ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 78 ตกหมึก
ฉินสือโอวจับปลานกแก้วราชินีที่อยู่ในถังจับปลาขึ้นมา พวกมันเป็นปลาที่โตได้ที่ ตัวใหญ่มีขนาดสามสิบห้าสามสิบหกกิโลกรัมส่วนตัวเล็กมีขนาดยี่สิบห้ายี่สิบหกกิโลกรัม สีสันสดใสและมันเงาเป็นประกาย ตัวหนึ่งสีน้ำเงินอีกตัวหนึ่งสีเขียว เป็นตัวผู้หนึ่งตัวตัวเมียหนึ่งตัวเป็นคู่รักกันได้พอดี
ปลานกแก้วราชินีถือว่าเป็นดาราในหมู่ปลาสวยงาม พอเห็นพวกมันกลุ่มนักศึกษาที่อยู่รอบๆ ก็ล้อมวงกันเข้ามา แล้วเด็กผู้น่ารักจิ้มลิ้มคนหนึ่งก็ถามอย่างน่าเอ็นดูขึ้น “คุณลุง นี่ปลาอะไรเหรอคะ สวยมากเลย”
“ของสวยงามต่างก็มีพิษทั้งนั้น พวกเธอก็ระวังกันด้วยล่ะ อย่าไปโดนมันเข้าให้ล่ะ” ผู้ชายคนหนึ่งขู่ขวัญเด็กสาวพวกนั้น
ฉินสือโอวก้มหน้าแล้วจับปลานกแก้วราชินีโยนลงทะเล เด็กสาวคนนั้นก็ถามขึ้นอีกว่า “คุณลุง ทำไมโยนพวกมันลงทะเลล่ะคะ เลี้ยงไว้เองไม่ดีกว่าเหรอ?”
“คุณลุงทำไมไม่พูดกับพวกเราเลยล่ะ?”
ฉินสือโอวหันกลับมาอย่างงงๆ แล้วถามขึ้น “เดี๋ยวนะ ที่พวกเธอเรียกลุงๆ เนี่ย เรียกฉันเหรอ?”
เด็กพวกนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยโทรอนโตสาขาภาษาต่างประเทศ ไม่มากก็น้อยที่สามารถพูดจีนได้ เด็กสาวพวกนี้เอาแต่เรียกเขาว่า ‘คุณลุง’(ในภาษาจีน) ตั้งแต่ฉินสือโอวมาแคนาดาเขาก็ไม่ได้ยินคำนี้อีกเลยก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก จึงเป็นเหตุให้เขาเพิ่งจะตอบสนอง
กลุ่มนักศึกษาพยักหน้าพร้อมกัน ทำเอาฉินสือโอวมึนไปเลย ฉันเนี่ยแก่กว่าพวกเธอก็จริงอยู่แต่ฉันเพิ่งจะจบจากมหาลัยได้สี่ปีเองทำไมถึงกลายเป็นลุงแก่ไปได้ล่ะ?
เขาควักโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดกล้องดู เห็นได้ชัดเลยว่าคนที่อยู่ในนั้นยังดูหนุ่มกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาจะตาย เพียงแค่ออกทะเลไปเดือนกว่าๆ เองผิวก็คงโดดแดดจนดำไปหมดแต่ดูไปดูมาแก่ขึ้นมานิดนึงนะเนี่ย
“โอเค ฉันเป็นลุงนั่นแหละ”ฉินสือโอวถอนหายใจแล้วพูดขึ้น“ เวลาผ่านไปไวจริงๆ ฉันเนี่ยแป๊บเดียวก็กลายเป็นคุณลุงไปแล้ว!”
เมื่อไม่มีอะไรให้ดูแล้วพวกนักศึกษาก็พากันแยกย้าย จากนั้นก็มีคนเอาคันเบ็ดออกมาแล้วนั่งยองๆ ตกปลาที่ตรงท่าเรือ
ฉินสือโอวมองดูคนพวกนี้แล้วก็รู้สึกว่าพวกเขาช่างหัวดีกันจริงๆ มาเที่ยวเล่นที่ฟาร์มปลาของเรา แถมยังจะมาตกปลาของเราอีกเหรอ? แย่จริง เด็กพวกนี้ไม่มีมารยาทอะไรขนาดนี้เนี่ย
ประเด็นก็คือรอบๆ ท่าเรือเป็นเขตพื้นที่น้ำตื้น จึงเลี้ยงเพียงปลาเล็กๆ เท่านั้นไม่ได้เลี้ยงปลาใหญ่ไว้ ดังนั้นปกติแล้วที่นี่จะไม่อนุญาตให้ตกปลา
เขาเรียกซีมอนสเตอร์มา จากนั้นซีมอนสเตอร์ก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาอย่างน่าเกรงขามจนถึงท่าเรือแล้วตะโกนถามพวกเด็กๆ ว่า “เฮ้ย พวกเด็กๆ พวกนายมีใบอนุญาตตกปลารึเปล่า? ถ้าไม่มีล่ะก็ ระวังโดนตำรวจลาดตะเวนชายฝั่งจับเอานะเว้ย!”
