ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 713 ของแห้งชั้นดี
ท่าเรือน็อดดี้เบย์ควีนเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ถูกปิดโดยกรมประมง นับตั้งแต่สิบปีก่อนที่นี่ก็ไม่อนุญาตให้มีการจับปลาค็อดเพื่อธุรกิจอีกเลย
แต่ปลาค็อดถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์หลักของท่าเรือแห่งนี้ การที่ผลผลิตได้รับความเสียหายแบบนี้ ทำให้เศรษฐกิจของท่าเรือที่นี่ถึงขั้นล้มละลาย เริ่มจากปริมาณการจับปลาที่ลดลง ทำให้โรงงานแปรรูปต่างๆ ได้ทยอยปิดตัวลง ต่อด้วยผู้คนจำนวนมากที่พากันย้ายออกไป ทำให้ร้านค้าก็ปิดกิจการไปตามๆ กัน จนกระทั่งถึงปีที่แล้วโรงเรียนเพียงแห่งเดียวของที่นี่ก็ได้ปิดตัวลง
พอพูดถึงตรงนี้ เถ้าแก่หัวโล้นก็เริ่มหดหู่ เขาพูดว่า “พวกคุณดูสิ บ้านเรือนที่นี่ที่สร้างอยู่ประปรายนั้น มองดูไปเก่ามากใช่ไหมครับ? แต่ความจริงแล้วเมื่อก่อนไม่ใช่อย่างนี้นะครับ ที่ว่างที่เห็นอยู่นี้เมื่อก่อนได้เต็มไปด้วยบ้านเรือน บ้านเรือนของพวกเราได้ถูกออกแบบให้สร้างอยู่ตามแนวถนน แต่น่าเสียดายที่หลังจากนั้นพวกชาวบ้านที่ตัดสินใจย้ายออกไป ก็ถึงขั้นย้ายบ้านออกไปด้วยทั้งหลัง”
ฉินสือโอวเดินไปตามทางอย่างเงียบๆ ฟาร์มปลาเล็กๆ แห่งนี้มีหลายจุดที่คล้ายกับเมืองแฟร์เวลเมื่อปีครึ่งก่อนมาก ทั้งเศรษฐกิจที่ถดถอย ประชากรที่เต็มไปด้วยผู้สูงอายุและชาวประมงที่ลำบากแร้นแค้น
แต่ทว่า สภาพแวดล้อมของประเทศอย่างแคนาดานั้นดีมาก สองข้างทางเต็มไปด้วยดอกไม้ริมทางที่สีสันสวยงาม แถมยังมีผลไม้ตระกูลเบอร์รีพวกแบล็กเบอร์รีและบลูเบอร์รีอีกด้วย
รถรางก็น้อย จึงทำให้มลภาวะน้อย ผลไม้ที่ฉินสือโอวเด็ดออกมาจึงสามารถกินได้ทันที
เมื่อเห็นเขาเด็ดผลไม้ป่าพวกนี้มากิน บัคเคอร์ที่เมื่อวานเสียเงินมากที่สุดก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นมาว่า “บ้านนอก”
ฉินสือโอวยิ้มๆ ไม่เอาเรื่อง ตอนนี้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ จึงไม่อยากสนใจคนจำพวกนี้เท่าไร จึงพูดขึ้นมาว่า “ฉันชนะได้เงินมาสองล้าน”
ตาของบัคเคอร์แดงก่ำขึ้นมาทันที
ระหว่างที่เดินไปตามทาง พวกเขาได้พบกับชาวประมงเก่าแก่ที่สวมชุดดำน้ำอยู่บ้าง เถ้าแก่หัวโล้นพูดทักทายคนพวกนี้ พวกเขาก็พยักหน้าให้กับกลุ่มของฉินสือโอวอย่างเป็นมิตร จากนั้นก็กลับบ้านไปอย่างใจเย็น เห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ว่าที่นี่เหมือนเป็นดินแดนในอุดมคติขึ้นมานิดนึง
