ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 739 ปลาตกลงมาจากท้องฟ้า
เมื่อลงมาชั้นล่าง ฉินสือโอวก็เห็นว่าหู่จือและหลัวปอใช้ร่างดันที่ประตูบานหนึ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนฉงต้าและเป้าจือก็อยู่ที่ประตูอีกบาน ต้าป๋ายใช้แก้มของตัวเองดันที่ก้นของฉงต้าอย่างสุดกำลัง ราวกับพวกมันกำลังดันประตูอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?” ฉินสือโอวถามพลางยิ้มออกมา
เมื่อเห็นว่าฉินสือโอวปรากฏตัว นิมิตส์และบุชก็รีบบินมาหาเขาทันที มันกระพือปีกบินเข้ามาหาพร้อมกับร้องใส่เขา ท่าทางดูร้อนรนเป็นอย่างมาก
จู่ๆ เสียง ‘ปัง’ ก็ดังขึ้นมา ฉินสือโอวตกใจกับเสียงนั้น เขาหันไปมองยังหน้าต่างบานหนึ่งที่ไม่ได้ปิดสนิท เมื่อบานหน้าต่างทั้งสองข้างกระทบกับขอบหน้าต่าง กระจกทั้งสองข้างที่ติดอยู่กับหน้าต่างก็แตกกระจาย!
ทันใดนั้นเอง ลมทะเลพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างอย่างบ้าคลั่ง แรงลมนั้นน่ากลัวมาก ทำให้ผ้าม่านนั้นสะบัดเสียงดังพรึ่บพับ ใช้เวลาไม่กี่วินาที ผ้าม่านพันเข้าหากันจนกลายเป็นแส้ ผ้าม่านสะบัดไปมาโดนผนังและขอบหน้าต่างด้านข้าง
ฉินสือโอวรู้ทันทีว่าเจ้าพวกนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ พวกมันกำลังกั้นประตูอยู่ ถ้าหากว่าพวกมันไม่กั้นประตูไว้ ลมทะเลคงจะพัดประตูจนพังไปแล้ว
ฉินสือโอวรีบล็อกประตูอย่างรวดเร็ว พวกเด็กๆ ต่างพากันนั่งลงและถอนหายใจออกมา ปรากฏว่าที่นอกประตูนั้นเกิดเสียงเคาะประตูดัง ‘ปังๆๆๆ’ อยู่หลายที ฉินสือโอวแง้มประตูมองออกไปข้างนอก เสี่ยวหมิงกำลังพาพวกกระรอกดินทั้งหลายใช้อุ้งมือตบเข้าที่ประตู
เขาเปิดประตูออกไป ลมทะเลก็ปะทะหน้าเขาเข้ามาทันที ลมแรงที่พัดเข้ามาเกือบทำให้ฉินสือโอวหงายหลัง
ฉินสือโอวไม่สามารถปิดประตูได้ เขาเปิดประตูให้กว้างขึ้นเล็กน้อย เพื่อที่จะให้เสี่ยวหมิงและพวกกระรอกดินเข้ามาข้างใน
ในเวลานี้ที่ด้านนอกมีทั้งพายุลมและฝน นอกจากลมจะพัดมาอย่างแรงแล้ว ก็มีฝนเม็ดเล็กๆ ตกลงมาเสริมด้วยเช่นกัน
เมื่อล็อกประตูเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็ตรวจสอบดูหน้าต่างบานอื่นๆ ในขณะเดียวกันเขาแจ้งเออร์บักและพวกเด็กๆ แต่ละคนให้ปิดหน้าต่าง
แต่แล้วเชอร์ลี่ย์และเด็กคนอื่นๆ ก็วิ่งมาหาเขาด้วยความตกใจ พลางตะโกนออกมาว่า “ฉิน ลมแรงมากเลย!”