แคนาดาเหมือนกับอเมริกาตรงที่ถ้าจะตกปลาที่เกิดตามธรรมชาติจะต้องมีใบอนุญาตตกปลา แต่จริงๆ แล้วถ้าตกที่ท่าเรือไม่ต้องมีก็ได้ ซีมอนสเตอร์ก็แค่ขู่พวกเขาไปก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลแคนาดามีมาตรการป้องกันที่เข้มมากสำหรับฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ เพราะหลังจากเกิดปัญหาการระเบิดมลพิษอย่างรุนแรงของโรงงานอุตสาหกรรมเคมีทั้งสอง จึงเป็นเหตุให้ทางรัฐบาลต้องจัดการลงโทษทั้งสองโรงงานโดยตรง
แล้วเมื่อก่อนผู้คนที่อยู่อาศัยในเมืองแฟร์เวลเคยได้จัดการประท้วงถึงการทำงานที่ล่าช้าและไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งสืบเนื่องมาจากพวกเขาหาหลักฐานในการปล่อยมลพิษไม่ได้ เพราะสิ่งปฏิกูลนั้นถูกปล่อยผ่านปั๊มแรงดันลงสู่ใต้ทะเล เมื่อเก็บตัวอย่างของสิ่งปฏิกูลได้มันก็เจือจางไปจนหมดแล้ว
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเก่า เพราะสตีฟ เจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมเคมีเป็นคนรนหาที่ตายเอง เขาได้เชิญทางห้องแล็บมาตรวจสอบสิ่งปฏิกูลขั้นต้น พอตรวจสอบก็พอสิ่งปฏิกูลจำนวนมหาศาล เมื่อทางห้องแล็บทำการร้องเรียนต่อรัฐบาลตามกฎหมาย รัฐบาลจึงรีบสั่งปิดโรงงานพวกเขาทันที
และนี่จึงเป็นผลสะท้อนในการตกปลา ที่ทำให้รัฐบาลควบคุมการตกปลาในฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์อย่างเคร่งครัด
เมื่อปี 1992 ทางรัฐบาลแคนาดาได้มีคำสั่งลงไปยังฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์แถบชายฝั่งทะเลให้หยุดการจับปลา เพื่อเป็นการลดโควต้าการจับปลาหิมะจำนวนมาก ฟาร์มปลาทุกที่ของนิวฟันด์แลนด์ยกเว้นฟาร์มส่วนตัวก็ไม่สามารถจับปลาและออกทะเลได้จนถึงปี 2003
แต่ว่าการสั่งห้ามจับปลาในระยะเวลาสิบเอ็ดปี น่านน้ำนิวฟันด์แลนด์ก็ยังคงตายซาก เพราะนอกจากจะไม่มีการฟื้นฟูจำนวนปลาหิมะแล้วนั้นกลับกันยิ่งลดจำนวนลงเรื่อยๆ และภายใต้สถานการณ์นี้ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการประมงจำเป็นต้องประกาศปิดอ่าวการประมงตามชายฝั่งของนิวฟันด์แลนด์และเซนต์จอห์นอย่างถึงที่สุดจนถึงปัจจุบัน
เมื่อพวกเด็กนักศึกษารู้ถึงข้อนี้ ดังนั้นเมื่อชาร์คตะโกนเสียงดังลั่น พวกเขาก็พากันเก็บคันเบ็ดลงไปด้วยสีหน้าเหยเก และก็รู้สึกไม่ดีถ้าจะตกปลาที่นี่ต่อ
ที่จริงแล้วฉินสือโอวอยากจะพากลุ่มนักศึกษาไปยิงปลาที่ทะเลสาบเฉินเป่าแต่พอคิดแล้วมันต้องใช้พวกธนูกับลูกศร แต่ถ้าเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นจะทำอย่างไร? จากนั้นฉินสือโอวก็เม้มปากแล้วลากเก้าอี้นอนมาหนึ่งตัวพลางเอนตัวนอนอาบแดดแล้วดูพวกเด็กๆ เล่นวอลเลย์บอลชายหาด เล่นบาสเกตบอลชายหาดกัน
