ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 732 สนับสนุนการเลือกตั้ง
เมื่อเห็นเหล่ากั้งตีขาเล็กๆ ของมันลอยขึ้นมาจากก้นทะเล ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะปวดใจ เขาลืมเหล่านักรบผู้เก่งกาจฝูงนี้ไปได้อย่างไรกัน!
แต่ว่ายังดีที่เขาได้ตระหนักถึงวิกฤตที่จะเกิดขึ้นไว้ก่อน แน่นอน แม้ว่ามันจะเร็วเกินไปก็ไม่เป็นไร ด้วยการพึ่งพาขาสั้นๆ ของพวกมัน หากอยากที่จะไล่ตามหมึกยักษ์ที่อยู่ใต้ท้องทะเลอันกว้างใหญ่นี้ เกรงว่าอาจจะต้องใช้เวลาราวร้อยแปดสิบปี…
จากเหตุการณ์นี้ทำให้เขามองเห็นความแข็งแกร่งและดุร้ายของเหล่ากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีได้อย่างชัดเจน แม้ว่าด้วยตัวของมันจะไม่สามารถกำจัดคราเคนได้ แต่หากเปรียบกับความแค้นของมนุษย์ แรงอาฆาตของคนถือว่ายังห่างกับพวกมันมากนัก
หรือว่า ที่พวกมันไปหาคราเคนอาจจะไม่ได้ต้องการแก้แค้น แต่เพื่อที่จะไปต่อสู้ด้วย การต่อสู้ของกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีนั้นเหมือนกับเจงกีส ข่านนักฆ่าผู้เหี้ยมโหด ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือการได้ไล่ฆ่าศัตรูที่มีอยู่ทุกที่ ทำให้พวกศัตรูต้องกินน้ำตาต่างข้าวทุกวัน!
ฉินสือโอวพากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีพวกนั้นกลับไป พวกมันรู้สึกไม่เต็มใจที่จะกลับไป เช่นนั้นเขาคงไม่จัดการอย่างอ่อนโยนเหมือนกับเฮยป้าหวังเป็นแน่
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนโกรธขึ้นมาทันที มันบังคับคลื่นน้ำโหมกระหน่ำ ทำให้กวาดกั้งตั๊กแตนไปจนหมด มีเพียงบางตัวที่โชคร้ายชนเข้ากับแนวปะการังทำให้มีเลือดออกมาบ้าง ต้องทำแบบนี้เหล่ากั้งตั๊กแตนจึงจะหันหลังกลับไปแต่โดยดี
ปลาแฟงค์ทูธตัวหนึ่งว่ายน้ำไม่ระวัง จนชนเข้ากับกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีที่อยู่ในฝูงนั้นเข้าอย่างจัง
เวลาที่กั้งตั๊กแตนโมโหพวกมันมีวิธีระบายความโกรธ ทันใดนั้นกั้งตั๊กแตนตัวใหญ่ตัวหนึ่งก็มีอะไรบางอย่างงอกออกมาจากร่างของมัน…
เรื่องนี้แม้แต่ฉินสือโอวก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ภายในหนึ่งวินาทีจากทั้งหมดสี่พันวินาที กั้งตั๊กแตนก็ได้ปล่อยพลังงานออกมาถึงสองพันนิวตัน อวัยวะที่งอกออกมาจากกั้งตั๊กแตนตัวนั้นก็เข้าไปอยู่ข้างๆ ตัวปลาแฟงค์ทูธทันที
ที่มันโจมตีไม่โดนปลาแฟงค์ทูธไม่ใช่เพราะว่ากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไม่ได้เล็งเป้า แต่ว่ามันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น
อวัยวะที่งอกออกมาของพวกมันพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็ว พลังแข็งแกร่ง น้ำทะเลที่อยู่รอบๆ ถูกทำให้แยกออกจากกัน!
ทำให้เกิดโพรงอากาศขึ้นมาทันที!
