ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 807 เรือผีออกโจมตี
เรือลาดตระเวนกำลังจอดเทียบท่าเรือ เสี่ยวฮุยมองเห็นแผ่นพลาสติกหนาๆ จึงร้องถามด้วยความแปลกใจ “คุณลุง ทำไมถึงมีขวดเยอะขนาดนี้?”
ฉินสือโอวกำลังจะตอบ แต่หู่จือและเป้าจือก็กระโดดโลดเต้นวิ่งเข้ามาที่ท่าเรือเพื่อต้อนรับเขา เสี่ยวฮุยกะพริบตามองทั้งสองตัวนี้ ร้องถามด้วยความแปลกใจต่ออีกว่า “นี่คือหู่จือและเป้าจือใช่ไหมครับ? ทำไมถึงน่าเกลียดขนาดนี้ล่ะ?”
หู่จือและเป้าจือเคยเจอเสี่ยวฮุยสองครั้ง จึงจำได้ขึ้นใจ ด้วยเหตุนี้ตอนที่ฮุยยื่นมือออกมาลูบพวกมัน พวกมันทั้งสองจึงไม่หลบและร้องตะโกนจนทำให้เขาตกใจ แต่จ้องมองวินนี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วยความไม่พอใจแทน
ทุกครึ่งเดือนวินนี่จะตัดขนให้พวกมันหนึ่งครั้ง แต่ตอนนี้พวกมันโดนตัดจนเหลือเพียงขนอ่อนเท่านั้น พอเห็นแล้วทำให้พวกมันดูน่าเกลียดมาก
วินนี่ไปเอาความคิดจากไหนมาจัดการเจ้าสองตัวนี้? เธอต้อนรับพ่อฉินและแม่ฉินด้วยการยื่นมือจับแขนของพวกเขาทั้งสองพร้อมกับรอยยิ้มแล้วพูดว่า “คุณอา คุณน้า เดินทางมาเหนื่อยไหมคะ? หนูให้คนงานช่วยกันทำความสะอาดห้องไว้ให้แล้ว จะเข้าไปพักผ่อนสักหน่อยเลยไหมคะ?”
พ่อฉินและแม่ฉินจึงยิ้มกว้างออกมาแล้วยังพูดอีกว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่เหนื่อยสักนิดเลย บนเครื่องมีเตียงให้นอนหลับสบายมาก”
มาริโอ้ มิแรนดาและคนอื่นๆ ก็มาต้อนรับครอบครัวฉินสือโอวที่ท่าเรือด้วยเช่นกัน เนื่องจากเคยเห็นผู้สูงวัยทั้งสองในวิดีโอมาบ้าง ดังนั้นพอได้เจอกันก็เลยจำได้ทันที พ่อฉินจับมือกับมาริโอ้อย่างอบอุ่น จากนั้นจึงพูดภาษาอังกฤษว่า “ฮัลโหลๆ เสี่ยวฉิน มายซัน (ลูกชายของผม)…”
มาริโอ้ก็ตอบ ‘ฮัลโหล’ กลับทันที จากนั้นก็พูดว่า “จริงๆ แล้ว ผมคือพ่อของวินนี่ เราสามารถพูดภาษาจีนแบบพื้นฐานได้”
พ่อฉินรู้สึกอายเล็กน้อย จึงแอบคุยกับฉินสือโอวว่า “เป็นอย่างที่ลงในข่าวจริงๆ เหรอ ที่ว่าทั่วโลกกำลังเรียนพูดภาษาจีนน่ะ? เฮ้อ งั้นพ่อของแกก็สนุกแล้วล่ะสิ เขากับเสี่ยวฮุยจะได้เรียนภาษาอังกฤษหลายวันเลย”
เหล่าผู้สูงอายุจึงแนะนำตัวเองให้รู้จัก ฉินสือโอวถือโอกาสแนะนำพ่อและแม่ของเหมาเหว่ยหลงด้วย พ่อฉินรู้จักเหมาเหว่ยหลง เพราะช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนฉินสือโอวเคยพาเขาไปที่บ้านเกิด จากนั้นพอเรียนจบถึงรู้ว่าพ่อของเขาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในเมืองหลวง
ดังนั้นจึงจับมือกับพ่อเหมา แต่พ่อฉินรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเล็กน้อย เพราะตัวเองเป็นแค่ชาวนาเก่าแก่ธรรมดาๆ เท่านั้น แต่เขาเป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสถานีตำรวจ เมื่อได้จับมือกับเขาแล้วจึงรู้สึกแตกต่างมาก ฝ่ามือของตัวเองหยาบอย่างกับหนังวัวแก่ แต่ฝ่ามือของเขาทั้งอ่อนนุ่มและมีพลัง
หลังจากนั้นเขาก็ภูมิใจขึ้นมาทันที ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะเป็นอย่างไรล่ะถ้าเขาไม่มีลูกชายที่เปิดฟาร์มปลาขนาดใหญ่ในแคนาดาได้
พวกเขาต่างพากันแยกย้ายเข้าห้องอย่างสนุกสนานครึกครื้น เสี่ยวฮุยมองดูฉงต้าที่กำลังนอนตากอากาศอยู่ใต้แอร์ จากนั้นก็กระโดดขึ้นส่งเสียงร้องด้วยความดีใจและโผเข้าใส่อ้อมแขนของฉงต้าทันที
ฉงต้าที่ไม่พอใจจึงใช้อุ้งเท้าผลักเขาออก แกผลักฉันทำไม พวกเราสนิทกันมากไม่ใช่เหรอ? ไปไหนด้วยกัน อยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดเคยมีบ้างไหม?
