ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 744 ให้อาหารเสริมแคลเซียมแก่ฟาร์มปลา
มาริโอ้และคนอื่นๆ แสดงความเป็นห่วงที่มีต่อวินนี่ออกมา ทำให้วินนี่มองเขาไปในทางที่เปลี่ยนไปมากขึ้น
วันต่อมาหลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ ฉินสือโอวบอกว่าจะพามาริโอ้และคนอื่นๆ ไปเที่ยวรอบเกาะ วินนี่บอกว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะเป็นคนจัดการกับคณะทัวร์นี้เอง เธอจะพาครอบครัวของเธอไปเที่ยวเอง และให้ฉินสือโอวไปจัดการเรื่องธุรกิจของเขา
แบบนี้ก็พอดีเลย นอกจากจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของวินนี่และครอบครัวแล้ว ยังทำให้ฉินสือโอวเลิกหนักใจอีกด้วย
ฉินสือโอวไม่ได้มีเวลาว่างเลยจริงๆ หลังจากที่พายุสงบลง ก็มีงานมากมายรอเขาไปสะสาง เช่นว่าการก่อสร้างน้ำพุได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว สนามบินที่จำเป็นจะต้องได้รับการปรับปรุง และถึงเวลาเสริมแคลเซียมให้กับฟาร์มปลาแล้ว
ใช่แล้ว มันคือการเสริมแคลเซียมให้กับฟาร์มปลา
ในที่สุดผู้เชี่ยวชาญทางด้านมหาสมุทรวิทยาก็หาวิธีแก้ไขปัญหานี้ได้ โดยการใช้เรือขนาดใหญ่พิเศษ นำแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการบำรุงโปรยลงไปที่ก้นทะเล มันก็เป็นวิธีการเดียวกันกับการใส่ยูเรียเพื่อบำรุงปุ๋ย ต่างกันเพียงแค่เปลี่ยนชนิดของสารอาหารเท่านั้น
เรือพิเศษชนิดนี้พบเห็นได้น้อย ยังดีที่นครเซนต์จอห์นเป็นหนึ่งในเมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา อุปกรณ์ทางการทะเลและเรือมีจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรือแบบไหนก็มีหมด ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีเรือลำพิเศษแบบนี้เป็นธรรมดา
เรื่องเรือทางฝั่งของเรค บิ๊กฟุตเป็นคนช่วยติดต่อให้ เรือขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกของได้ถึงสองพันตัน ที่ใต้ท้องเรือมีท่อขนาดยาวจำนวนมากติดอยู่ ที่ปลายท่อพวกนั้นเป็นแบบสมอปลายเปิด แต่ว่าพวกมันไม่มีตะขอ ที่ปลายด้านหน้าแหลมคม พวกมันจะพุ่งตัวลงสู่ก้นทะเลทันทีที่ถูกปล่อยลงน้ำ
ที่ปลายอีกด้านของท่อพวกนั้นจะถูกเชื่อมต่อกับห้องเก็บสารอาหารที่อยู่ใต้ท้องเรือ ทำให้เรือชนิดพิเศษนี้สามารถปล่อยสารอาหารออกมาได้ตลอดทาง
ค่าใช้จ่ายของเรือสองลำนี้สูงมาก หากคำนวณจากจำนวนไมล์ ทุกๆ ร้อยกิโลเมตรจะต้องเสียเงินไปสี่พันดอลลาร์แคนาดา เมื่อคำนวณจากการที่ต้องวนเรือทั่วฟาร์มปลาหนึ่งรอบแล้ว เงินประมาณสี่ถึงห้าล้านก็คงจะยังไม่เพียงพอ
การปรากฏตัวของเรือชนิดนี้ไม่ได้มีให้เห็นมากนัก มันคือสินค้าสำหรับใช้ขุดเจาะทะเลที่เคยวางแผนกันไว้
