ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 773 ไวโอลินที่หลงลืมไป
บทที่ 773 ไวโอลินที่หลงลืมไป
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนบ่ายพวกเชอร์ลี่ย์ก็เอาตะกร้าเล็กๆ ไปเก็บหอยทากทะเลอีกรอบ เจ้าสิ่งนี้พอกินเข้าไปแล้วรสชาติดีจริงๆ โดยเฉพาะถ้าเอามาอบกิน เหมือนที่ฉินสือโอวพูด นี่มันอาจจะอร่อยกว่าหอยทากอบแบบฝรั่งเศสเสียอีก
การ์เซียประหลาดใจมาก บอกว่าเขาเคยกินหอยทากอบในกระดองหอยหวานมาหลายครั้งแล้ว แต่รสชาติก็ไม่ได้ดีขนาดนี้ คุณภาพของหอยทากทะเลในครั้งนี้ดีเป็นพิเศษ
ดีแน่นอนสิ ฉินสือโอวพูดในใจ เจ้าพวกนี้กินอะไรเข้าไปล่ะ? สาหร่ายคอมบุแอตแลนติกเหนือที่เต็มไปด้วยพลังโพไซดอนไง
ตอนค่ำก็ยังทำหอยทากอบอีก เพราะบัตเลอร์ขับเครื่องบินมา เขาต้องการจะมารับอาหารทะเลไปอีก
เดิมทีช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวยุ่งมากเลยไม่ได้ออกไปจับปลา แต่เรือนาร์วาลจับปลาของฟาร์มเขาไปไม่น้อย ตอนนั้นตำรวจทางทะเลอนุญาตให้ส่งปลาคืนเจ้าของเดิม ปลาทะเลเลยถูกส่งเข้าถังน้ำแข็ง
จุดขายของอาหารทะเลอยู่ที่ความสด แช่น้ำแข็งนานๆ แล้วก็จะเสียราคา เพราะแบบนี้ฉินสือโอวเลยโทรหาบัตเลอร์ให้เขามาขนอาหารทะเลเหล่านี้ไป
บัตเลอร์กระโดดลงจากเครื่องบิน แล้วอ้าแขนเข้าหาฉินสือโอวมาแต่ไกล เขาวิ่งเข้ามาหาอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับตัวอัลปากาในช่วงผสมพันธุ์
ฉินสือโอวตกใจ อ้าแขนออกแล้วถามว่า “คุณบ้าไปแล้วเหรอไง? เป็นอะไร?”
บัตเลอร์หัวเราะฮ่าๆ “แน่นอน เพื่อน ผมบ้าไปแล้ว ผมบ้าเกินไปแล้ว! คุณช่างเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงๆ ฉิน ผมรู้จักคนไม่ผิดจริงๆ คุณช่างซื่อสัตย์เหลือเกิน…”
“พูดภาษาคน โอเคไหม?”
“ผมได้ยินเรื่องตระกูลมอร์รี่แล้ว คุณยึดเรือของพวกเขาและพอคนพวกนี้มาเจรจากับคุณก็ถูกคุณด่ากลับไปอีก? ฉิน ไม่นานมานี้ผมรู้จักเพื่อนร่วมชาติของคุณคนหนึ่ง ผมได้เรียนรู้คำคำหนึ่งมา คนจริง!” บัตเลอร์ตบไหล่ฉินสือโอว “คุณคือคนจริง!”
“ขอบคุณ ผมคือคนจริงจริงๆ”
บัตเลอร์เอาสมุดบัญชีมาทั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์และแบบกระดาษ เพื่อให้สะดวกต่อฉินสือโอวในการตรวจดู
ในเรื่องนี้ฉินสือโอวเชื่อถือบัตเลอร์มาก จะใช้คนก็อย่าระแวง หากระแวงใครก็อย่าใช้เขา บัตเลอร์เป็นคนฉลาด เขารู้ว่าถ้าตัวเองจบเห่เพราะเล่นตุกติก ก็ยังมีคนที่อยากจะร่วมทำธุรกิจอาหารทะเลกับฟาร์มปลาต้าฉินต่อแถวยาวตั้งแต่เซนต์จอห์นไปจนถึงโทรอนโต
ดังนั้นเขาเลยเห็นค่าโอกาสในครั้งนี้มาก ไม่กล้าทำอะไรลับหลังฉินสือโอวเด็ดขาด
บัตเลอร์ตื่นเต้นอยากจะเที่ยวชมฟาร์มปลา ฉินสือโอวไม่อยากบ้าไปกับเขาเลยบอกว่าฟาร์มปลาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะมีอะไรให้ดูอีก?
