ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 733 เปิดประสบการณ์ใหม่
แฮมเล็ตและคณะจริงจังกับการกล่าวปราศรัยในครั้งนี้มาก นอกจากจะเชิญฉินสือโอวแล้ว เขาก็ยังเชิญชวนทุกคนในเมืองเข้ามาร่วมสนับสนุนการเลือกตั้งในครั้งนี้อีกด้วย เรือโดยสารหลายลำแล่นออกไปแต่เช้าตรู่ ชาวบ้านเกาะแฟร์เวลต่างพากันออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังเมืองเซนต์จอห์น
ฉินสือโอวยืนอยู่ที่ดาดฟ้าด้านบน มีคนเข้ามาทักทายด้วยความเป็นมิตรอย่างไม่ขาดสาย นิมิตส์ยืนชูคออยู่ที่ไหล่ของเขา ใช่แล้ว นิมิตส์ก็เป็นผู้สนับสนุนคนพิเศษที่แฮมเล็ตเชิญมาด้วยเหมือนกัน สัตว์เลี้ยงของพระเจ้าอย่างนิมิตส์ ชื่อเสียงของมันดังไปทั่วนิวฟันแลนด์ยิ่งกว่าฉินสือโอวเสียอีก
เมื่อเรือสำราญเข้าเทียบท่า ที่ด้านหน้าของพวกเขาคือเรือขนาดใหญ่ที่มีขนาดบรรทุกห้าพันตันก็จอดเทียบอยู่ข้างหน้า
ฉินสือโอวเคยเห็นเรือบรรทุกขนาดใหญ่แบบนี้มาก่อน แต่ที่เรือลำนี้บรรทุกขยะประเภทขวดพลาสติกมากมาย ดังนั้นขนาดของมันจึงยิ่งดูใหญ่มากกว่าเดิม เรือสำราญลำเล็กที่เข้าใกล้มันดูเหมือนพุดดิ้งอันเล็กๆ ไปเลย
เมื่อเห็นเรือบรรทุกที่เต็มไปขยะพลาสติกเหล่านั้น ฉินสือโอวก็พูดกลั้วหัวเราะขึ้นมา “พายุกำลังจะมาแล้ว ทำไมเรือลำนี้ไม่รีบออกจากท่านะ ทำไมยังอยู่ที่นี่อยู่อีก?”
นีลเซ็นพูดออกมาว่า “แน่นอนว่าเขาทำแบบนี้เพื่อหลีกเลี่ยงพายุ เรือมีพื้นที่ในการรับแรงลมมากเกินไป หากออกไปอาจจะเกิดปัญหาได้”
ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดออกมาว่า “จอดอยู่ที่ท่าก็เกิดเรื่องขึ้นได้ นายดูสิ บนเรือมีขยะพลาสติกตั้งมากมาย ถ้าหากพวกมันถูกพายุพัดลงไปในทะเล เช่นนั้นหน่วยทำความสะอาดของเมืองเซนต์จอห์นคงจะวุ่นเป็นแน่”
“ไม่เป็นแบบนั้นหรอก” ชาร์คพูดกลั้วหัวเราะ “พวกเขาจัดการของที่อยู่บนนั้นอย่างดีแล้ว”
ทุกคนพากันพูดไปหัวเราะไป คนกลุ่มหนึ่งขึ้นเรือไป ส่วนคนอีกส่วนหนึ่งก็นั่งรถประจำทางไปยังจัตุรัสอนุสรณ์นิวฟันแลนด์
จัตุรัสอนุสรณ์นิวฟันแลนด์อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยอนุสรณ์นิวฟันด์แลนด์ไม่ไกลนัก สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหล่าผู้คนที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ที่จัตุรัสอนุสรณ์นิวฟันแลนด์มีรูปปั้นอยู่หนึ่งรูป เป็นรูปชายหนุ่มสองคนที่ได้รับบาดเจ็บกำลังช่วยกันพยุงร่างของอีกฝ่าย สายตาทอดมองไปยังที่ไกลๆ อย่างมีความหวัง ที่ฐานของรูปปั้นมีการเขียนจารึกไว้เป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และรัสเซียทั้งสี่ด้านว่า ‘ความยุติธรรมอันแน่วแน่ จะนำมาสู่แสงสว่างในที่สุด’