ใช่แล้ว ข้างนอกนั้นลมแรงมาก ฉินสือโอวมองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพที่เห็นด้านนอกเป็นสีดำสนิท ไม่สามารถมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้เลยแม้แต่ดวงเดียว เมฆดำปกคลุมกลืนกินเมืองแห่งนี้ไปแล้ว!
ต้นชูการ์เมเปิลขนาดใหญ่สั่นไหวไปมาภายใต้พายุลูกใหญ่ เสียงเสียดสีของใบไม้ดัง ‘พั่บๆ’ ไปมาเสียงดังลั่น สร้างความตื่นตระหนกใจให้แก่ผู้คนที่พบเห็น
พวกของเชอร์ลี่ย์เป็นห่วงกระท่อมหลังเล็กที่อยู่ใต้ต้นไม้ กระท่อมหลังนั้นสร้างเสร็จแล้ว แต่การที่มันจะสามารถเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่แบบนี้ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยาก
ฉินสือโอวไม่ให้พวกเขาออกไปข้างนอกอย่างแน่นอน เขาหาไม้กระดานแผ่นหนึ่งมากั้นหน้าต่างบานที่แตก ลมทะเลที่พัดเข้ามารุนแรงเกินไป หากไม่ระวังแล้วโดนผ้าม่านที่ม้วนตัวเป็นแส้ฟาดเข้ามาที่ใบหน้าของเขา คงจะเจ็บหน้าดู!
นิมิตส์และบุชบินไปยังหน้าต่างบานนั้นแล้วอ้าปากกัดผ้าม่านไว้อย่างทันถ่วงที ฉินสือโอวจึงได้เอาแผ่นไม้ไปตอกไว้ที่หน้าต่างได้อย่างปลอดภัย การทำแบบนี้สามารถกันลมทะเลที่พัดเข้ามาได้ชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อมือว่าง ฉินสือโอวก็โทรหาชาร์คและคนอื่นๆ ผลปรากฏว่าโทรศัพท์มือถือไร้สัญญาณ เห็นได้ชัดว่าหอสัญญาณในเมืองพังไปแล้ว
เหตุการณ์เช่นนี้พบได้บ่อยๆ เรียกได้ว่าหอสัญญาณแทบจะเสียทุกสองเดือน ครั้งนี้เนื่องจากมีพายุขนาดใหญ่ลูกนี้พัดเข้ามา การที่หอสัญญาณพังก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ยังดีที่ยังมีสถานีสัญญาณไร้สายของพวกโมโตโรล่าอยู่ สัญญาณพวกนี้ค่อนข้างเสถียร อีกทั้งนี่ยังเป็นสถานีที่ฉินสือโอวลงทุนลงแรงสร้างมันขึ้นมา มันไม่เหมือนกับหอสัญญาณสาธารณะที่ถูกจัดตั้งโดยเงินของประเทศ
สัญญาณไร้สายถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ฉินสือโอวแจ้งให้ชาร์คและคนอื่นๆ ถึงเรื่องนี้ และบอกให้พวกเขาปิดหน้าต่างให้ดี เหล่าชาวประมงต่างพากันถอนหายใจออกมาผ่านวิทยุสื่อสารไร้สายสาธารณะนี้ “พายุครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย ทุกคนต้องดูแลตัวเองให้ดี หากไม่จำเป็นอย่าออกจากบ้าน ระวังถูกพัดจนตกลงไปเป็นอาหารปลาด้วยล่ะ!”
ฉินสือโอวให้เด็กๆ กลับไปนอน สาวน้อยโลลิต้าถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “ฉิน กระท่อมจะยังอยู่ดีไหม? ถ้าหากว่ามันถูกลมพัดไป จะทำยังไงดีล่ะ?”