โพรงอากาศที่เกิดขึ้นทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าในตอนที่แรงดันอากาศเกิดการแยกตัวนั้นความดันของกระแสน้ำจะลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุการก่อให้เกิดการแยกตัวของของเหลวและทำให้เกิดฟองอากาศขึ้น
เมื่อความดันลดลงหรือต่ำกว่าความดันการอิ่มตัวของของเหลว ของเหลวก็จะระเหยกลายเป็นฟองขึ้นมาจำนวนมาก ทำให้เกิดปรากฏการณ์โพรงอาการขึ้นอย่างรุนแรง และทำให้การไหลของของเหลวไม่ต่อเนื่อง
นี่เป็นกลโกงเฉพาะของกั้งตั๊กแตน พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในธรรมชาติของโลกใบนี้ที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่ากลัวออกมาได้เช่นนี้ ภายใต้คลื่นที่สั่นสะเทือนเช่นนี้ ทำให้ทิศทางการว่ายน้ำของปลาแฟงค์ทูธไม่เป็นทิศเป็นทาง
กั้งตั๊กแตนที่อยู่รอบๆ พากันปล่อยอวัยวะที่โผล่ออกมานั้นด้วยความไม่พอใจเพื่อออกไปจับปลาพวกนั้น พวกมันว่ายน้ำไปด้วยพลางกินเหยื่อไปด้วยอย่างลวกๆ เฮ้อ สำหรับความเก่งกาจพวกนี้ ทำให้พวกกั้งนั้นเศร้าสร้อยเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวหมดคำจะพูด แต่ว่าอย่างไรสงครามอันวุ่นวายในครั้งนี้จะต้องถูกยุติลง ถ้าหากว่าเขาไม่ได้จัดการไว้อย่างดีล่ะก็ ไม่แน่ว่าเฮยป้าหวังกับคราเคนคงจะได้ต่อสู้กันตายไปข้างหรือไม่ก็ตายหรือเจ็บหนักทั้งสองฝ่าย ถ้าหากว่าปล่อยให้กั้งตั๊กแตนไปเจอกับเข้ากับคราเคนล่ะก็ รอดูการแสดงอันสนุกสนานได้เลย!
เขาตรวจสอบรอบๆ ฟาร์มปลาอีกครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉินสือโอวก็เรียกจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับ
เขาลืมตาขึ้น ฉินสือโอวก็เห็นลูกบอลขนาดใหญ่ไร้ขนในสายตา ลูกบอลนี้น่าเกลียดชะมัด ผิวด้านบนรอยเหี่ยวย่น มันมีตาสีทองเล็กๆ อยู่คู่หนึ่ง นอกจากนี้ยังมีจมูกเล็กๆ ที่ดมฟุดฟิดไปมาอยู่ข้างหน้า พร้อมกับน้ำลายที่ยืดออกมาจากปาก…
โดยที่ไม่ต้องคิดเยอะ ฉินสือโอวกำหมัดขึ้นมาตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็อัดเข้าไปยังลูกบอลกลมๆ อันน่าเกลียดนี้ทันที!
“เอ๊ง!..” เสียงร้องตกใจกลัวดังขึ้นมาทันที ฉินสือโอวรู้สึกว่าเสียงที่ดังออกมานั้นคุ้นหูมาก เขามองลงไปที่พื้น ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “พระเจ้า ฉงต้าเหรอ? แกคือฉงต้าอันเป็นที่รักของฉันงั้นเหรอ? โว้ว ทำไมแกดูน่าสมเพชแบบนี้ล่ะ?!”