ฉินสือโอวและคนอื่นๆ กำลังรอเวลากันอยู่ ที่จัตุรัสอนุสรณ์นิวฟันแลนด์เต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามาร่วมดูการปราศรัย จำนวนน่าจะอยู่ที่ประมาณพันกว่าคน คนพวกนั้นจับกลุ่มกันสามถึงห้าคนเพื่อแลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองในปัจจุบันรวมถึงการทำหน้าที่ที่บกพร่องของรัฐบาล บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก
ตำรวจขี่ม้านำแบริเออร์พลาสติกวางไว้รอบๆ จัตุรัสอนุสรณ์นิวฟันแลนด์ เหลือไว้เพียงทางเข้า หากอยากจะเข้าไปร่วมงานคนคนนั้นจะต้องได้รับการตรวจค้นเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดพกปืนเข้างาน
แคนาดาเหมือนกับสหรัฐอเมริกา วิถีการใช้ชีวิตมีผลต่อการเมืองเป็นอย่างมาก ปกติแล้วเวลาที่นักการเมืองกำลังปราศรัยอยู่ มักจะมีคนชักปืนแล้วยิงออกมา ‘ปัง ปัง’ จากฝูงชนที่อยู่ด้านล่าง
ฉินสือโอวที่มีนิมิตส์อยู่บนไหล่ตกเป็นเป้าสายตาทันทีที่เดินเข้าไปในจัตุรัสอนุสรณ์นิวฟันแลนด์ ตำรวจผู้ดูแลงานใช้เครื่องตรวจจับระเบิดมาสแกนผ่านตัวของฉินสือโอว เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถผ่านเข้างานได้
คนที่อยู่รอบๆ ยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพนิมิตส์ไว้ ผู้คนต่างผิวปากและตะโกนออกมาว่า ‘สัตว์เลี้ยงของพระเจ้า’ ไม่ขาดสาย นอกจากนี้ยังมีคนอุ้มลูกของตัวเองขึ้นมาพลางถามว่าสามารถถ่ายรูปคู่กับนิมิตส์ได้หรือไม่
ฉินสือโอวเป็นคนอัธยาศัยดี เขาให้นิมิตส์บินเข้าไปเกาะไหล่ของคนคนนั้น ผลปรากฏว่าอย่าคิดว่าฉินสือโอวให้มันเกาะที่ไหล่อย่างสบายๆ เลย ตอนนี้นกโจรสลัดตัวนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก เมื่อมันไปเกาะอยู่ที่ไหล่ของคนคนหนึ่ง ร่างของคนคนนั้นก็เซลงมาเล็กน้อย…
คนที่คิดจะถ่ายรูปคู่กับมันที่อยู่ด้านหลังต้องลองคิดดูอีกครั้ง เพราะชายคนที่ยืนตัวเซคนนั้นเป็นชายร่างใหญ่ที่สูงราวหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเลยนะ
ชายคนนั้นฝืนยิ้มอุ้มลูกของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปกับนิมิตส์ หลังจากนั้นเขาก็รีบคืนนกโจรสลัดใหญ่ให้แก่ฉินสือโอว และรีบบอกให้ลูกชายของตนกล่าวขอบคุณ
ฉินสือโอวตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร เมื่อชายคนนั้นจากไป เขาก็ขยิบตาให้นิมิตส์ นิมิตส์ก็กะพริบตาตอบกลับเขา คนหนึ่งคนกับนกหนึ่งตัวรู้ใจกันและกันโดยที่ไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมา เมื่อครู่นี้ตอนที่นิมิตส์บินลงไปเกาะที่ไหล่ของชายคนนมันตั้งใจที่จะลงน้ำหนักอย่างแรง อีกทั้งยังจิกเล็บเพื่อยึดกับไหล่ของชายคนนั้นไว้แน่น เพราะเหตุนี้จึงทำให้ชายคนนั้นไม่สามารถที่จะยืนตัวตรงได้
นี่เป็นสิ่งที่นิมิตส์ตั้งใจทำ มันเกลียดการที่ตัวเองต้องกลายเป็นของเล่นให้ผู้คนมาถ่ายรูปด้วย
เนื่องจากภาพลักษณ์ของเขาในเรื่องการช่วยเหลือคนออกมาจากพายุและเจ้าของฟาร์มปลาแห่งแรกของนิวฟันด์แลน นักข่าวจำนวนมากเข้ามาหาฉินสือโอว บางคนเข้ามาขอสัมภาษณ์ และบางคนก็มาสอบถามความคิดเห็นของเขาในการเลือกตั้งครั้งใหญ่ครั้งนี้
ฉินสือโอวเอ่ยสนับสนุนแฮมเล็ตอย่างเต็มที่ “ผมไม่ได้มาเพื่อใครสักคน แต่ผมมาเพื่อใช้พลังของพระเจ้าและพลังของรัฐธรรมนูญที่มอบให้ ผมจะมอบคะแนนให้กับผู้นำที่สามารถพาประชาชนที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขาไปสู่การมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม และผมจะไม่ให้คะแนนแก่นักการเมืองที่ดีแต่พูดแน่นอน!”
ภาพลักษณ์ของแฮมเล็ตในตอนนี้ เขาคือบุคคลที่มีประสบการณ์ในการดูแลสิทธิ์ขั้นพื้นฐานของประชาชน เขาเป็นผู้ที่กู้เศรษฐกิจของเมืองเล็กๆ นี้ที่ทรุดโทรมให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งราวกับตนเองเป็นผู้วิเศษแห่งเศรษฐศาสตร์ ตาต่อตาฟันต่อฟัน พวกเขาทำให้อ็อกเฟอร์กลายเป็นนักการเมืองเลวที่ดีแต่พูดเท่านั้น
ฉินสือโอวเดินนำวินนี่และนิมิตส์ขึ้นไปยังเวลที จากนั้นก็เดินไปนั่งที่ที่นั่งด้านหลัง เขามาที่นี่ในฐานะแขกคนพิเศษ
เมื่อขึ้นเวทีนิมิตส์ก็แสดงตัวออกมาอย่างเปิดเผย ฉินสือโอววางมันลงบนโต๊ะ มันกระพือปีกอันใหญ่โตของมันทั้งที่ยังคงเชิดหน้าชูคออยู่ แววตาอันแหลมคมของมันมองกวาดไปยังผู้ชมที่อยู่ด้านล่าง จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังขึ้นทั่วทั้งห้อง
บุชมองภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยความอิจฉา มันบินได้ตั้งสูง ทำไมฉินสือโอวไม่พามันไปเล่นด้วยนะ เรื่องนี้ทำให้หัวใจที่บอบบางราวกับแก้วของมันแตกสลาย
สิบโมงตรง ที่จัตุรัสแน่นขนัดไปด้วยผู้คน แฮมเล็ตที่ก่อนหน้านี้คุยกับนักข่าวอย่างฉะฉานอย่างมีเหตุมีผลกำลังยืนอยู่บนเวทีด้วยท่าทางมีชีวิตชีวา มือข้างหนึ่งของเขาถือไมโครโฟนอยู่ส่วนอีกข้างก็ยกมือขึ้นทักทายผู้คน มือนั้นโบกไปมาทุกทิศทุกทาง