ในตอนนี้หมู่บ้านชาวประมงที่นี่มีเพียงคนแก่กับเด็กๆ ที่ยังอาศัยอยู่เท่านั้น เพื่ออนาคตของพวกเขาเอง เหล่าคนหนุ่มสาวที่มีความรู้มีวัฒนธรรมต่างก็พากันไปเติบโตในเมืองใหญ่กันหมด ส่วนคนที่ไม่มีทั้งความรู้และวัฒนธรรมไม่ทำงานที่ฟาร์มปลา ก็ขายแรงงานโดยการไปทำงานบำรุงซ่อมแซมที่แท่นขุดเจาะน้ำมันบนทะเลกันหมด
“ตอนนี้มีเด็กอยู่ทั้งหมดหกคน หลังจากพวกเขาออกไปจากที่นี่แล้ว หมู่บ้านชาวประมงของพวกเราก็คงต้องบอกลาประวัติศาสตร์กันจริงๆ แล้วล่ะ” เถ้าแก่หัวโล้นพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ระหว่างทางตอนที่เดินผ่านร้านขายของแห้งนั้น เถ้าแก่หญิงที่ผมขาวโพลนได้มองไปที่กลุ่มของพวกเขาแล้วทักทายอย่างเป็นมิตร “คุณๆ ทั้งหลาย สนใจพวกปลาตากแห้ง แผ่นปลา หรือกุ้งฝอยไหมคะ? ล้วนแต่เป็นของธรรมชาติที่ทำเองกับมือทั้งนั้น รสชาติดีแถมสะอาด พวกคุณไม่ซื้อไปหน่อยเหรอคะ?”
แต่คนกลุ่มนี้ไม่ได้ขัดสนพวกผลิตภัณฑ์ทางทะเลเลย ของที่มีอยู่ในฟาร์มปลาของพวกเขาเองก็ยังไม่รู้จะขายให้ใครเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะส่ายหัวกัน
ฉินสือโอวมองดูผิวพรรณที่หยาบกร้านกับหลังที่โค้งโก่งของเถ้าแก่หญิง ก็ส่ายหัวเช่นกัน จากนั้นหลังจากที่คนทั้งกลุ่มพากันกลับไปถึงโรงแรมและพักผ่อนตามอัธยาศัยแล้ว เขาก็ย้อนกลับไปที่แผงขายของแห้งของเถ้าแก่หญิงอีกครั้ง
เมื่อเห็นการมาถึงของเขา เถ้าแก่หญิงก็รีบเข้ามาทักทาย มีสุนัขนิวฟันด์แลนด์สีดำตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาดูลาดเลา แล้วดมกลิ่นเขาด้วยความแปลกใจ เถ้าแก่หญิงตะโกนออกมาคำหนึ่งว่า ‘เรือรบ’ เจ้าหมาน้อยตัวสีดำจึงรีบวิ่งหนีออกไปทันที
ปลาตากแห้งพวกนี้เป็นของที่คนทำเองจริงๆ ปลาค็อดสีขาวสะอาดถูกตากจนมีสีออกเหลือง นี่เป็นเพราะน้ำมันในเนื้อปลาที่ซึมออกมา แบบนี้รสชาติจะดียิ่งกว่า
เนื้อปลาสีเหลืองที่พบเห็นในท้องตลาดนั้นเป็นสีจากสีผสมอาหารทั้งนั้น เพราะการจะตากให้ได้สีแบบนี้นอกจากต้องใช้ทั้งเวลาและแรงแล้ว ยังต้องทำความสะอาดเนื้อปลาอยู่ตลอด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะใช้วิธีนี้ในการผลิตปริมาณมากๆ
ฉินสือโอวลองชิมพวกกุ้งฝอยและหอยตากแห้ง ในความสดนั้นแฝงไปด้วยรสเค็มปนหวาน คุณภาพดีมาก