สิ่งที่เสี่ยวฮุยคิดถึงที่สุดคือเพื่อนตัวน้อย มือข้างหนึ่งกอดท้องหู่จือไว้ ส่วนอีกข้างก็ดึงอุ้งเท้าสั้นๆ เล็กๆ ของฉงต้าอย่างสุดชีวิต ซึ่งทำให้ฉงต้าไม่พอใจมาก จะหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น จึงทำได้เพียงปล่อยให้เสี่ยวฮุยทำอย่างนั้นไปอย่างไม่มีความสุข
พี่สาวฉินกลัวว่าเสี่ยวฮุยจะกวนโมโหฉงต้า จึงเข้าไปลากเขาออกมา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เสี่ยวฮุยจะได้เจอเจ้าเพื่อนตัวน้อยเหล่านี้ ทำไมเขาถึงต้องยอมปล่อยมือง่ายๆ ล่ะ?
วินนี่ช่วยคลุกเคล้าสลัดผลไม้ชามเล็กให้กับเขา หลังจากใช้น้ำเชื่อมเมเปิลปรุงรสแล้วจึงส่งให้เสี่ยวฮุย เพื่อให้เขาป้อนให้ฉงต้ากิน
ทันใดนั้นสีหน้าหน้าบูดของฉงต้าก็เปลี่ยนไปทันที มันนั่งลงข้างๆ เสี่ยวฮุยอย่างมีความสุข หางเล็กๆ ของมันก็กวัดแกว่งไปมาอย่างรวดเร็ว
พอถึงช่วงบ่ายพาวลิสและพวกเด็กๆ เลิกเรียนพอดี พอกลับมาเห็นพ่อฉินแม่ฉินและคนอื่นๆ จึงร้องเสียงหวานขึ้น พ่อฉินและแม่ฉินตาลุกวาวทันที เพราะพวกเขาชอบที่ที่มีคนและเด็กเยอะๆ
เชอร์ลี่ย์พากอร์ดอนไปคั้นน้ำเลี้ยงเนื้อเยื่อต้นไม้ และตอนนี้พวกเขาก็เชี่ยวชาญในด้านนี้แล้ว ใครมาก็จะคั้นน้ำเลี้ยงต้อนรับ ซึ่งปกติจะคั้นกันอยู่แล้ว และฉินสือโอวจะรีบดื่มจนแทบจะอาเจียน
เสน่ห์ที่แท้จริงของโลลิต้าคือความไร้เทียมทาน เสี่ยวฮุยพอเห็นเธอก็เก็บอาการสงบเสงี่ยมทันที และทักทายอย่างเขินอาย “พี่เชอร์ลี่ย์ ไม่เจอกันนานเลยนะ สบายดีไหม?”
กอร์ดอนเดินวางท่าไปตบหัวเสี่ยวฮุย แล้วพูดว่า “ไม่เลวนี่ เจ้าเด็กน้อย นายโตมากแล้วนี่นา…โอ๊ย เชอร์ลี่ย์ไว้หน้าฉันบ้าง อย่าดึงหูฉัน!”
พ่อฉินแม่ฉินถูกเด็กๆ หยอกล้ออย่างมีความสุข โลลิต้าเดินเข้ามาดึงแขนเสี่ยวฮุยไว้แล้วพูดว่า “อย่าใส่ใจเด็กอันธพาลพวกนี้เลย เย็นนี้พี่จะพาเธอไปจับตัวอ่อน มันสนุกมากเลยล่ะ”
เชอร์ลี่ย์พูดประโยคเหล่านี้เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งความเร็วในการพูดของเธอเร็วเหมือนกับถั่วปากอ้าดีด เสี่ยวฮุยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เต็มไปด้วยความงุนงง
พี่สาวฉินเห็นบรรยากาศนั้นก็หัวเราะขึ้นมา จึงบอกกับเชอร์ลี่ย์และเด็กคนอื่นๆ ว่า “พวกเธอและเสี่ยวฮุยอยู่ด้วยกัน ต้องแค่พูดภาษาอังกฤษเท่านั้น อย่าพูดภาษาจีนกลางกับเขานะ ให้เขาได้เรียนภาษาอังกฤษจากพวกเธอ”
“ทำไมเขาถึงอยากเรียนภาษาอังกฤษล่ะ?” เชอร์ลี่ย์เอียงคอถามอย่างสงสัย
เสี่ยวฮุยฟังประโยคนี้รู้เรื่อง จึงคอตกแล้วพูดอย่างท้อใจว่า “เพราะตอนที่เราอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ห้าจะต้องเรียนภาษาอังกฤษและพอถึงเวลาก็ต้องสอบ”
เชอร์ลี่ย์ยังคงไม่เข้าใจ ฉินสือโอวจึงให้พวกเขาพาหู่เป้าฉงหลัวออกไปเล่นกัน เชอร์ลี่ย์จึงเก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วลากเสี่ยวฮุยให้ตามมาและถามอย่างตื่นเต้นว่า “มา ฉันจะแนะนำเพื่อนใหม่ให้เธอรู้จัก นี่คือมาสเตอร์เต่าอัลลิเกเตอร์ ส่วนนี่ปอหลัวกวางอูฐน้อย พวกมันเป็นเด็กดีมากเลยล่ะ”
ช่วงเย็นพ่อฉินและแม่ฉินต้องการเข้าครัวทำอาหาร ฉินสือโอวจึงโบกมือและพูดว่า “เย็นนี้พวกเราจะทานอาหารตะวันตก เพราะตอนนี้เรามีเชฟอาหารตะวันตกที่ยอดเยี่ยมมากอยู่หนึ่งคนที่นี่!”