วินนี่วางมีดโกนไฟฟ้าที่กำลังโกนขนให้พอสซัมอย่างต้าป๋ายลงทันที เธอเข้าไปกอดฉงต้าพลางลูบหัวอย่างรักใคร่แล้วถามขึ้นมาว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน? ใครรังแกฉงต้าของแม่กัน? มาๆๆ ไม่ร้องนะไม่ร้อง มาหาแม่นี่มา”
ฉินสือโอวมองไปยังฉงต้าอย่างเศร้าสร้อย แล้วถามขึ้นว่า “วินนี่ เรื่องฉงต้าคุณเป็นคนจัดการหรือ?”
เขามองไปรอบๆ ด้าน ร่างของหู่จือและเป้าจือนั้นเปลือยเปล่า ไม่มีขนเลยสักเส้น เรียกได้ว่าโกร๋นเลยด้วยซ้ำ ทีนี้แม่ของพวกมันก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องขนร่วงอีกต่อไป
นอกจากนี้ยังมีเจ้าลูกบอลสีขาวที่มองไปยังท้องที่โล่งเตียนของตัวเองด้วยความหดหู่ใจ ไม่ต้องคิดเลยว่า นั่นคือเสี่ยวหลัวปอแน่นอน
วินนี่เป่าหัวฉงต้าสองสามที เธอไม่ตอบคำถามของฉินสือโอว แต่กลับพูดออกมาด้วยความโมโหว่า “หึ คุณทำให้หัวของฉงต้าปูดขนาดนี้ คุณนี่ใจร้ายที่สุด!”
ฉินสือโอวคิดในใจว่าเรื่องนี้ต้องโกรธเขาด้วยหรือ? ให้ตายเถอะ เขาพึ่งกลับมาจากทะเลลึก เมื่อลืมตาขึ้นเขาก็เห็นเจ้าตัวน่าเกลียดน่ากลัวนี้ ไม่ตกใจกลัวจนฉี่ราดก็ดีแค่ไหนแล้ว
เต่าอัลลิเกเตอร์อย่างมาสเตอร์เงยหน้าขึ้นมาจากสระน้ำมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสนุกสนาน เพราะว่าร่างกายของมันไม่มีขน เต่าไม่มีขน เรื่องอันตรายพวกนี้จึงไม่ได้ตกมาถึงมัน
ฉินสือโอวอยากที่จะบ่นออกมา แต่น่าเสียดายที่แฮมเล็ตโผล่ออกมาเรียกเขาเพื่อที่จะปรึกษาเรื่องบางอย่างเสียก่อน เขาจึงทำได้เพียงจูบหัวของฉงต้าเบาๆ เพื่อแสดงคำขอโทษ จากนั้นก็เดินกลับไปในบ้าน
แฮมเล็ตกับฉินสือโอวไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก พวกเขาพูดคุยกันเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นคือเรื่องการปราศรัยรอบที่สองที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เขาเลยเชิญฉินสือโอวไปช่วยสนับสนุนการเลือกตั้งครั้งนี้
โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรมาก ฉินสือโอวตกลงไปด้วยแน่นอน คิดจะช่วยใครก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเขาลงทุนไปกับแฮมเล็ตแล้วห้าสิบล้าน เขาจึงจำเป็นที่จะต้องเต็มใจช่วยเขาอย่างแน่นอน
ดูเหมือนว่าแฮมเล็ตจะได้คำตอบที่น่าพอใจแล้ว เขากอดฉินสือโอวด้วยความกระตือรือร้น เมื่อดื่มชาจนหมดถ้วยเขาก็กลับบ้านไปพร้อมกับความสุข
ฉินสือโอว แมทธิว พาลีและเออร์บัก ทั้งสี่คนคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ทนายสูงวัยตกปากรับคำจะคอยให้คำปรึกษาแก่แฮมเล็ตในเรื่องนโยบายต่างๆ ของเขา แมทธิวพยักหน้าพลางพูดว่า “มีอาจารย์ร่วมด้วยแบบนี้ ตราบใดที่นายกเทศมนตรีของพวกคุณไม่ได้โง่ อย่างน้อยเขาก็ชนะไปแล้วร้อยละเจ็ดสิบ ต้องแสดงความยินดีกับเขาแล้วล่ะ”