แผนขุดเจาะมหาสมุทรทั้งหมด เกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 80 โครงการความร่วมมือระหว่างประเทศในการขุดเจาะใต้ทะเลนั้นจัดขึ้นเพื่อศึกษาวิจัยโครงสร้างดินในพื้นที่มหาสมุทรและการศึกษาประวัติศาสตร์เพิ่มเติม เพราะว่าการวิจัยดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องทำการรวบรวมสุ่มตัวอย่างจากดินทรายที่ใต้ทะเลอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมีการสร้างเรือพิเศษชนิดนี้ขึ้น
ที่มาอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ทำให้การใช้จ่ายสำหรับการใช้เรือชนิดนี้สูงเป็นธรรมดา แน่นอนว่า เมื่อรวมกับสารอาหารที่ใช้บำรุงฟาร์มปลาแล้วยิ่งใช้เงินเยอะเข้าไปอีก
ฉินสือโอวซื้อปุ๋ยแมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม คาร์บอน และซิลิคอนสำหรับบำรุงฟาร์มปลามาโดยเฉพาะ เดิมทีเขาคิดว่าของพวกนี้จะหายาก แต่เมื่อเขาโทรไปถามบิล ปุ๋ยพวกนี้ก็เป็นของที่หาง่ายทันที ฟาร์มขนาดเล็กจำนวนมากก็ใช้ปุ๋ยชนิดนี้ในการบำรุงเช่นกัน
เป็นที่รู้กันดีว่า ตอนนี้ทั่วทั้งโลกต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์การอยู่รอดของการเพาะเลี้ยงปลาบริเวณชายฝั่ง ฟาร์มปลาหลายแห่งไม่ได้รับผลผลิตตามที่เหมาะสม สาเหตุไม่ได้เกิดจากการที่เจ้าของฟาร์มปลาไม่มีเงินพอที่จะลงทุนแก่พวกปลาเล็กปลาน้อย แต่เป็นเพราะว่าที่ใต้ทะเลไม่ได้อุดมสมบูรณ์พอ ทำให้ไม่สามารถปลูกสาหร่ายได้ พวกเขาทำได้เพียงแค่ให้อาหารปลาและกุ้งจากอาหารเทียมเท่านั้น
พอเป็นแบบนี้ปัญหาก็จะตามมา อันดับแรก ปลาและกุ้งที่ถูกเลี้ยงโดยอาหารเทียมจะไม่มีราคา ต่อมา เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการพบเจอการขโมยปลา เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาก็จำเป็นที่จะต้องออกเรือไปลาดตระเวนตลอดเวลา การทำแบบนี้ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองทั้งน้ำมันและทั้งแรงกาย โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายพวกนี้จะรวมอยู่ในราคาในการขายปลาอยู่แล้ว ดังนั้นปัญหานี้จึงนำไปสู่ราคาปลาที่สูงขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าของฟาร์มปลายังจะมีเงินเหลืออีกเท่าไรที่จะนำมาลงทุนได้? โดยเฉพาะการลงทุนทางใต้ท้องทะเลอย่างเรื่องนี้ ถือเป็นการเปลืองแรงเปล่าๆ เพราะสารอาหารใหม่ๆ จากด้านนอกนั้นจะซึมลงทรายใต้ทะเลได้ต้องใช้เวลานาน
ฉินสือโอวซื้อปุ๋ยทั้งหมดหกพันตัน ยังดีที่ของพวกนี้ถูกกว่าปุ๋ยยูเรียอยู่เยอะ หนึ่งตันพึ่งจะราคา 800 ดอลลาร์เท่านั้น การลงทุนในครั้งนี้ถือว่าลงทุนไปเกือบครึ่งล้าน
การจะบำรุงสารอาหารให้ฟาร์มปลาไม่ใช่เรื่องที่เจ้าของฟาร์มปลาคิดจะทำก็ทำได้เลย พวกเขาต้องรายงานไปยังกรมประมงท้องถิ่นด้วย เมื่อได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่พวกเขาจึงจะสามารถจัดหาของพวกนั้นได้ เพราะว่าทางกรมประมงกลัวว่าเจ้าของฟาร์มปลาจะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า หากว่าเทอะไรลงไปในทะเลตามอำเภอใจล่ะก็ แบบนั้นอาจจะเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน
นี่เป็นการแนะนำระบบการจัดการการประมงของแคนาดา แคนาดาเป็นหนึ่งในสหพันธรัฐ ในรัฐธรรมนูญได้มีการกำหนดไว้ว่ากิจการส่วนใหญ่ของการประมงของประเทศต้องถูกบริหารจัดการโดยรัฐบาลเป็นหลัก โดยจะมีการแบ่งเขตการดูแลระหว่างรัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่นจากเส้นแบ่งเขตบาดาล
โดยหน่วยงานท้องถิ่นจะมีอำนาจในการจัดการทรัพยากรภายในเขตบาดาล ส่วนบริเวณที่อยู่เลยนอกเขตบาดาลไปจะเป็นหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องในแต่ละอุตสาหกรรมเข้ามาดูแลจัดการ
โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้นก็จะมีกรมประมง กระทรวงคมนาคม กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ กระทรวงกลาโหม รวมถึงกระทรวงพัฒนาการชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาเหนือและอื่นๆ มันเป็นเรื่องน่าปวดหัวเป็นอย่างมาก เพราะแต่ละหน่วยงานก็จะมีกฎข้อบังคับของตัวเองที่แตกต่างกัน
กฎข้อบังคับของกรมประมงยังครอบคลุมถึงหน่วยงานลาดตระเวนตามชายฝั่งและการจัดการเกษตรและประมง ฉินสือโอวเสนอว่าการตรวจสอบปรับปรุงฟาร์มปลา เป็นหน้าที่ของผู้ที่มาเช่าซื้อทีหลัง
เพราะความสัมพันธ์ของฉินสือโอวและแมทธิว ทำให้ผลการบริหารงานการเกษตรและประมงของนครเซนต์จอห์นมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง ก่อนที่แมทธิวจะเข้าร่วมกับกรมประมงเขาได้เสนอเรื่องนี้ขึ้นไปแล้ว ในที่สุดตอนนี้มันก็ได้รับการอนุมัติ
ในมุมมองของใครหลายคนมักมองว่าประสิทธิภาพของกรมประมงและการเกษตรค่อนข้างต่ำ อันที่จริงเรื่องนี้ถือว่าจัดการได้ค่อนข้างรวดเร็ว หากไม่เป็นเพราะแมทธิวเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ข้อเสนอในการปรับปรุงของฉินสือโอว เกรงว่าแม้จะผ่านไปครึ่งเดือนก็คงไม่มีอะไรคืบหน้า
แคนาดามักจะบอกเสมอว่ารัฐบาลของพวกเขามีความกระตือรือร้นในการทำงานสูง ประสิทธิภาพดีเยี่ยม การที่พวกเขาทำงานกันไม่หยุดหย่อน นั่นก็เพราะว่าราชการของแคนาดาแต่ละคนไม่ได้มีแต่คนสูงวัย แต่ผลงานที่แสดงออกมากลับทำให้ผู้คนต่างพากันหัวเราะเยาะ
เมื่อเรือลำใหญ่แล่นเข้าสู่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็เข้าไปดูงานด้วยตัวเอง ห้องบังคับเรือขนาดใหญ่พิเศษนี้เหมือนกับห้องบังคับเครื่องบนเครื่องบิน ข้างในห้องมีปุ่มและอุปกรณ์บังคับมากมาย ส่วนท้องเรือนั้นแยกออกมาต่างหาก แต่ละห้องมีชื่อสารอาหารแต่ละชนิดเขียนไว้ ห้องใต้ท้องเรือที่ใหญ่ที่สุดเป็นห้องสำหรับผสมสารอาหาร เพราะว่าพื้นที่ฟาร์มปลาจำนวนมากยังจำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารหลากหลาย
เรคติดตามมาที่ฟาร์มปลาด้วยตัวของเขาเอง เขาแจ้งถึงราคาสุดท้ายที่คำนวณมาแล้วให้แก่ฉินสือโอว ทุกกิโลลดไปสิบห้าดอลลาร์ แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มาก แต่หนึ่งร้อยกิโลก็เป็นเงินหนึ่งพันห้าร้อยดอลลาร์แล้ว
ฉินสือโอวเชิญเรคมานั่งอยู่ที่ใต้ร่มบริเวณชายหาดด้วยกัน ฉินสือโอวรินเบียร์เย็นๆ และนำของกินอย่างถั่วต้ม พริกดอง และถั่วสโนว์พีจำนวนหนึ่งมาให้เขา จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็นอนเอนลงบนเก้าอี้และพูดคุยกัน
เรคพูดออกมาด้วยความอิจฉาในการใช้ชีวิตของฉินสือโอว เขากินถั่วสโนว์พีหนึ่งคำตามด้วยเบียร์อีกหนึ่งอีกอึก พลางถอนหายใจออกมาว่า “เพื่อน คุณกับพวกผมนี่เหมือนอยู่กันคนละโลกเลยนะ พวกผมอยู่ในโลกมนุษย์และเอาแต่วุ่นวายกับเรื่องบนโลก แต่คุณกลับมองดูพวกเราจากท้องฟ้าด้วยความสบายใจ”
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา “ถ้าหากว่าคุณคิดอยากจะใช้ชีวิตแบบนี้ เช่นนั้นก็มาอยู่ที่ฟาร์มปลาของพวกเราสิ ผมมีบ้านพักอยู่ที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงอยู่ราวสี่สิบกว่าหลัง ตอนนี้สร้างโครงสร้างเสร็จแล้ว พอทำหลังคาเสร็จก็คงจะเสร็จแล้ว คุณอยากได้สักหลังไหม? ”
เรคเป็นคนที่ใจกล้าและยินดีที่จะทำเรื่องต่างๆ ถ้าหากว่าคุณสามารถเป็นเพื่อนบ้านกับคนประเภทนี้ได้ ฉินสือโอวก็ยินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าเขานั้นมีเส้นสายมากมายในมหานครเซนต์จอห์น
พูดถึงฟาร์มปลาแกธเธอริง เรคก็รู้ได้อย่างชัดเจนขึ้นมาทันที เขายกมือขึ้นลูบคางแล้วมองไปยังฉินสือโอวด้วยความสงสัยและถามออกมาว่า “คุณพูดจริงเหรอ?”
“จริงสิ เลือกบ้านมาสักหลัง คุณดูว่าคุณจ่ายได้เท่าไรก็เท่านั้น” ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเสียงดัง
เรคครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจิบเบียร์พลางมองออกไปยังท้องทะเลอย่างครุ่นคิด
ฉินสือโอวไม่ได้มีเรื่องอื่นให้ต้องไปจัดการ มีเพียงเรื่องเรือลำใหญ่สองลำนี้เท่านั้นที่ต้องจัดการ และเขาได้ส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนตามเรือสองลำนั้นไป ฉินสือโอวเห็นว่าท่อใต้ท้องเรือได้ลงไปยังก้นทะเลแล้ว อุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายสมออันแหลมคมถูกเสียบเข้าไปในทรายใต้ทะเล ของบางอย่างที่มีลักษณะเหมือนทรายดูดไหลออกมาตามท่อ
ท่อใต้ท้องเรือขนาดใหญ่มีความยาวมากที่สุดถึงหนึ่งร้อยกว่าเมตร เป้าหมายของพวกมันคือบริเวณน้ำตื้นตรงไหล่ทวีป แต่ท่อที่มีขนาดไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตรไม่สามารถเข้าไปจัดการที่บริเวณน้ำลึกได้ บริเวณเหล่านั้นไม่มีสาหร่ายและพืชน้ำมากนัก และไม่ค่อยมีปลาตัวเล็กๆ ด้วย ไม่จำเป็นจะต้องได้รับการบำรุงสารอาหาร
………………………………………….