การ์เซีย พ่อฉินและคนอื่นๆ ทักทายกัน และแซ็กชาวประมงที่ถนัดอาหารตะวันตกจึงเข้าไปเร่งทำอาหารในห้องครัว
เมื่ออยู่ในช่วงกำลังกินอาหารเย็น แอร์แบ็คที่อยู่เวรก็มาหาฉินสือโอว แล้วพูดกระซิบว่า “บอส มีเรือลำหนึ่งทางตะวันตกเฉียงใต้กำลังมาเข้าใกล้ฟาร์มปลาและคาดว่าจะเข้าสู่บริเวณฟาร์มปลาในอีกสองชั่วโมง”
ฉินสือโอวถึงกับขมวดคิ้ว ดี มีเรือประมงขโมยปลาเข้ามาอีกแล้วสินะ? หลังจากที่เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์สร้างเสร็จก็ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์เลย นับตั้งแต่คืนนี้ไป มาทำให้ชื่อเสียงของเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์แพร่หลายไปถึงแอตแลนติกเหนือกันเถอะ!
จากนั้นเขาให้วินนี่ทานอาหารเป็นเพื่อนบรรดาพ่อแม่ผู้สูงอายุไปก่อน เขาเรียกชาวประมงส่วนหนึ่งไปที่ห้องเรดาห์เพื่อดูสถานการณ์ แล้วพูดว่า “บีบีซวง นายพาแซ็กและทริกเกอร์ไปให้บทเรียนกับเรือลำนี้สักหน่อยสิ”
เรือดำน้ำสองลำมีความยาวประมาณสิบกว่าเมตร ดูเหมือนว่าจะลำใหญ่มาก แต่ความเป็นจริงแล้วพื้นที่ว่างภายในมีไม่มากเท่าไรนัก คนที่ร่างกายกำยำไม่สามารถเบียดกันเข้าไปได้ ดังนั้นมีเพียงบีบีซวงเท่านั้นที่สามารถเป็นผู้ช่วยชาวประมงตัวเล็กๆ ได้
สีหน้าของบีบีซวงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะทำให้ชาวประมงเหล่านั้นอับอาย เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ครับบอส พวกเราตามฉันมา เรือผีจะออกโจมตีแล้ว!”
หลังจากตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ที่จอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือก็ค่อยๆ ดำดิ่งลงไปในน้ำและหายไปในทะเลอันกว้างใหญ่
เพื่อที่จะเก็บเป็นความลับ ปกติแล้วฉินสือโอวจะเอาผ้าใบมาคลุมเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ไว้หนึ่งชั้น การ์เซียและคนอื่นๆ จะรู้ว่ามีเรืออยู่ที่นี่ แต่ไม่รู้ว่าคือเรืออะไร
เมื่อมองเห็นทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล ฉินสือโอวจึงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแผ่ลงไปในน้ำเพื่อตามเรือดำน้ำและเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ลงทะเลลึกไป
หลังจากอยู่ท่าเรือได้ไม่นาน ฉินสือโอวจึงได้ยินว่ามีใครบางคนตะโกนเรียก เขาจึงเดินกลับไป ที่แท้ก็มีคนมาขายตัวอ่อน
เมื่อเห็นสีของท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว เชอร์ลี่ย์และเด็กๆ รีบวางตะเกียบลง แล้วถือไฟและขวดไว้ในมือและพาเสี่ยวฮุยวิ่งออกไปจับตัวอ่อน
พ่อฉินและแม่ฉินรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย ฉินสือโอวจึงพูดปลอบใจว่า “ให้พวกเขาไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก มีหู่จือและเป้าจือตามไปด้วยอยู่แล้ว”
………………………………………………