เออร์บักเลิกถ่อมตนทันที เขาพูดกลั้วหัวเราะว่า “คะแนนร้อยละเจ็ดสิบแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา ฉันได้คิดแผนการที่จะใช้โจมตีอ็อกเฟอร์ไว้แล้วเล็กน้อย แต่ว่าต้องมีการวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ”
พวกเขาพูดคุยพลางรับประทานอาหารกันจนถึงช่วงค่ำ ฉินสือโอวจึงได้กลับมาที่ห้อง
เมื่อเห็นว่าวินนี่นอนอยู่บนเตียงพร้อมสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็รีบขึ้นเตียงไปด้วยไฟที่ลุกโชนในตัวทันที หลังจากที่จูบอย่างเร่าร้อนกับวินนี่แล้ว ฉินสือโอวก็คิดอยากที่จะก้าวข้ามไปอีกขั้นหนึ่ง แต่วินนี่กลับหยุดมือปลาหมึกของเขาไว้พลางถอนหายใจออกมา “อย่าค่ะ ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ที่รัก วันหลังได้ไหมคะ?”
ฉินสือโอวเป็นคนที่ตามใจวินนี่อยู่แล้ว เมื่อได้ยินว่าภรรยาของตนเองไม่สบาย ก็รีบถามกลับทันทีว่า “ไม่สบายตรงไหนเหรอ? หรือว่าตอนที่อยู่ที่ท่าเรือจะโดนฝนจนทำให้ไข้ขึ้นกัน? ผมพาคุณไปที่เซนต์จอห์นเพื่อหาหมอดีกว่า”
เกาะแฟร์เวลดีหมดทุกอย่าง แต่กลับไม่มีโรงพยาบาลที่เชื่อถือได้ แน่นอนว่า เพราะว่าอากาศรวมถึงอาหารการกินนั้นไม่มีการปนเปื้อนมลภาวะ ดังนั้นประชาชนที่อาศัยอยู่ที่นี่จึงป่วยจำนวนไม่มาก คนที่ป่วยทุกคนจึงต้องเข้าไปรับการรักษาที่เมืองเซนต์จอห์น แบบนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเกาะที่มีแต่น้ำแข็งและภูเขาไฟเลย
ฉินสือโอวใช้มืออังที่หน้าผากของวินนี่เพื่อวัดอุณหภูมิ วินนี่มองไปยังใบหน้าขอฉินสือโอวที่ดูกังวล เธอยิ้มหวานออกมาพลางพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันไม่มีไข้ และไม่ได้ตัวร้อน กลับกัน อือ ฉันไม่ได้ไม่สบายขนาดนั้น”
ฉินสือโอวถามกลับไปอีกครั้ง แต่วินนี่ไม่ยอมตอบกลับ เขาจึงคิดว่าภรรยาของเขากำลังอยู่ในช่วงมีประจำเดือน เมื่อนับดูแล้วคงจะใช้เวลาอีกสองสามวัน เขายิ้มออกมาแห้งๆ จากนั้นก็กอดวินนี่แล้วเข้านอน
งานปราศรัยในครั้งนี้จัดขึ้นที่จัตุรัสอนุสรณ์นิวฟันแลนด์ในเมืองเซนต์จอห์น สถานที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ แฮมเล็ตต้องการที่จะปราศรัยที่นี่ เวลานั้นคงมีผู้เข้าร่วมงานกว่าสี่พันกว่าคน รวมถึงผู้สื่อข่าวอีกมากมาย
หลังจากตื่นนอนแต่เช้าฉินสือโอวก็ออกกำลังกายอย่างง่ายๆ หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็ออกเดินทางไปพร้อมกับวินนี่และเออร์บัก เขาเป็นผู้คอยสนับสนุนการเลือกตั้งคนสำคัญในครั้งนี้
…………………………………………………