พอเขาเอนหลังลงได้สักพัก ก็มีนักศึกษาผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งขาเรียวยาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วเดินเข้ามา
“ไฮ สวัสดี ฉันชื่อดาญ่า รัสลัน ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” นักศึกษาสาวเดินมาตรงหน้าฉินสือโอวโค้งตัวเล็กน้อยแล้วยื่นมือออกไป และในตอนที่โค้งตัวนั้นเองเสื้อชั้นในผ้าฝ้ายก็หย่อนลงทันที เผยให้เห็นถึงร่องหน้าที่อกลึกและเรียบเนียนของเธอ
ฉินสือโอวลุกขึ้นจากเก้าอี้นอนแล้วจับมือกับดาญ่าอย่างเป็นมิตรแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันฉินนะ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน ดื่มอะไรสักหน่อยไหม? ชา กาแฟ น้ำส้ม น้ำสาลี่ น้ำแบล็คเบอร์รี หรือจะเป็นน้ำแอปเปิลดี”
เขาชี้มือไปยังแก้วพวกนั้น และข้างในก็เพิ่งจะคั้นน้ำแล็คเบอร์รีเสร็จพอดี เปรี้ยวๆ หวานๆ อร่อยแถมยังช่วยดับไข้ได้ด้วย
“น้ำแอปเปิลแล้วกัน ขอบคุณค่ะ” ดาญ่ายิ้มขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าฉินสือโอวคงจะไปหยิบให้เธอด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้เลยว่าเขาแค่ผิวปากหมาน้อยที่หมอบอยู่ข้างๆ เขาก็ไปคาบโทรศัพท์มาให้เขา แล้วเขาก็โทรหานีลเซ็นโดยตรงแล้วพูดว่า “นีลเซ็น น้ำแอปเปิลหนึ่งแก้ว”
จากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มรูปร่างแข็งแรงกำยำก็เดินออกจากคฤหาสน์พร้อมกับมือหนึ่งถือแก้วน้ำแอปเปิลส่วนอีกมือถือเก้าอี้นอนอีกตัวออกมา
“บอส ต้องการร่มกันแดดด้วยไหมครับ?” นีลเซ็นถามขึ้น ในขณะที่ดาญ่าทำสายตาปริบๆ เขาก็คิดว่าฉินสือโอวคงจะอยากจู๋จี๋กับสาวมหาลัยเซ็กซี่คนนี้แน่ๆ
ฉินสือโอวขี้เกียจจะอธิบาย เขาแค่เหงาเฉยๆ ไม่ได้คิดอยากจะจับเธอเลย และอีกอย่างเขาก็ได้หมายปองวินนี่ไว้แล้ว เขาส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “อาบแดดก็ดีอยู่แล้วน่ะ”
พูดจบเขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและรู้สึกว่านับวันท้องฟ้ายิ่งดูสดใสขึ้นกว่าเดิม นับตั้งแต่สองโรงงานเคมีนั้นถูกปิดไปสภาพแวดล้อมก็ดีขึ้น
พอดาญ่าจิบน้ำแอปเปิลไปหนึ่งอึก เธอก็ถามขึ้นอย่างสนอกสนใจว่า “คุณเป็นคนเชื้อสายจีนเหรอ? นามสกุลฉินก็น่าจะเชื้อสายจีนใช่ไหม? ฉันได้สัมผัสกับพวกวัฒนธรรมตะวันออกของค่อนข้างน้อย เลยไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรน่ะ”