“คุณกำลังคิดที่จะสร้างน้ำพุร้อนไม่ใช่เหรอ? ไปดูน้ำพุร้อนของคุณหน่อยก็ได้” บัตเลอร์พูดอย่างมีความหวัง
ฉินสือโอวลูบจมูก แล้วอธิบายอย่างจนใจ “น่าเสียดาย แต่ตอนนี้คงดูไม่ได้แล้ว ตอนที่ผมเตรียมจะสร้างน้ำพุร้อน ก็ได้หาทีมงานก่อสร้างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ผลสุดท้ายภูเขาไฟใต้ทะเลปะทุ จากนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาที่เชิญมาก็บอกผมว่าหนึ่งถึงสองเดือนนี้ไม่สามารถสร้างน้ำพุร้อนได้เพราะการก่อตัวของหินอาจจะไม่เสถียร”
เหมือนที่โบราณว่าไว้ ไฟไหม้ที่ประตูเมืองก็เป็นภัยพิบัติสำหรับปลาในคูเมืองเช่นกัน ภูเขาไฟก้นทะเลที่ยาวไกลขนาดนั้นปะทุขึ้นมา ย่อมส่งผลกระทบต่อน้ำพุร้อนของเกาะ ฉินสือโอวแล้วคิดไปแล้วก็ปวดหัว
แต่จะให้ดื้อรั้นเริ่มงานไป เขาก็ไม่กล้า
พลังของภูเขาไฟใต้ทะเล เขาเองก็เคยเห็นมาแล้ว ถ้าน้ำพุร้อนเริ่มพ่นลาวาออกมาเหมือนกัน อย่างนั้นเกาะแฟร์เวลทั้งเกาะคงต้องล่มสลาย
บัตเลอร์ถุยน้ำลายแล้วพูด “โอเค อย่างนั้นผมไปคุมคนงานทำงานละกัน”
ฉินสือโอวเดินกลับไป เห็นวินนี่กำลังเรียกเชอร์ลี่ย์
เชอร์ลี่ย์ถือตะกร้าเดินคอตกไปอย่างไม่เต็มใจ ฉินสือโอวถาม “ทะเลาะกับพี่วินนี่เหรอ?”
“ไม่ใช่อย่างแน่นอน” เชอร์ลี่ย์รีบปฏิเสธ
“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงอารมณ์ไม่ดีล่ะ”
เชอร์ลี่ย์ขมวดคิ้วเล็กๆ ถอนหายใจอย่างผิดหวัง แล้วอ้าปากเล็กๆ พูด “พี่วินนี่ไม่มีอะไรทำ เลยบอกว่าจะสอนให้หนูเป็นกุลสตรี พระเจ้า เรียนมารยาทที่น่าเบื่อพวกนั้นยังไม่เท่าไร เธอยังบอกว่าจะสอนหนูเล่นเปียโนหรือไม่ก็สีไวโอลินอีก ฆ่าหนูทีเถอะ…”
ฉินสือโอวถูกท่าทางเศร้าสร้อยของเธอทำให้หัวเราะ เขาพูด “พูดไปเรื่อย เด็กโง่ ไปเถอะ เรียนกับพี่วินนี่เขาสักหน่อย ”
เชอร์ลี่ย์มองเขาอย่างคับแค้นใจแล้วพูด “ทีตัวเองล่ะไม่เรียน”
“มันดีกับตัวเธอนะ ต่อไปจะมีประโยชน์มากเลย!” ฉินสือโอวเกลี้ยกล่อม
“หนูไม่อยากได้ข้อดีพวกนี้ แย่ที่สุดหนูขายเกี๊ยวก็ได้ หนูทำเกี๊ยวสวย หนูรู้ว่าตอนนี้มีคนเรียกหนูว่าโฉมงามขนเหลืองเยอะมาก ใช่แล้วฉิน โฉมงามขนเหลืองหมายความว่าอะไร?” เชอร์ลี่ย์เบิกตาถามอย่างสงสัย
ได้ยินฉายานี้ฉินสือโอวก็หัวเราะแล้วเปลี่ยนเรื่อง ฉายาโฉมงามขนเหลืองนี้มีเขาเกี่ยวข้องด้วย ไม่นานนี้เขาเล่นเวยป๋อ ลงรูปบางส่วนของเชอร์ลี่ย์ไป ผลสุดท้ายตอนนี้เชอร์ลี่ย์ดังแล้ว
หน้าตาที่สวยงามของเชอร์ลี่ย์ถูกใจเหล่าโอตาคุต่างประเทศ ความนิยมของเธอในเวยป๋อของฉินสือโอวเป็นรองแค่ราชาการเต้นแห่งเอเชียตะวันออกนิโคลัส กูสเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าพวกโอตาคุหนุ่มคิดยังไงถึงได้เรียกเธอว่าโฉมงามขนเหลือง
แน่นอนว่า เชอร์ลี่ย์เป็นเจ้าขนเหลืองจริงๆ นี่คือเจ้าขนเหลืองที่จริงจังและจริงใจ…
เห็นฉินสือโอวอธิบายได้ไม่ชัดเจน ครู่หนึ่งเชอร์ลี่ย์ก็จับพิรุธเขาได้ เธอพูด “ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เลย ใช่ไหมคะ? แต่หนูไม่คิดมากก็ได้ แต่ฉิน คุณต้องไปพูดกับพี่วินนี่ หนูไม่อยากเรียนดนตรีจริงๆ!”
