ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 761 เรือเจ้าสาวร้องไห้
บทที่ 761 เรือเจ้าสาวร้องไห้
โดย
Ink Stone_Fantasy
พอได้ยินว่าอาจจะเป็นเรือล่าฉลามฉินสือโอวก็รีบส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกระจายออกไป เฮยป้าหวังที่กำลังว่ายน้ำอยู่แถวๆ นั้นพอดี พอได้รับจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็รีบว่ายไปทางจุดนั้นของฟาร์มปลาอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงบริเวณรอบๆ เรือล่าฉลาม ฉินสือโอวมองเห็นน้ำทะเลใส เรือลำใหญ่จอดอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ราวกับสัตว์ยักษ์ที่หลับอยู่บนผิวน้ำ บริเวณรอบๆ ก็ไม่มีฉลามหรือวาฬที่ถูกล่า
เพียงให้เฮยป้าหวังไปสืบดูก็ไม่ต้องสงสัยอะไรอีก นี่คือเรือประมงธรรมดา บนเรือเงียบงันไร้เสียงราวกับไม่มีใครสักคน
ไม่ใช่เรือล่าฉลาม ฉินสือโอวก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง พอดีเรือกำปั่นทะเลใต้ที่เพิ่งได้มาอยู่ห่างจากเรือลำนี้ไม่ไกล เขาเลยวิทยุไปหาบูลที่เข้าเวรอยู่ให้เขาพาคนไปดู
เรือกำปั่นทะเลใต้เป็นเรือติดอาวุธที่นอกจากปืนฉีดน้ำไอพ่นแล้วยังมีมิสไซล์ดับเพลิงที่ใส่เพิ่มเข้ามา และยังมีของที่วิศวกรที่เซี่ยงเฮ่าพามาปรับแต่งเพิ่มอีก เรือลำนี้สามารถรับเรดาห์นำทางจากบนฝั่งและมีระยะการโจมตีสี่สิบกิโลเมตร!
เจ้าสิ่งนี้สามารถเอาไปใช้งานทางการทหารได้เลย เพียงแต่ไม่มีใครรายงานเจ้าหน้าที่ก็เลยไม่ได้ทำอะไรและก็ยังไม่มีใครรู้ว่าฉินสือโอวมีเครื่องมือสังหารแบบนี้อยู่
แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ดับเพลิง แม้จะถูกตรวจสอบก็ไม่ต้องกลัว ก็แค่บอกว่าเป็นอุปกรณ์ดับเพลิงระยะไกล ซึ่งมันอันตรายเกินไป และเกาะแฟร์เวลก็เป็นเมืองที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวเป็นหลักจึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ดับเพลิงระยะไกลแบบนี้เป็นธรรมดา แบบนี้ถึงจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของพนักงานได้ดีที่สุด
รัฐบาลแคนาดาผ่อนคลายต่อการจัดการกับอาวุธลงมาก ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวเห็นข่าวที่บอกว่าพวกตำรวจม้าค้นพบรถถังเอ็มโฟร์ เชอร์แมน จากสมัยสงครามโลกครั้งที่สองสองคัน และปืนใหญ่เอ็ม 114 ขนาด 115 มม.หนึ่งคันที่บ้านเก่าแถวชานเมือง
รถถังและปืนใหญ่เป็นอุปกรณ์ทางการทหารของแท้ รัฐบาลจะยึดแต่ผู้สะสมไม่ยอมจึงฟ้องร้องรัฐบาลต่อศาลว่าเขาสะสมอาวุธเหล่านี้เพียงเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงช่วงเวลาที่ผ่านไป ไม่เคยใช้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย มีสิทธิ์อะไรมายึดทรัพย์สินส่วนตัวของเขา?
เรือความเร็วสูงเคลื่อนที่อย่างเต็มกำลังราวกับฉลามที่ฝ่าคลื่นออกมา เรือมุ่งไปยังทะเลบริเวณที่เรือประมงจอดอยู่อย่างรวดเร็ว
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ บูลก็ส่งข่าวมาว่า “เรือลำนี้มีชื่อว่า ชาร์บาส ครับบอส พวกผมลองไปตรวจดูสักหน่อยแล้ว น่าแปลกมาก บนเรือดูเหมือนจะไม่มีคนเลย? คงไม่ใช่เรือผีสิงหรอกนะ?”