“ใช่แล้ว เป็นคนจีนน่ะ เพิ่งมาอยู่ที่นิวฟันด์แลนด์ได้ไม่นานนี้เอง เธอล่ะชื่อกับนามสกุลเธอดูไม่เหมือนกับเป็นคนแคนาดาเลย” ฉินสือโอวพูดขึ้น
จริงๆ แล้วที่นายพูดอย่างนี้ก็ไม่ค่อยมืออาชีพเท่าไรนะ แคนาดาเป็นประเทศผู้อพยพแม้แต่ภาษาทางราชการก็ไม่มีเป็นของตัวเอง ใช้ภาษาอังกฤษก็ดีหรือจะภาษาฝรั่งเศสก็ได้ และถ้าจะให้พูดถึงชื่อและชาติพันธุ์ยิ่งแล้วใหญ่เลย
“ยูเครนค่ะ ฉันเกิดและโตที่เคียฟ แล้วเพิ่งจะมาแลกเปลี่ยนที่แคนาดาเมื่อปีก่อนนี่เอง” ดาญ่าอธิบายให้เขาฟัง
ฉินสือโอวยิ้มและพูดขึ้นว่า “มิน่าล่ะเธอถึงสวยขนาดนี้ แถมผิวพรรณก็ดีอีก ที่แท้ก็เป็นสาวยูเครนนี่เอง และเคียฟก็ยังถือว่าเป็นสถานที่ ที่ดีสถานที่หนึ่ง เพราะในช่วงสมัยสงครามกองทัพแดงของกลุ่มเคียฟได้ต่อสู้ด้วยความกล้าหาญเป็นอย่างมากแถวๆ แม่น้ำนีเปอร์”
ดาญ่าพูดต่ออีกว่า “นั่นก็เป็นเพราะว่าตอนนั้นกองทัพเคียฟได้รับความอัปยศอย่างมาก กองกำลังทั้งสี่ของทัพฝั่งตะวันตกเฉียงใต้โดนโจมตีทั้งหมด ไหนจะกองทัพฝั่งไบรแวนส์ กองทัพฝั่งใต้และกองทัพแดงที่สูญเสียกำลังคนไปมากกว่าล้านคน และทหารแดงผู้ซึ่งทะนงตนต้องยอมรับกับความพ่ายแพ้นี้ อย่างนี้จะไม่กล้าหาญได้ยังไงล่ะ?”
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย ผู้หญิงที่สามารถพูดถึงกองทัพแดงและยุทธการเคียฟได้มีไม่มากนักต่อให้นั่นจะเป็นบ้านเกิดของเธอก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น ไปถามสาวเซี่ยงไฮ้ว่ายุทธการเซี่ยงไฮ้จีนส่งกองกำลังสำคัญไหนไป จะมีสักกี่คนที่จะรู้?
แล้วฉินสือโอวก็เพิ่งตระหนักได้ว่าการที่มาคุยเรื่องการรบกับสาวสวยที่มาอาบแดดก็ดูจะไม่เหมาะ เขาเลยถามเรื่องอื่นขึ้น “แล้วทำไมเธอถึงไม่ไปเล่นกับพวกเพื่อนๆ แต่มานั่งคุยกับลุงอย่างฉันล่ะ?”
ดาญ่าถอนหายใจแล้วตอบกลับ “ฉันเล่นวอลเลย์เล่นบาสไม่เป็นน่ะ ถ้าเล่นไพ่ฉันก็ไม่เข้าใจกฎของมันอีก ตอนแรกฉันอยากมาตกปลาแต่สุดท้ายเขาห้ามตก เลยหาคนคุยด้วยฆ่าเวลาไปก็แล้วกัน”
ฉินสือโอวคิดตามแล้วถามขึ้นว่า “เธอชอบตกปลาเหรอ? งั้นเธอเคยตกหมึกไหม? ที่ฟาร์มไม่อนุญาตให้ตกปลาเพราะเพิ่งจะเลี้ยงลูกปลาน่ะ แต่ถ้าหมึกล่ะก็ตกได้นะ”
เขาเองก็ยังไม่เคยตกหมึกมาก่อน เคยเห็นแต่ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ทำให้ดู ตอนที่ออกเรือและเมื่อวานนี้ก็ตกได้ประมาณสองสามตัว และดอนยังเก็บไว้ให้เขาเอามาย่างกินตั้งหนึ่งตัว ยิ่งทาซอสมะเขือเทศหรือซอสพริกไปด้วยแล้วยิ่งอร่อย
“ตกหมึกเหรอ? อ้อ ฉันเคยเห็นแค่ปลาหมึกแต่ยังไม่เคยตกมันมาก่อนเลย”ดาญ่าพูดอย่างดีใจ