เขาถามราคา เถ้าแก่หญิงให้ราคาที่ถูกกับเขา ปลาค็อดตากแห้งราคาเพียงชั่งละ14ดอลลาร์แคนาดา กุ้งฝอยชั่งละ42ดอลลาร์แคนาดา ส่วนเนื้อหอยตากแห้งราคาชั่งละ70ดอลลาร์แคนาดา ของตากแห้งอื่นๆ ก็ราคาถูกมากเช่นกัน
ฉินสือโอวเหมาทั้งหมด เขาให้ที่อยู่ของเขากับเถ้าแก่หญิงไว้ ให้เธอส่งขนส่งไปให้เขาแทน
“เหมาหมดเลยเหรอคะ?” เถ้าแก่หญิงถามอย่างแปลกใจ เพราะของแห้งที่เขามีในร้านนั้นมีไม่น้อยเลยทีเดียว
ฉินสือโอวพยักหน้า หลังจากชั่งน้ำหนักเรียบร้อยแล้ว ปลาค็อดมีทั้งหมด 400 กว่าชั่ง กุ้งฝอยมีเก้าสิบกว่าชั่ง เนื้อหอยตากแห้งก็มีถึงห้าสิบกว่าชั่ง จากนั้นยังมีพวกลูกปลาตากแห้ง ปลิงทะเลตากแห้งกับกระดูกปลาย่าง เถ้าแก่หญิงคิดๆ รวมเป็นเงินทั้งหมดหนึ่งหมื่นหกพันกว่าดอลลาร์แคนาดา
บวกค่าขนส่งแล้ว ฉินสือโอวให้เงินเถ้าแก่หญิงไปหนึ่งหมื่นแปดพันดอลลาร์ เถ้าแก่หญิงบอกว่าค่าขนส่งเธอเป็นคนออกเองก็ได้ ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่าไม่เป็นไรหรอก ให้เขาออกเถอะ
ค่าขนส่งของพวกนี้นั้นไม่ได้ถูกเลย อย่างน้อยๆ ก็หลักพันดอลลาร์ สำหรับฉินสือโอวแล้วก็แค่ค่าข้าวไม่กี่มื้อเท่านั้น แต่สำหรับเถ้าแก่หญิงแล้ว คงเป็นค่าครองชีพสำหรับหนึ่งถึงสองเดือนเลย
หลังซื้อของพวกนี้แล้ว ฉินสือโอวยังถ่ายรูปไว้ด้วย จากนั้นก็ส่งรูปไปให้กับบัตเลอร์ แล้วโทรไปบอกเขาว่า “ผมมาที่หมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึ่งได้ของแห้งที่คุณภาพดีมาจำนวนหนึ่ง คิดว่าอีกสองวันของก็ถึงเซนต์จอห์นแล้ว ครั้งหน้าที่คุณมารับปลา ก็เอากลับไปที่ไมอามีด้วยเลยนะ เอาไปขายราคาสูงได้ไม่มีปัญหาแน่นอน”
บัตเลอร์มีจรรยาบรรณในอาชีพสูงมาก เขาจึงพูดอย่างลำบากใจว่า “ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีมั้งครับ? ร้านของผมขายโดยใช้ชื่อของฟาร์มปลาของคุณนะครับ ผมบอกลูกค้าของเราทุกคนว่าอาหารทะเลของเราล้วนเป็นของที่เลี้ยงในเขตน้ำทะเลที่ได้รับการควบคุมทั้งนั้นนะครับ”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ง่ายมาก? แบรนด์ของเราคงไม่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มาจากฟาร์มปลาของตัวเองได้ตลอดไปหรอกใช่ไหม? เพราะประเภทของผลิตภัณฑ์มีน้อยเกินไป คงไม่ไหวแน่! ดังนั้นแบรนด์ของเราต้องแบ่งเป็นสองแบบ แบบแรกคือผลิตภัณฑ์ที่เราผลิตเอง อีกแบบคือสินค้าคุณภาพดีที่ผ่านการรับรองจากเราแล้ว!”