คนในห้องเรดาห์หัวเราะขึ้นมา ชาร์คพูดพลางหัวเราะ “ถ้าเป็นเรือผีสิงจริง นายก็ขึ้นไปดูหน่อยสิเพื่อน ถ้านายกลับมาได้ก็จะเป็นคนแรกที่รอดกลับมาจากการสำรวจเรือผีสิง”
เบิร์ดเข้าเว็บไซต์ของกรมประมงแคนาดา ไม่นานก็เจอข้อมูลของเรือลำนี้ ‘เรือชาร์บาส’ ขึ้นทะเบียนเป็นเรือประมงในทะเลของแฮลิแฟกซ์ สังกัดบริษัทการประมงจับฉลาม ดูจากข้อมูลแล้วมันออกจากแฮลิแฟกซ์มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน มีจุดหมายคือมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมมันถึงมาจอดอยู่ที่ฟาร์มปลาของเราล่ะ? และชาร์คยังบอกอีกว่าบนเรือไม่มีคน คงไม่ได้หมายความว่ามันกลายเป็นเรือผีสิงไปแล้วจริงๆ หรอกนะ?” ชาร์คเกาหัวพลางถาม
ฉินสือโอวส่ายหน้าแล้วหยิบวิทยุขึ้นมาพูด “บูลนายลองไปดูให้ละเอียดหน่อย…”
“กัปตัน บูลไม่อยู่ครับ เขาเพิ่งจะขับเจ็ทสกีไปทางเรือผีสิง บอกว่าอยากเข้าไปดูสถานการณ์ใกล้ๆ” เสียงอ่อนๆ ของแซ็กดังขึ้น
พอได้ยินดังนั้น ฉินสือโอวก็คิ้วขมวดทันที เขาพูดด้วยความโกรธ “เวรเอ๊ย! เจ้าบ้านี่นับวันยิ่งใจกล้าบ้าบิ่นขึ้นไปทุกที! ให้เขากลับมา รีบกลับมาเลย!”
บูลพกวิทยุติดตัวไปด้วย ดังนั้นเขาเลยได้ยินสิ่งที่ฉินสือโอวพูด แต่พอเขาตอบกลับ เขาก็เข้าใกล้เรือชาร์บาสแล้ว เขาพูดด้วยใบหน้าทะเล้น “กัปตัน ผมก็แค่จะมาดูสถานการณ์ใกล้ๆ ก็เท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก หรือว่าในทะเลมีเรือผีสิงจริงๆ?”
เทียบกับบูลแล้ว ซีมอนสเตอร์ ชาร์คและพวกชาวประมงเก่าแก่มีความยำเกรงต่อท้องทะเลอยู่มาก พวกเขารีบพูดกันจ้าละหวั่น “ระวังหน่อยเจ้าบ้าเอ๊ย ต้องมีเรือผีสิงจริงๆ อยู่แล้ว หรือนายลืมเรื่องเรือเจ้าสาวร้องไห้ที่ลอยอยู่ที่เกาะพาลีไปแล้ว?”
“ตอนนั้นเขาอาจจะเด็กเกินไป แต่ฉันไม่ลืมหรอกนะ น่ากลัวจะตาย!”
“ต่อจากนั้นเรือเจ้าสาวร้องไห้ไปไหนแล้วล่ะ?”
“ว่ากันว่าอยู่ๆ ก็หายไป? ตอนนั้นตำแหน่งดาวเทียมยังไม่สมบูรณ์อย่างตอนนี้ อยู่ดีๆ ผู้คนก็ไม่รู้ว่ามันหายไปไหนแล้ว”
ได้ยินคนเหล่านี้คุยกันอย่างคึกคัก ฉินสือโอวที่ชื่นชอบข่าวลือก็คันปากอยากรู้ พอเตือนให้บูลระวังตัวแล้วเขาก็ถามชาร์ค “เรือเจ้าสาวร้องไห้? เรื่องอะไรกัน?”