ฉินสือโอวลุกขึ้นแล้วไปหยิบเส้นเอ็นกับเบ็ดตกปลาและเตรียมเหยื่อไปพร้อม เขาพาดาญ่าเดินไปที่ท่าเรือ ระหว่างทางพวกเด็กนักศึกษาก็ถามว่าพวกเขาจะทำอะไรกัน เขาจึงพูดขึ้นว่า “ฉันว่าจะไปตกหมึกน่ะ ถ้าพวกเธอสนใจจะไปด้วยกันก็ได้นะ เดี๋ยวอีกสักหน่อยก็เอามาย่างกินกัน”
ตอนแรกเด็กพวกนี้ก็ตั้งใจมาตกปลากันแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตก แต่ไปตกหมึกก็ถือว่าไม่เลว สามารถมาทดแทนความรู้สึกเสียดายของพวกเขาได้อยู่ แล้วพวกเขาเจ็ดแปดคนก็โยนลูกบาสในมือไป
ตกหมึกนั้นจะไม่ใช้เบ็ดตกปลาทั่วไป แต่จะใช้สายเอ็นมือ เส้นเอ็นตกปลากับตะขอเกี่ยวปลา กิ๊บ ตะกั่วเหล็กและลำไม้ไผ่จากนั้นเอาทั้งหมดมาประกอบเป็นอุปกรณ์ตกปลา
ในระหว่างที่ประกอบอุปกรณ์ตกปลา ตะขอตกหมึกคือสิ่งสำคัญ ฉินสือโอวใช้ตะขอที่ทำเองของชาร์ค จากนั้นก็หากระบอกไม้ไผ่ทรงกระบอกมาทำเป็นด้าม และนำตะขอเดี่ยวยี่สิบอันเสียบไว้ด้านบนอย่างเท่าๆ กันแล้วใช้ลวดบางๆ มัดให้ พอแน่นแล้วมันจะคล้ายร่ม รูปร่างคร่าวๆ ก็จะประมาณนี้
และตอนตกหมึก ให้นำลวดบางๆ มัดตะขอไว้กับสายเบ็ดของอีกฝั่งไว้ให้แน่น และตรงปลายของลำไม้ไผ่นำตะกั่วเหล็กใส่เข้าไป จากนั้นสายเบ็ดของอีกฝั่งให้ติดกิ๊บวงล่างเข้าไป ส่วนปลายของสายเอ็นมือก็ติดกิ๊บวงบนเข้าไป และขั้นตอนพื้นฐานก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ช่วงนี้ฉินสือโอวจะคลุกตัวอยู่กับกลุ่มชาวประมงอยู่ตลอด จึงค่อยๆ ซึมซับและได้เรียนรู้ไปแบบไม่รู้ตัวตั้งหลายอย่าง ถึงแม้นี่จะเป็นการตกหมึกครั้งแรก แต่ก็ได้เรียนรู้เทคนิคมาอย่างชำนาญแล้ว และเวลาอธิบายก็อธิบายได้อย่างชัดเจน
เมื่อพวกเด็กนักศึกษาฟังจนเข้าใจแล้วต่างก็มองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก เพราะอุปกรณ์ตกปลาที่อยู่ในมือพวกเขาตอนนี้กลับใช้ไม่ได้
จากนั้นฉินสือโอวก็หยิบถังเล็กๆ มา ข้างในใส่น้ำมันกานพลูเอาไว้ เขาเอาเหยื่อพลาสติกอันหนึ่งลงไปคลุกๆ จากนั้นเอาไปห้อยไปกับตะขอเบ็ดแล้วโยนลงน้ำ และเขาก็หันมาพูดให้ดาญ่าฟังอีกว่า “ตอนนี้เหยื่อปลอมแบบนี้จะเอามาใช้ตอนตกหมึกบ่อยที่สุด แต่ฉันรู้สึกว่าก็ยังใช้ไม่ดีเท่ากับเหยื่อจริง เพราะฉะนั้นนะ พออีกสักหน่อยได้เหยื่อจริงแล้ว ฉันแนะนำให้เธอใช้เหยื่อจริงจะดีกว่า”
“แต่ตอนนี้คุณตกหมึกอยู่ไม่ใช่เหรอ? แล้วอีกสักหน่อยจะมีเหยื่อจริงได้ยังไง?” ดาญ่าจ้องเขาและถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
ฉินสือโอวยิ้มและพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวอีกหนึ่งนาทีหลังจากนั้น ฉันค่อยจะบอกคำตอบเธอ”
……………………………………….