ฉินสือโอวได้แต่ไปพูดกับวินนี่เรื่องนี้ เขาถาม “ทำไมคุณถึงอยากให้เชอร์ลี่ย์เรียนเปียโนเหรอ?”
วินนี่พูดอย่างน้อยใจ “ใช่ที่ไหนล่ะ ถ้าเธอไม่ชอบก็ไม่ต้องเรียน…”
ฉินสือโอวคิดว่าเชอร์ลี่ย์โกหก เขาหันไปมองเธอตาเขม็ง
ผลสุดท้ายวินนี่พูดต่อ “ฉันให้เธอเลือกแล้ว เธอไม่ชอบเรียนเปียโนก็เรียนไวโอลินก็ได้”
คราวนี้ถึงตาเชอร์ลี่ย์น้อยใจบ้างแล้ว
ฉินสือโอวทำปากจุ๊ๆ แล้วพูด “วินนี่ ผมรู้ว่าความสนใจของเด็กๆ เป็นสิ่งที่ต้องบ่มเพาะ”
วินนี่พูดอย่างน่าสงสาร “แต่ตอนนี้เดือนหนึ่งฉันสอนแค่ครึ่งเวลาเองนะ มันน่าเบื่อเกินไป เลยจะสอนเชอร์ลี่ย์เพื่อฆ่าเวลาที่น่าเบื่อและมันก็เป็นการบำรุงครรภ์ได้ด้วย ทำให้ลูกได้รู้สึกถึงเสน่ห์ของศิลปะ!”
ฉินสือโอวพูดอย่างไม่ลังเล “ใช่แล้ววินนี่ คุณทำถูกแล้ว! ต้องสอนศิลปะให้เชอร์ลี่ย์ นี่เป็นเรื่องที่ดีต่อเธอมาก! ถ้าอย่างนั้นก็เรียนไวโอลินแล้วกัน ไวโอลินช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้หญิงสาวได้!”
เชอร์ลี่ย์เบิกตามองอย่างงุนงงเหมือนลูกหมา “…”
วินนี่หันหลังให้ฉินสือโอวแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้โลลิต้า จอมเจ้าเล่ห์น้อยจะสู้กับข้าเหรอ เจ้ายังอ่อนหัดนัก
โลลิต้าร้องไห้โดยปราศจากน้ำตา คนหน้าไม่อาย เพื่อความสุขของลูกเมียก็เลยสละความสุขของฉันเหรอ?
ดีที่เธอมีวิธีโต้กลับ “ตอนนี้ไม่มีไวโอลินนี่คะ เดี๋ยวพวกเราค่อยเรียนวันหลังก็แล้วกัน?”
เรื่องนี้วินนี่ไม่มีทางเลือก ที่เกาะแฟร์เวลไม่มีร้านขายไวโอลิน เธอกำลังจะตอบรับ ฉินสือโอวก็พูดขึ้นมากะทันหัน “เดี๋ยวๆ เหมือนว่าผมจะเก็บไวโอลินไว้ตัวหนึ่ง เดี๋ยวผมไปหาก่อน”
ที่เขาต้องการหาคือไวโอลินที่เจอบนเรือไททานิก ผ่านไปนานแล้วอาจจะใช้งานไม่ได้ แต่เอามาใช้แค่ชั่วคราวคงพอได้อยู่? ครั้งที่แล้วเขาจำได้ว่าไวโอลินตัวนั้นถูกเก็บรักษาไว้ได้ไม่เลวเลย
ไวโอลินถูกเก็บไว้ในเคสหนังสองชั้น ด้านนอกยังมีกล่องหนังอีกหนึ่งชั้นซึ่งสามารถกันน้ำได้ดี ฉินสือโอวกลับมาที่ห้องใต้ดิน พอเอาออกมาดู สายของไวโอลินใช้งานไม่ได้แล้ว แต่โครงสร้างทั้งหมดไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก
………………………………………