ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 759 ชมทะเล
บทที่ 759 ชมทะเล
โดย
Ink Stone_Fantasy
ยังไม่ถึงเวลากินข้าว ฉินสือโอวเลยพาคาเมรอนและเคอร์ไปชมรอบๆ ฟาร์มปลาพร้อมกับแนะนำฟาร์มปลาของตัวเองให้พวกเขาฟัง
เซลียาและการ์เซียกำลังยุ่งอยู่กับการรวบรวมขยะพลาสติก พวกเขาขอให้ชาร์คมาช่วยใช้เรือเล็กลากตาข่ายเอาขยะพลาสติกมารวมกันไว้ เลือกทำเลแล้วทำการสร้างเกาะเล็กๆ ด้วยฝีมือมนุษย์
อันที่จริงการเอาขยะพลาสติกมารวมกันก็ไม่ได้ยากเย็นเท่าไร ก่อนหน้านี้ที่ฉินสือโอวไม่ได้รวบรวมก็เพราะไม่รู้ว่าเอามารวมกันแล้วจะเอาไปไว้ที่ไหน
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่แคนาดาทำกันอย่างเคร่งครัดมาก การโยนขวดพลาสติกไปมั่วๆ แค่ขวดเดียวก็อาจจะโดนลงโทษได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขยะพลาสติกในฟาร์มปลาที่มีมากขนาดนี้เลย
ชายหาดยังคงมีขยะพลาสติกปลิวว่อนอยู่ส่วนหนึ่ง ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันไม่เจริญตา เลยคิดจะพาทั้งสองไปเที่ยวดูฟาร์มปลาแกธเธอริง
เคอร์พูดพลางหัวเราะ “ไม่เพื่อน คุณต้องคอยดูขยะพลาสติกพวกนี้ดีๆ เพราะพวกมันมีค่ามากกว่าสี่ล้านเลยนะ”
ฉินสือโอวไม่เข้าใจเลยว่าทำไมขวดไวน์สี่ขวดนั้นถึงได้มีราคาขนาดนั้น พอเคอร์รู้ก็อธิบายให้เขาฟังว่ามูลค่าของมันคือการอนุรักษ์ เพราะมันไม่ได้เป็นแค่ไวน์องุ่น ที่จริงแล้วขวดไวน์สี่ขวดนั้นเป็นตัวแทนของการสืบสานกันต่อมาหรือพูดง่ายๆ ก็คือมันมีคุณค่าทางจิตใจ
อีกอย่างตอนนี้เขาไม่สามารถรับประกันได้ว่าไวน์ด้านในจะมีสภาพเป็นอย่างไร ถ้าตรวจสอบดูแล้วยังใช้ได้ เจ้าไวน์สี่ขวดนั้นก็จะมีราคาสูงขึ้นอีกสองเท่าได้อย่างง่ายๆ เลย ขายให้ไร่องุ่นใหญ่ๆ หรือขายให้พวกนักสะสมไวน์ที่บ้าคลั่งก็อาจจะขายได้ถึงขวดละสิบล้าน
ฉินสือโอวเห็นเคอร์ดีอกดีใจเวลาพูดถึงขวดไวน์เลยพูดออกไปอย่างใจป้ำ “ถ้าคุณชอบก็เลือกไปสักขวดสิเพื่อน ผมไม่ขายไวน์หมดทั้งสี่ขวดนั้นหรอก แต่ถ้าเพื่อนชอบ ผมก็ไม่ขี้เหนียว”
เขาคำนวณเรื่องผลประโยชน์ได้ดีมาก ตอนนี้มิตรภาพของเขากับตระกูลสเตราส์ก็คือจดหมายตกทอดฉบับนั้น ถ้าให้ของที่มีราคาเป็นของขวัญได้สักชิ้นเพื่อเสริมมิตรภาพทั้งสองฝ่าย ต่อไปสิ่งที่ได้รับก็จะยิ่งมากกว่า
การจะได้ใจคนรวยนั้นไม่ง่าย แต่ถ้าได้แล้วก็จะมีประโยชน์มหาศาล
เคอร์รู้ถึงจุดนี้ดี เขาส่ายหัวพลางยิ้ม บอกว่าเขาเพียงแค่ได้ชิมไวน์อยู่บ้างเท่านั้น ไม่ได้สนใจไวน์โบราณที่แสนแพงนี่นักหรอก แล้วปฏิเสธความปรารถนาดีของฉินสือโอว
ทั้งสามคนนั่งรถข้ามเมืองไปที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง ที่นี่มีชายฝั่งที่สวยที่สุดบนเกาะแฟร์เวล ก่อนหน้านี้อัลเบิร์ตเจาะแนวปะการังชายฝั่ง แล้วยังเทสารพิษ Pdpa ลงไปที่ชายฝั่ง ทำลายระบบนิเวศในเขตชายฝั่งนี้จนสิ้น