ชาร์คกระแอมสองครั้งเพื่อเคลียร์คอแล้วเริ่มเล่าด้วยท่าทางจริงจัง “ก่อนอื่นผมต้องบอกคุณก่อนนะบอส ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ใครแต่งขึ้นมา มันเป็นเรื่องจริงครับบอส เรื่องจริง!”
พวกซีมอนสเตอร์พยักหน้าอย่างบ้าคลั่งแล้วพูดว่า “จริงครับ นี่เป็นเรื่องจริง” “จริงจนไม่รู้จะจริงยังไงแล้ว พ่อของผมเคยเห็นมันมากับตา!” “ขอให้พระเจ้าคุ้มครองพวกเราด้วย นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ”
“โอเค อย่ามัวร่ำไร รีบเล่ามาเถอะ” ฉินสือโอวพูดเร่ง
ชาร์คพูดช้าๆ ด้วยเสียงต่ำ “เรือเจ้าสาวร้องไห้คือฉายาที่พวกเราเรียกกัน ชื่อเดิมของเรือผีสิงลำนี้มีชื่อว่า เบย์ชิโม เป็นเรือสินค้าลำหนึ่งของบริษัทฮัดสัน เบย์ ในระหว่างการก่อสร้างมีคนงานอู่ต่อเรือเสียชีวิตในห้องโดยสาร”
“พอดีว่าคนงานคนนี้เตรียมจะแต่งงานอยู่แล้ว อยู่ๆ เขามาเสียชีวิตไป เจ้าสาวก็ต้องโศกเศร้าเป็นธรรมดา เจ้าสาวที่ได้รับคำเชิญให้มาพิธีเปิดก็ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในเรือ”
“ตอนนั้นเรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นลางร้าย แต่บริษัทเจ้าของเรือไม่เชื่อ และจ้างกัปตันที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งมาขับเรือลำนี้ แล้วใช้เป็นเรือพาณิชย์ขนส่งสินค้าประเภทขนสัตว์ของแคนาดาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20”
“แต่เมื่อปี 1931 เรือเบย์ชิโมโดนพายุพัดไปใกล้ถึงอะแลสกา จากความพยายามที่จะออกไปหลายครั้ง ลูกเรือทั้งหมดก็ถูกพาออกมาจากอันตรายได้อย่างปลอดภัย หลังพายุหิมะผ่านไปผู้คนก็วางแผนจะกู้เรือกลับมาจากสภาพที่ย่ำแย่ แต่เพราะตัวเรือเสียหายไปมากแล้ว บริษัทฮัดสัน เบย์เลยต้องตัดสินใจสละเรือ”
ฉินสือโอวกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย นี่มันมีอะไรให้ตกใจ? ดูแล้วพวกชาวประมงแต่ละคนมีท่าทีหวาดกลัวและจริงจังเป็นอย่างมาก
ซีมอนสเตอร์มองออกว่าฉินสือโอวไม่สนใจก็เลยผลักชาร์ค แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “เฮ้ย เพื่อน นายเกริ่นยาวไปแล้ว เล่าเรื่องจะเกริ่นยาวขนาดนี้ไปทำไมกัน? มา ให้ฉันเล่าเอง!”
“บอส สิ่งที่ทำให้คนตกใจกันคือหลังจากนั้น ตามปกติแล้วเรือโบราณแบบนี้ถ้าไม่มีคนดูแลรักษาก็ต้องชำรุดทรุดโทรมอย่างรวดเร็วเพราะมันโดนพายุที่อะแลสกา! ในความเป็นจริงก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ไม่มีใครได้ข่าวมันเลยตลอดห้าสิบปีเต็ม!”
“ที่น่ากลัวคือ…”
“กัปตัน นี่ นี่ นี่ดูเหมือนจะเป็นเรือผีสิงจริงๆ…” อยู่ๆ เสียงตะกุกตะกักของชาร์คก็ดังขึ้นมาตัดบทซีมอนสเตอร์
…………………………………………………