ฉินสือโอวบอกอย่างให้คำมั่นสัญญาว่า “ตอนที่ฉันไปซื้อฉันได้ถามคนขายแล้ว มันสามารถต้านแรงลมได้แน่นอน ดังนั้นพวกเธอไม่ต้องกังวลนะ พรุ่งนี้เช้าตื่นมา พายุก็หยุดแล้ว กระท่อมก็ยังจะต้องอยู่ที่เดิมแน่นอน”
เมื่อได้รับคำสัญญาจากเขา พวกเด็กๆ ก็กลับไปนอนได้อย่างสบายใจ
ตอนนี้ข้างนอกนั้นมืดสนิท กระท่อมเป็นอย่างไรก็ไม่สามารถมองเห็นได้ พวกเด็กๆ กังวลใจไปก็เท่านั้น
ฉินสือโอวใช้พลังโพไซดอนเคลื่อนไปยังใจกลางฟาร์มปลา กระแสลมในทะเลนั้นรุนแรงกว่ามาก คลื่นลูกใหญ่กระหน่ำซัดกันไปมา!
ไม่ว่าจะเป็นปลาโอแถบ ปลาค็อด หรือแม้แต่ปลาแซลมอนโคโฮ พวกมันต่างก็พากันว่ายดำลงไปยังก้นทะเลด้วยความเต็มใจ ในตอนนี้ผิวน้ำยังคงมีคลื่นพัดไปมาอยู่ตลอดเวลา ปลาทะเลจำนวนมากถูกเกลียวคลื่นพัดไปจนใกล้ชายฝั่ง มีปลากระโดดขึ้นมาจากผิวน้ำไม่หยุด อันที่จริงแล้วพวกมันไม่ได้ต้องการกระโดดขึ้นมาเอง แต่ว่าพวกมันถูกคลื่นซัดจนตัวลอยขึ้นมา
พลังของธรรมชาตินั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก!
ฉินสือโอวตรวจสอบรอบๆ บ้านอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าหน้าต่างทุกบานถูกปิดอย่างแน่นหนาแล้ว เขาจึงกลับไปนอน
ฉินสือโอวตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เสียงลมพายุพัดไปมาดังอยู่ข้างนอก เมฆดำขนาดใหญ่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ทำให้ท้องฟ้ามืดสนิท
ฉินสือโอวมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ถึงได้แน่ใจว่าตอนนี้เป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้ว อันที่จริงท้องฟ้าควรจะสว่างแล้ว แต่นี่เขายังคิดว่าเป็นเวลาตีสี่อยู่เลย
พวกของเชอร์ลี่ย์รีบวิ่งมาหาอย่างรวดเร็ว เมื่อเชอร์ลี่ย์เขย่งเท้ามองออกไปข้างนอก สาวน้อยโลลิต้าก็เบะปากราวกับจะร้องไห้
ฉินสือโอวมองไปยังกระท่อมที่อยู่ใต้ต้นเมเปิ้ล พลางสบถขึ้นมาในใจ เขานี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ นี่คือกระท่อมที่บอกว่าสามารถทนแรงลมได้งั้นเหรอ?
กระท่อมขายเครื่องดื่มเล็กๆ ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นบ้านเก่าๆ ที่หลังคาถูกลมพัดปลิวหายไป ไม่มีหลังคาแล้ว และก็ไม่รู้ว่ามันพัดหายไปไหน แม้โครงสร้างบ้านทั้งสี่ด้านจะมีเหล็กรองรับ แต่มันก็เอนเล็กน้อย พวกเขาไม่สามารถมองเห็นโต๊ะเก้าอี้และเฟอร์นิเจอร์ข้างในได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถมองเห็นได้ว่าข้างในยังอยู่ดีหรือไม่
ฉินสือโอวทำได้เพียงกอดสาวน้อยโลลิต้าและตบหลังเธอเบาๆ เป็นการปลอบใจ “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร แค่ไม่มีหลังคาเท่านั้น รอพายุหยุดก่อนฉันจะโทรศัพท์เรียกให้ผู้ผลิตส่งหลังคามาให้พวกเราประกอบใหม่”
เมื่อเปิดโทรทัศน์ มีหลายช่องที่ไม่สามารถดูได้ ยังดีที่ยังสามารถต่ออินเทอร์เน็ตได้จากสายเคเบิลใยแก้วที่ถูกดึงออกมาจากก้นทะเล
ฉินสือโอวดูข่าวไปเรื่อยๆ หัวข้อข่าวจากหลายๆ สำนักที่รายงานข่าวในอินเทอร์เน็ตต่างพูดถึงแต่เรื่องพายุ พายุไต้ฝุ่นฉลามหางยาวพัดเข้ามายังเซนต์จอห์น ณ เวลาประมาณตีหนึ่ง ความแรงลงอยู่ที่ระดับสิบเอ็ด พลังงานการทำลายรุนแรงมาก!