มีเสียก็ต้องมีได้ แม้ไม่มีปลากุ้งและหญ้าทะเล แต่ทะเลบริเวณนี้ก็เป็นสีฟ้าใสเป็นพิเศษ แสงแดดช่วงบ่ายส่องสว่างจากชายฝั่งลงไปร้อยกว่าเมตรผ่านน้ำทะเลไปยังก้นทะเลได้อย่างง่ายดาย
หลังจากอากาศร้อนแผ่ไปทั่วทุกที่ อากาศของนิวฟันด์แลนด์ก็ถือว่าดีใช้ได้เลยทีเดียว คลื่นลมสงบ เริ่มมีแสงแดด ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่เอะอะอะไรก็มืดฟ้ามัวฝน
ยืนอยู่ที่ชายฝั่งแบบนี้ เท้าเหยียบทรายที่เนียนละเอียด สัมผัสลมทะเลที่อบอุ่น อาบแสงแดดร้อนแผ่วๆพลางมองไปที่ท้องทะเลกว้างสีฟ้าคราม และฟองคลื่นขาวราวหิมะ พร้อมฟังเสียงนกนางนวลร้องอยู่ไกลๆ ช่างสุขใจจนหาอะไรเปรียบไม่ได้เลยจริงๆ
“ผมกล้าพนันเลยว่าตอนนี้พวกคุณต้องอยากได้เบียร์เย็นๆ สักแก้ว” ฉินสือโอวพูดพลางยิ้มแล้วแกว่งมือเอากระป๋องเบียร์เย็นๆ โยนให้ทั้งสองคน
คาเมรอนคว้าเบียร์ไว้ หลังจากเปิดแล้วก็กระดกไปหนึ่งอึกแล้วถอนหายใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชนะพนันแล้ว ดื่มเบียร์สักอึกในเวลาแบบนี้เป็นอะไรที่มีความสุขสุดๆ แล้ว”
เสียงหวูดของเรือดังมาจากไกลๆ แต่ต้องฟังให้ชัดอีกหน่อย ความรู้เรื่องท้องทะเลของคาเมรอนไม่ได้น้อยไปกว่าฉินสือโอว พอได้ยินเสียงเขาก็เอามือขึ้นมาป้องที่หน้าผากมองไปทางท้องทะเลแล้วถามอย่างตกใจ “ปลาวาฬหลังค่อม? วาฬเบลูกา? หรือวาฬสีน้ำเงิน?”
นี่คือชนิดวาฬที่เชี่ยวชาญในการทำเสียงหวูด การทำเสียงหวูดนี้ไม่ได้เป็นเพราะสัญชาตญาณโดยธรรมชาติของพวกมัน แต่เป็นเพราะพวกมันเชี่ยวชาญในการเลียนแบบ ระหว่างทางที่อพยพพวกมันเคยได้ยินเสียงที่เกิดจากการชักหวูดเรือแล้วจดจำไว้ บางครั้งก็จะทำเสียงเลียนแบบเสียงนี้ออกมาก
บอลหิมะชอบเสียงฮู่ๆ ตอนสตาร์ทเจ็ทสกี เพราะเสียงที่มันได้ยินบ่อยที่สุดคือเสียงขับเจ็ทสกีของฉินสือโอว แต่ฉินสือโอวไม่ชอบให้มันทำเสียงแบบนี้เท่าไร เพราะมันช่างคล้ายเสียงผายลมเหลือเกิน
เพราะเป็นเสียงที่ทำเลียนแบบจึงแยกแยะได้ยากมากว่าเป็นวาฬชนิดไหน แม้แต่ชาวประมงเก่าแก่ที่ใช้ชีวิตอยู่กับทะเลมาเป็นเวลานานก็ไม่สามารถทำได้
ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปดู เป็นวาฬหลังค่อมตัวใหญ่ที่พาลูกวาฬน้อยมาว่ายน้ำเล่น จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “ฟังเสียงแล้วเหมือนวาฬหลังค่อม”
เคอร์ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดก็หัวเราะ ส่วนคาเมรอนก็ไม่ได้ใส่ใจ นี่ทำให้นายท่านฉินใจฝ่อ ที่ผมพูดมันเป็นความจริงนะ
