ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 791 แมงกะพรุนแอตแลนติกเหนือ
ดอกไม้ทะเลเป็นสิ่งที่ติดมากับแนวปะการัง ซึ่งมีจำนวนน้อยและส่วนใหญ่เพิ่งจะเจริญเติบโต
ชีวิตของพวกมันเปราะบางมาก เพราะร่างของตัวแม่ส่วนใหญ่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของน้ำที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ พวกมันจึงตายหลังจากถูกพัดมาอยู่ที่ฟาร์มปลาต้าฉิน แต่ดอกไม้ทะเลที่กำลังเกิดใหม่จะมีแรงปรับตัวที่แข็งแรงกว่า แต่ถ้าไม่มีแนวปะการังเมื่อผ่านไประยะหนึ่งพวกมันก็เฉาตายได้เช่นเดียวกัน
โชคดีที่ฟาร์มปลาต้าฉินมีแนวปะการังขนาดใหญ่
ดอกไม้ทะเลทั้งเล็กและใหญ่จะฝังอยู่ตามแนวปะการัง มีสีสันสดใสสวยงามคล้ายกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน คลื่นใต้ท้องทะเลที่กำลังซัดไปมาทำให้หนวดของดอกไม้ทะเลเหล่านี้ถูกพัดตามกระแสน้ำไปด้วย จึงทำให้เกิดเป็นรูปร่างมากมาย ช่างสวยสดงดงาม เมื่อพวกมันเติบโตขึ้นด้วยกันก็จะรวมตัวกันเป็นพุ่มดอกไม้
ลูกปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะและปลาแซลมอนโคโฮบางตัวเมื่อเห็นดอกไม้ทะเลอันสวยงามเหล่านี้ก็คิดว่าสามารถเป็นที่อยู่อาศัยได้ หลังจากที่พวกมันว่ายเข้าไป ดอกไม้ที่นุ่มนวลส่องแสงแวววาวก็โผล่ออกมาช้าๆ ค่อยๆ ล้อมรอบปลาตัวเล็กเอาไว้ จากนั้นก็ดึงเข้าใส่ปาก
ฉินสือโอวส่ายหัว ใต้ท้องทะเลเป็นกับดักแทบทุกที่จริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ปลาจำนวนมากออกไข่ครั้งหนึ่งจะได้ไข่หลายสิบล้านตัว ไม่อย่างนั้นพวกมันคงโตไม่พอจริงๆ
กลีบดอกไม้ของดอกไม้ทะเลที่แผ่ออกนั้น จริงๆ แล้วคือหนวดของพวกมัน ซึ่งกระเปาะเล็กๆ บนหนวดแต่ละเส้นจะเต็มไปด้วยพิษนิโดไซต์ยาวลงมาถึงส่วนหน้าของหนวด นั่นก็คือถุงพิษ สาเหตุที่ปลาเล็กถูกมันจับคือพวกมันไร้เดียงสาทำให้โดนพิษยาสลบจนไม่มีแรงขัดขืน
โดยทั่วไป นอกจากสัตว์บางจำพวกเช่นปลาการ์ตูนและกุ้งแอนนิโมนแล้ว สัตว์ทะเลส่วนใหญ่จะอยู่ห่างจากดอกไม้ทะเล แน่นอนว่ายกเว้นเจ้าฉลามแมวเจ็ดพี่น้องจอมงี่เง่า
หลังจากฉลามเจ็ดพี่น้องกลับมาจากไปคลื่นทะเลลึก มันก็พบว่าการฝึกเดินทางอย่างลำบากทั้งหมดด้วยตัวเองนั้นไร้ประโยชน์ พวกมันอยู่ต่ำกว่าตำแหน่งฟาร์มปลาและเมื่อพวกมันไม่อยู่ ก็จะมีหมึกยักษ์ที่น่ากลัวตัวหนึ่งเข้ามา
ฉลามเจ็ดพี่น้องที่ดูไม่มีความสุขจึงไม่ค่อยกล้าลงไปที่ทะเลลึก เดิมทีเฮยป้าหวังพาฉลามขาวฝูงหนึ่งมาด้วยก็น่ากลัวมากพอแล้ว ตอนนี้ยังมีหมึกยักษ์ที่น่ากลัวยิ่งกว่าเข้ามาอีก ฉลามเจ็ดพี่น้องจึงมองว่าทะเลลึกเป็นสถานที่ต้องห้าม
ทะเลน้ำตื้นก็ไม่มีอะไรให้เล่น พวกมันจึงไปที่กลุ่มสาหร่ายคอมบุเพื่อต่อสู้กับกลุ่มปลาอีโต้มอญ และผลก็คือพวกมันแพ้ เพราะกลุ่มปลาอีโต้มอญใช้วิธีการรบทางทะเลของปลาในการต่อสู้ จากนั้นพวกมันจึงทำได้เพียงออกมาปลดปล่อยที่น่านน้ำแนวปะการัง
การปรากฏของดอกไม้ทะเลเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ เหล่าฉลามแมวเห็นแล้วก็รู้สึกว่าสวยงามมาก จึงเข้าไปดูใกล้ๆ อย่างระมัดระวัง
หกพี่น้องยุให้พี่ใหญ่ลองเข้าไปดู วันจันทร์จึงลองด้วยการใช้ปากแตะๆ ที่ดอกไม้ทะเล
ดอกไม้ทะเลมีสองแปรงในการรับมือกับปลาและกุ้งตัวเล็ก แต่เมื่อต้องเผชิญกับฉลามแมวที่มีความยาวกว่าหนึ่งเมตร จึงทำให้ถุงพิษของพวกมันมีกำลังไม่มากพอ
