่อตัวด้วย เพราะเขากลัวว่าอันธพาลพวกนั้นจะเจอเขาและยิงเขาเสีย
ก็ได้ ต้องยอมรับว่า เฮียฉินตอนนี้กลัวแล้ว!
อาร์ซีเอ็มพีก็คือ Royal Canadian Mounted Police หมายถึงตำรวจม้าแคนาดา พอพวกเขามาฉินสือโอวก็วางใจได้แล้ว
ทุกคนถูกส่งเข้ารถตำรวจ พอถึงสถานีตำรวจก็มีคนช่วยเขาล้างตาจนการมองเห็นค่อยๆ ฟื้นคืน คนที่ช่วยเขาล้างตาพูดเสียงอ่อนโยนว่า “หลับตาครู่หนึ่งก่อน อย่าเพิ่งรีบลืมตา เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
ฉินสือโอวเห็นรางๆ ว่าคนคนนั้นสวมเสื้อคลุมสีขาว เขาจึงเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณนะครับคุณหมอ สถานีพวกคุณนี่ดีจัง มีหมอประจำอยู่ด้วย!”
คนคนนั้นหัวเราะแล้วเอ่ยตอบ “ไม่เป็นไร ฉันเป็นนักนิติวิทยาศาสตร์”
ฉินสือโอว “งั้นก็ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณท่านที่คุ้มครองให้ผมได้รับความช่วยเหลือจากคุณตอนที่ผมมีสติ!”
นักนิติวิทยาศาสตร์ “…”
…………………………………………………..