นกนางนวลไม่กี่ตัวกางปีกบินหาอาหารอยู่เหนือท้องทะเล แต่ไม่นานพวกมันก็ตีกันชุลมุน ดูเหมือนว่าจะมีนกนางนวลตัวหนึ่งจับปลาดีๆ ได้หนึ่งตัว นกนางนวลตัวอื่นๆ ก็เลยรุมไล่ล่ามันและตีมันจนกระเจิง
ในวรรณกรรมนกนางนวลถูกแต่งให้เป็นผู้กล้าที่ต่อสู้กับคลื่นลมอย่ากล้าหาญ หรือไม่ก็เป็นพี่น้องที่กลมเกลียวกัน แต่ที่จริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น นกนางนวลเป็นนกทะเลที่เห็นแก่ตัวและชอบรังแกตัวที่อ่อนแอกว่าเป็นอย่างมาก
ก็เหมือนที่นายพรานตัวจริงจะไม่ยกย่องหมาป่า ลูกเรือและชาวประมงก็จะไม่ชอบนกนางนวล ความตะกละของพวกมันทำให้พวกชาวประมงเกลียดจนอยากจะฆ่าให้ตาย แต่น่าเสียดายที่กรมประมงของอเมริกาเหนือมีกฎห้ามฆ่านกทะเล
เหล่านกนางนวลกำลังเข่นฆ่ากันอย่างสนุกสนาน นกตัวใหญ่ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือพวกมันราวกับเมฆทะมึน จากนั้นมันก็บินลงมาพร้อมกับแผดเสียงราวฟ้าผ่า แล้วพุ่งเข้าไปในฝูงนกนางนวลในชั่วพริบตา จากนั้นก็ตีเหล่านกนางนวลจนมึนและร้องตกใจหนีแตกกระเจิงไป
หลังจากนั้นเงาร่างที่แข็งแรงและใหญ่กว่าก็ปรากฏขึ้น มันร่อนไปบนผิวน้ำด้วยความเร็ว ดวงตาเหยี่ยวที่แหลมคมจ้องมองผิวน้ำด้วยใบหน้าเคร่งขรึมราวกับราชาตรวจตราดินแดน
ท่ามกลางแสงแดดจ้า มันพุ่งพรวดไปอย่างฉับพลัน ยื่นอุ้งเท้าทั้งสองออกมาอย่างรวดเร็วแล้วจับปลาค็อดขนาดสี่ห้าสิบเซนติเมตรขึ้นมาจากในน้ำ กระพือปีกที่ทรงพลังทั้งคู่พร้อมเอาปลาตัวนี้บินตรงไปบนท้องฟ้า
ภายใต้แสงอาทิตย์อุ้งเท้าของมันดูราวกับทองคำที่แกะสลัก พอสะท้อนกับแสงแดดแล้วแสงนั้นก็ยิ่งบาดตา
“พระเจ้า เป็นนกอินทรีหัวขาวจริงๆ!” เคอร์พูดอย่างชื่นชม เขาเอาโทรศัพท์ออกมาอย่างลนลานเพื่อจะถ่ายรูป แต่ครู่เดียวก็ไม่เห็นแม้เงาของนกอินทรีหัวขาวตัวนั้นแล้ว
ที่คาเมรอนสนใจคือนกใหญ่อีกตัวมากกว่า เขามองนกใหญ่ตัวนั้นที่บินร่อนอยู่บนฟ้าอย่างสบายใจและหยิ่งยโส จนกระทั่งไร้เงาของนกตัวนั้นแล้ว เขาถึงได้พูดกับฉินสือโอว “นั่นมันสัตว์เลี้ยงของพระเจ้า! มันคือนิมิตส์?!”
“ใช่แล้ว นั่นคือนิมิตส์กับเพื่อนของมัน นกอินทรีหัวขาวตัวนั้นชื่อว่าบุช” ฉินสือโอวแนะนำ
“นิมิตส์? บุช? ฮ่าๆ” เคอร์รู้ความหมายของชื่อสองชื่อนี้เป็นอย่างดีก็เลยหัวเราะออกมาอยู่ครู่หนึ่ง แต่หัวเราะได้แค่ครึ่งเสียงก็ชะงักแล้วมองฉินสือโอวอย่างประหลาดใจ “อย่าบอกนะว่าคุณเลี้ยงเจ้านกสองตัวนี้?”
ฉินสือโอวไม่อยากดูเด่น เขาเลยพูดพลางยิ้ม “นิมิตส์เป็นนกที่ผมเลี้ยงเอาไว้ แต่บุชไม่ใช่ ใครจะเลี้ยงนกอินทรีหัวขาวที่หยิ่งยโสได้ล่ะ? แต่ว่ามันเป็นเพื่อนของนิมิตส์เลยมาที่บ้านผมบ้างบางครั้ง”
เคอร์ตบอกแล้วชี้ไปที่เขาพลางพูด “อย่างนั้นก็ดีแล้ว ถ้าคุณบอกว่าคุณยังสามารถเลี้ยงนกอินทรีหัวขาวได้อีก ผมคงจะอิจฉาคุณจริงๆ”
………………………………………………….