ว้าว มิน่าล่ะกระท่อมหลังเล็กนั้นจึงได้ถูกทำลายขนาดนั้น ฉินสือโอวพึ่งจะรู้ว่าพายุไต้ฝุ่นมีความแรงขนาดนี้ ตั้งระดับสิบเอ็ดเลยนะ!
จากการจัดอันดับความแรงของพายุของประเทศแคนาดา ความแรงของพายุมีทั้งหมดสิบเจ็ดอันดับ พายุระดับสิบเอ็ดลูกนี้ดูไม่ค่อยรุนแรง แต่ว่า ระดับพายุทั้งสิบเจ็ดอันดับนี้ครอบคลุมถึงพายุที่เกิดจากธรรมชาติทั้งหมด ลมพายุที่เกิดขึ้นบนพื้นดินสามารถแรงสุดถึงระดับสิบเอ็ด ซึ่งนั่นก็คือพายุเฮอร์ริเคนที่เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน!
ลมแรงระดับสิบสามารถทำลายบ้านเรือนได้ เมื่อถึงระดับสิบเอ็ด มันสามารถที่จะโค่นต้นไม้บางต้นได้
ยังดีที่บ้านเรือนที่สร้างบนเกาะแฟร์เวลนั้นมักถูกคิดเผื่อไว้เวลาเผชิญกับพายุอยู่แล้วในตอนที่กำลังสร้าง บ้านเรือนพวกนี้แข็งแกร่งมาก เช่นบ้านหลังนี้ โครงสร้างหลักนั้นเป็นไม้ แต่ว่าถูกเสริมไว้หลายชั้น ทำให้บ้านมีความมั่นคงสูงมาก
ภายใต้พายุเช่นนี้ ตามธรรมดาแล้วโรงเรียน และโรงงานจะทำการหยุดงาน ฉินสือโอวประชุมผ่านทางอินเทอร์เน็ต จากนั้นก็มองไปยังนอกหน้าต่างเพื่อดูพายุข้างนอก
หลังจากที่พายุกินเวลาไปถึงสิบสองชั่วโมง รวมถึงฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ท้องฟ้ามืดสนิท ก่อนหน้านี้สองสามวันก่อนตอนที่พวกเขากลับมาจากแหลมเซนต์ชาร์ลสตอนนั้นฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก
ฉินสือโอวมองออกไปยังภาพเหตุการณ์ด้านนอกที่เหมือนโลกกำลังจะแตกอย่างตกตะลึง แล้วเขาก็ตะโกนออกมาว่า “แม่งเอ๊ย มาสเตอร์ล่ะ? มาสเตอร์ยังอยู่ด้านนอกไหม?!”
วินนี่รีบเอ่ยปลอบเขาทันที “ไม่เป็นไรนะ มาสเตอร์สามารถขุดหลุมลงไปอยู่ที่สนามหญ้าได้ ต้องเป็นพายุทอร์นาโดเท่านั้นถึงจะทำร้ายมันได้ มันจะต้องปลอดภัยแน่นอน แม้ว่าพายุด้านนอกจะรุนแรง แต่ว่าไม่ได้เป็นพายุทอร์นาโด…”
“ดูสิ! ข้างนอกมีปลาหล่นลงมาจากบนฟ้าด้วย!” เชอร์ลี่ย์ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
…………………………………………………….