แต่พวกมันก็มีวิธีอื่นในการปกป้องตัวเอง ด้วยการพ่นน้ำในปากออกมา จากนั้นก็เก็บหนวดเข้าและหดตัวไว้
ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฉลามเจ็ดพี่น้องมีความสุขขึ้นมาก ท่าทางที่แสดงออกมาของดอกไม้ทะเลเหมือนกับเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาที่ขี้อายและบอบบาง ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องเป็นพวกอันธพาลที่มีชื่อเสียงในฟาร์มปลา ในที่สุดพวกมันก็เจอเหยื่อแล้ว เมื่อไรที่พวกมันเจอดอกไม้ทะเลก็จะขู่ให้กลัวจนต้องหดตัวกลับไป
ฉลามเจ็ดพี่น้องกำลังเล่นกันอย่างมีความสุข อยู่ๆ ก็มีเงาที่แข็งแกร่งสามเงาค่อยๆ ออกมาทีละตัว ไอซ์สเกต เบลูกาและบีนปรากฏขึ้นเรียงกันแล้วพุ่งเข้าใส่ฝูงฉลามแมว พวกมันจัดการกับฝูงฉลามแมวให้กลัวจนฉี่ราดแล้วว่ายหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากฝูงฉลามแมวว่ายหนีไปแล้ว เบลูกาและอีกสองตัวก็สำรวจโดยรอบแนวปะการัง จึงเห็นดอกไม้ทะเลคลายหนวดออกมาอีกครั้ง จากนั้นพวกมันจึงว่ายกลับไปอย่างพึงพอใจ
ฉินสือโอวย้ายไปยังน่านน้ำทางเหนือและกลุ่มเต่ามะเฟืองก็ตามมาจากด้านหลัง ฤดูกาลนี้พวกมันไม่ได้ขึ้นฝั่งเลย คาดว่าพวกมันคงรอให้ผ่านช่วงฟักไข่ในฤดูใบไม้ร่วงไปก่อน พวกมันถึงจะไปข้ามฤดูหนาวไปที่เขตร้อน
สาเหตุที่กลุ่มองค์กรและประเทศต่างๆ ทั่วโลกต้องการอนุรักษ์เต่ามะเฟือง เป็นเพราะในตัวของเต่าสายพันธุ์นี้ยังมีปัญหามากมายที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เช่นสาเหตุที่พวกมันมักจะเดินทางไปในมหาสมุทรโดยตรง หรือสาเหตุที่ลาดตระเวนไปทั่วโลก และลักษณะพิเศษของที่อยู่อาศัยของพวกมัน
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุ คือความสามารถในการมองเห็นของพวกมันแย่มาก แต่ทำไมถึงหาแมงกะพรุนที่ซ่อนอยู่ในน้ำได้อย่างรวดเร็ว
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ฉินสือโอวไม่ได้ระวัง กลุ่มเต่ามะเฟืองได้บุกรุกเข้าไปในฝูงแมงกะพรุน ซึ่งแมงกะพรุนเหล่านี้เป็นสีเขียวอมฟ้า พวกมันมักจะซ่อนตัวอยู่ในน้ำอย่างลับๆ ส่วนร่มที่นูนขึ้นมาเป็นลักษณะเหมือนซาลาเปาหมั่นโถว กระดองร่มใหญ่มีขนาด 1.5 เมตรและส่วนเล็กๆ จะประมาณครึ่งเมตร
ฉินสือโอวจึงสังเกตอย่างละเอียด แมงกะพรุนชนิดนี้สามารถกินได้และชื่อของมันคือแมงกะพรุนแอตแลนติกเหนือ แต่มันก็เหมือนกับแมงกะพรุนทั่วไป มันมีพิษเหมือนกัน เพียงแต่พิษมันจะอ่อน ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เว้นแต่ว่าจะถูกหุ้มด้วยฝูงแมงกะพรุน
ฝูงแมงกะพรุนปรากฏขึ้นมาอย่างล้นหลาม พวกมันแพร่ขยายสายพันธุ์เมื่อ 650 ล้านปีก่อน ซึ่งเร็วกว่าไดโนเสาร์และตอนนี้ไดโนเสาร์ก็สูญพันธุ์ไปจนไม่รู้ว่ากี่พันปีมาแล้ว แต่พวกมันกลับยังมีชีวิตดีๆ อยู่บนโลก
หัวแมงกะพรุนสามารถใช้ทำเป็นอาหารทานเล่นได้ ในสมัยโบราณจะรู้จักกันในชื่ออาหารทะเลสดแปดอย่าง โดยเฉพาะคุณภาพของแมงกะพรุนแอตแลนติกเหนือจะดีมากเป็นพิเศษ เพราะสัตว์ประเภทนี้กลัวมลพิษและน่านน้ำทะเลแอตแลนติกเหนืออาจเป็นหนึ่งในแหล่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทรัพยากรน่านน้ำที่ดีที่สุดในโลก
ฉินสือโอวไปแผ่พลังโพไซดอนให้กับคราเคน จึงทำให้พบซากเรืออับปางลำหนึ่งปรากฏขึ้นในปะการังทะเลลึก!
เรืออับปางลำนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก มีความยาวประมาณสิบสี่ถึงสิบห้าเมตร เป็นเรือใบธรรมดาๆ ที่ผุพังไปแล้ว ไม่รู้ว่ามันจมอยู่ใต้น้ำมากี่ปีแล้ว ชิ้นส่วนของเรือก็พังลงมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งคราเคนก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ เรือใบลำนี้
เดิมทีฉินสือโอวก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเรืออับปาง แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าข้างในเรือนั้นไม่มีอะไรเลย อะไหล่อุปกรณ์ก็พังหมดจนใช้ไม่ได้และก็ไม่รู้ว่าคราเคนไปหาเรือลำนี้เจอจากที่ไหน
คราเคนวนเวียนอยู่รอบๆ เรืออับปางอย่างสนุกสนาน ทำให้ฉินสือโอวนึกถึงตอนที่เจอมันครั้งแรกที่ร่องน้ำลึกในทะเล ที่นั่นก็มีเรืออับปางอยู่ลำหนึ่งเช่นเดียวกัน ฉินสือโอวจึงคิดว่าเรือลำนี้น่าจะถูกคราเคนลากมาจากที่ไหนสักที เพราะมันชอบอยู่รอบๆ เรือ
หลังจากแผ่พลังโพไซดอนให้แล้ว คราเคนก็ใช้หนวดขนาดใหญ่พันเรือใบไว้แล้วเขย่ามันไปมาในน้ำสักพัก จากนั้นก็วางมันลง
ฉินสือโอวหัวเราะพร้อมจากไป จากนั้นอยู่ๆ ก็คิดอะไรบางอย่างได้ แรงของคราเคนดูเหมือนจะมีเยอะ ถ้าเป็นเช่นนั้นในทะเลก็…
ความคิดนี้ยังไม่หนักแน่นพอ ฉินสือโอวจึงส่ายหัวแล้วเก็บไว้ในใจก่อน จากนั้นจึงรวบรวมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับคืนแล้วนอนหลับสนิททันที
หลังจากตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ฉินสือโอวออกไปดูตัวอ่อนก่อน เพราะว่าสิ่งนี้จะลอกคราบอย่างรวดเร็วและถ้าเป็นเช่นนั้นคุณค่าทางโภชนาการก็จะลดลงและรสชาติจะอร่อยไม่เท่าตอนเป็นดักแด้
ตัวอ่อนแช่น้ำเกลือได้พอดีแล้ว ฉินสือโอวจึงตักขึ้นใส่หม้อประมาณยี่สิบกว่าตัวแล้วนำมาทอดโดยใช้น้ำมัน
บางคนชอบกินตัวอ่อนทอด ฉินสือโอวรู้สึกว่าถ้าใช้น้ำมันทอดจะดีกว่า เพราะไม่ทำให้เลี่ยนจนเกินไป เมื่อทอดให้ใช้ก้นขวดไวน์กดลงไปแล้วจะทำให้ทอดสุกเร็วและรสชาติยังดีมากด้วย
ผงยี่หร่าและผงพริกป่นเป็นของสำเร็จรูปมาแล้ว ฉินสือโอวจึงใช้เกลือผสมลงไปอีกนิดหน่อย เมื่อคลุกเคล้าตัวอ่อนให้เข้าเครื่องกับเครื่องปรุงรสแล้วก็สามารถกินได้เลย ซึ่งจะมีแค่สูตรเดียวและรสชาติเดียว ตัวอ่อนที่ทอดจนสุกจะกรอบนอกนุ่มในและมีรสชาติหอมอร่อย
เมื่อถึงช่วงทานอาหารเช้า ฉินสือโอวถือจานมาหนึ่งใบ เมื่อเออร์บักเห็นจึงหัวเราะขึ้นมาแล้วหยิบเครื่องปรุงขึ้นมาจิ้มกิน พร้อมพยักหน้าพูดว่า “อืม รสชาติไม่เลวเลยนะ ครั้งสุดท้ายที่ฉันกินเจ้านี่เหมือนจะเป็นตอนสมัยหนุ่มๆ”
“ตอนนี้คุณปู่ก็ยังเป็นหนุ่มอยู่นะ” เชอร์ลี่ย์ปากหวานเอ่ย
เออร์บักหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ใจฉันหนุ่มมาก แต่อายุฉันน่ะ พวกนายเรียกว่าปู่กันหมดแล้วนะ จะยังเป็นหนุ่มได้อย่างไรกัน?”
………………………………………………