เมื่อได้ยินฉินสือโอวพูดแบบนี้ บัตเลอร์ก็หัวเราะขึ้นมา บอกว่าคุณนี่เป็นนักธุรกิจโดยกำเนิดจริงๆ
ฉินสือโอววางสายแล้วยิ้มเจื่อนๆ นักธุรกิจโดยกำเนิดอะไรกัน อเมซอนไชน่าของบริษัททีมอลในประเทศจีนเอง ก็ล้วนมีช่องทางที่จัดจำหน่ายเองกับฝากคนอื่นขายทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? เขาเองก็แค่ทำการเปลี่ยนรูปแบบผลิตภัณฑ์เท่านั้น
คุณภาพของของแห้งพวกนี้เขาตรวจสอบแล้ว แม้ว่าจะให้ฟาร์มปลาของเขาทำการตากแห้งเอง ก็ไม่แน่ว่าจะได้คุณภาพระดับนี้มา เพราะว่าไม่ได้มีแรงกับความอดทนขนาดนั้น ดังนั้นขอแค่สามารถหาช่องทางจัดจำหน่ายที่เหมาะสมได้ ก็จะทำกำไรได้อย่างแน่นอน
มื้อกลางวันทานที่โรงแรม ก่อนจะทานข้าว เถ้าแก่ได้มาหาฉินสือโอวแล้วพูดกับเขาว่า “พ่อหนุ่ม คุณซื้อของจากร้านโอลิเวียเหรอครับ?”
ฉินสือโอวเดาว่าเขาน่าจะพูดถึงของแห้งพวกนั้น จึงพยักหน้าแล้วถามว่าทำไมเหรอครับ
เถ้าแก่หัวโล้นจึงหัวเราะขึ้นมา ตบไหล่เขาเบาๆ แล้วพูดอย่างซาบซึ้งใจว่า “ขอบคุณคุณมากครับ ผมได้ยินมาว่าคุณให้ราคาที่ดีกับโอลิเวียมาก ผมไม่ได้เจอคนที่ใจดีเหมือนคุณมานานมากแล้ว เดี๋ยวกลางวันผมจะเลี้ยงปูคางคกคุณเอง (หมายถึงเชิญให้เล่นการพนัน)”
ทุกคนเข้าใจในความหมายของเถ้าแก่หัวโล้นทันที บัคเคอร์มองฉินสือโอวด้วยสายตาไม่สบอารมณ์อีกครั้งแล้วพูดว่า “เสแสร้ง!”
ฉินสือโอวหัวเราะอย่างดีใจแล้วพูดว่า “ฉันใช้เงินไปแล้วหนึ่งหมื่นแปดพันกว่าดอลลาร์ ยังเหลืออีกหนึ่งล้านเก้าแสนแปดหมื่นสองพันดอลลาร์ ฉันชอบการพนัน”
ตอนนี้ไม่เพียงแต่บัคเคอร์ แม้แต่ชาร์ลสเองก็ตาแดงก่ำขึ้นมา แล้วตะโกนว่า “เมื่อวานถือว่าแกดวงดี มาพนันกันอีกครั้ง กล้าหรือเปล่า?”
“พวกนายว่ามาเลย พนันอะไร?” ฉินสือโอวพูดอย่างสบายใจ
“เท็กซัส โฮลเอ็ม!”
“ไม่เอา! การพนันด้วยไพ่เป็นเด็กเลว!”
“ไฟฟ์การ์ดสตัด!”
“ไม่มีสมองเหรอไง? ก็บอกแล้วไงว่าการเล่นพนันด้วยไพ่มีแต่เด็กเลวเล่น!”
“พนันแข่งม้า!”
“พนันประตูถัดไป!”
“อะไรนะ?”
“หมายความว่าไม่พนัน พวกแกไปคิดเองแล้วกัน ถ้าคิดอะไรที่ฉันสนใจได้แล้วค่อยมาหาฉัน ตอนนี้ฉันจะไปจับปูคางคกกับเถ้าแก่แล้ว” ฉินสือโอวโบกปัดมือไปมา รู้สึกว่าหยอกเจ้าพวกนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ จึงท่าท่าเลียนแบบคนที่เหงาเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย ก็คือเอามือไขว้หลังแล้วเดินจากไป
…………………….