แฮมเล็ตยังคงแต่งตัวเหมือนสุภาพบุรุษเก่าแก่ชาวอังกฤษ ทรงผมถูกจัดแต่งอย่างพิถีพิถัน รองเท้าถูกขัดจนเงาราวกับกระจก เขาสวมเสื้อกั๊กด้านใน สวมทับด้วยสูทและผูกเนกไทสีแดง การแต่งกายของเขาดูดีมากกว่าตอนที่เขาเดินเล่นอยู่บนถนนเสียอีก
เมื่อการปราศรัยเริ่มขึ้น ฉินสือโอวก็เท้าแขนลงกับโต๊ะพลางมองดูการปราศรัยด้วยความสนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งของประเทศฝั่งตะวันออก
แฮมเล็ตยังคงรักษาท่าทีสงบนิ่งไว้ไม่เปลี่ยน เสียงของเขาทรงพลังราบรื่นและมั่นคง การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของเขาเรียกเสียงเชียร์จากคนดูได้ทุกครั้ง
แน่นอนว่า เสียงเชียร์ที่ดังขึ้นนั้นมาจากชาวเมืองที่อาศัยอยู่ที่เกาะแฟร์เวล ขณะนี้ชาวเกาะแฟร์เวลราวกับเป็นหน้าม้าที่คอยมาเชียร์แฮมเล็ตในงานปราศรัย
ทันทีที่เริ่มพูด แฮมเล็ตก็เปิดประเด็นทันที เขาไม่รีบร้อนที่จะแนะนำนโยบายของตัวเองทันทีที่ขึ้นเวที สิ่งแรกที่เขาทำคือการโจมตีคู่แข่งก่อน นั่นคือเรื่องข้อบกพร่องของเอกสารทางราชการที่ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงความเป็นภัยของการปกครองแบบเจ้าขุนมูลนาย
การโจมตีเช่นนี้เป็นสิ่งที่ฝ่ายค้านทุกคนเชี่ยวชาญ โดยเล็งเฉพาะพรรคการเมืองที่เกิดข้อผิดพลาดในขณะที่กำลังดำรงตำแหน่ง เพราะว่าการทำเช่นนี้จะก่อให้เกิดกระแสสะท้อนได้มากที่สุด
แต่ว่าวิธีการแบบนี้มีคนใช้เป็นจำนวนมาก ผลที่ได้จึงไม่ได้มากมายนัก ครั้งนี้แฮมเล็ตจึงได้เปลี่ยนวิธีการ มันไม่ได้เป็นการพูดเกินจริง แต่เป็นการยกตัวอย่างจากคนที่อยู่รอบๆ
“…ผมรู้จักอาจารย์สอนหนังสืออยู่ท่านหนึ่ง เธอมาหาผมที่เกาะแฟร์เวล หลายปีมานี้อาจารย์หญิงผู้น่าเชื่อถือคนนี้ได้รับเอกสารจำนวนหนึ่งอย่างไม่ขาดสาย ทุกปีเธอจะได้รับเอกสารฉบับนี้อยู่จำนวนหนึ่ง เธอจะกรอกรายละเอียดลงเอกสารนั้นทุกครั้ง…และส่งกลับไป”
“แต่ว่า เมื่อผ่านไปได้ไม่นานเอกสารนี้ก็จะส่งมาถึงเธออีกครั้ง ทำให้เธอเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมา เธอค้นพบว่าสิ่งที่อยู่ในเอกสารนั้นเป็นคำถามเก่าๆ ที่เธอเคยกรอกไปแล้วก่อนหน้านี้ เช่นว่าพื้นที่ห้องเรียนของเธอมีขนาดเท่าไร”
“เธอรู้สึกแปลกๆ เพราะว่าเธอถูกถามด้วยคำถามแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ก่อนหน้านี้เธอก็ได้เขียนตอบกลับไปหลายครั้งแล้วด้วย แล้วทำไมถึงยังมีคนมาถามเธอแบบนี้อีกล่ะ? หรือว่าเจ้าหน้าที่รัฐของเมืองเซนต์จอห์นไม่ได้ตรวจการตอบกลับของเธออย่างละเอียดกันนะ?”
……………………………………………..