ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 819 จุดเริ่มต้นของตำนานเรือผีสิง
แม้ว่าสมบัติอย่างเหรียญทองกับเหรียญเงินที่อยู่บนเรือโจรสลัดจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทร แต่เพราะต้นตอมาจากเรือสาธารณรัฐ ชื่อของเรือสมบัตินี้จึงถูกเรียกว่าเรือสาธารณรัฐเฉินเป่า
ในอดีตอัญมณีใต้น้ำพวกนี้เคยได้รับความสนใจจากหลายบริษัทและพวกคนรุ่นใหม่ที่ชอบล่าสมบัติจำนวนมาก แต่ทุกคนก็กลับไปมือเปล่า ภายหลังผ่านไป อัญมณีใต้น้ำพวกนี้ก็เลือนหายไปจากสายตาของนักล่าสมบัติ
ขอบเขตของการล่าสมบัติที่มหาสมุทรมีข้อตกลงบางข้อที่เป็นการลงความเห็นทั่วไป ตัวอย่างเช่น สาธารณรัฐเฉินเป่า ผู้คนคิดว่าเทคโนโลยีการค้นหาใต้ทะเลก่อนหน้านี้ไม่ก่อให้เกิดการปฏิวัติความก้าวหน้า ทรัพย์สมบัติพวกนี้จึงไม่ถูกค้นพบ
เพราะเรือโจรสลัดที่ครอบครองอัญมณีใต้น้ำถูกยิงจมลงไป พวกมันเริ่มแตกสลายระหว่างที่จมลง ต่อมาก็ยังเกิดพายุเฮอร์ริเคนอีก การจำลองของคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นว่าเรือไม้พวกนี้ชนกับก้นมหาสมุทรด้วยความเร็ว 100 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ดังนั้นมันจึงกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้วแน่นอน
เมื่อเป็นแบบนี้ บางทีกล่องไม้ที่เก็บเหรียญทองกับเหรียญเงินก็คงกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้วเหมือนกัน การค้นหาเหรียญทองกับเหรียญเงินที่ก้นมหาสมุทรอันแสนกว้างใหญ่ขนาดนั้น และยังเป็นเหรียญทองกับเหรียญเงินเมื่อศตวรรษครึ่งที่ผ่านมา ใครจะสามารถทำได้?
บริษัทโอดิสซีย์คิดว่าพวกเขาสามารถทำได้
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบริษัทกู้เรือเดินทะเลที่ทรงพลังที่สุดในโลก บริษัทโอดิสซีย์เชี่ยวชาญเส้นทางที่ไม่ปกติ ยิ่งทุกคนรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ พวกเขาก็ยิ่งอยากจะทำให้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกมองว่ายอดเยี่ยมได้อย่างไร?
บิลลี่แนะนำฉินสือโอวว่า “เรือสาธารณรัฐเฉินเป่าเคยถูกบริษัทของพวกเรามองว่าเป็นจุดสำคัญ 5 จุดใหญ่ในการศึกษาสมบัติที่ซ่อนอยู่ในซากเรืออับปาง ก่อนอื่นวิเคราะห์ซากเรืออับปางผ่านข้อมูลที่อยู่ในเอกสาร หลังจากนั้นใช้การจำลองของคอมพิวเตอร์ดูเส้นทางกับความเร็วของพายุเฮอร์ริเคนในช่วงเวลานั้น สุดท้ายก็ตรวจสอบระยะทาง”
“ในเมื่อตรวจสอบแล้ว ทำไมบริษัทของพวกนายไม่ไปกู้มาล่ะ?” ฉินสือโอวถามขัดจังหวะอีกฝ่าย
บิลลี่ถอนหายใจด้วยความเศร้าและตอบว่า “เพราะระยะทางคือ 1,200 ตารางไมล์! การพึ่งพาคลื่นโซนาร์เพื่อค้นหาก้นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ขนาดนั้นอย่างละเอียดครั้งหนึ่ง นั่นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้สำเร็จ มันสิ้นเปลืองพลังงานกับเงินมากเกินไป!”
เมื่อได้ยินระยะทาง ฉินสือโอวก็ขมวดคิ้ว 1200 ตารางไมล์ ตอนนี้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสามารถครอบคลุมได้มากที่สุดครึ่งตารางไมล์หรือก็คือพื้นที่มากกว่า 1000 ตารางกิโลเมตรเล็กน้อย การค้นหาพื้นที่แบบนี้จะมีปัญหานิดหน่อย
แต่ก็ดีกว่าค้นหาแบบตาบอดไม่รู้อะไรเลย
บิลลี่พูดว่า “นายมีวาฬเบลูกากับโลมาเป็นผู้ช่วยก็ให้พวกมันค้นหาที่นั่นสิ พวกมันน่าจะเจอร่องรอยบ้าง ตามที่บริษัทของพวกเราใช้คอมพิวเตอร์ในการจำลอง ซากเรืออับปางแบ่งออกเป็นชิ้นส่วนใหญ่ๆ ไม่กี่ชิ้น ถ้าหาชิ้นหนึ่งเจอ ก็ง่ายที่จะหาชิ้นอื่นๆ”
ฉินสือโอวพยักหน้าและพูดว่า “โอเค ให้ฉันลองดูแล้วกัน”
บิลลี่แนะนำเขาอีกครั้งเกี่ยวกับสถานการณ์ของอัญมณีใต้น้ำ สุดท้ายก็ตบไหล่เขาและพูดว่า “นายค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเถอะ ไม่ทันงานประมูลฤดูใบไม้ร่วงก็ยังมีงานประมูลฤดูใบไม้ผลิปีหน้า พวกเราไม่ได้ขาดเงินไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวพูดว่าลูกของนายไม่ขาดเงิน แต่ตอนนี้ฉันขาดเงินมาก ทั้งตัวมีไม่ถึง 50 ถึง 60 ล้าน ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันไม่เพียงพอที่จะยืนหยัดได้
หลังจากพายุเฮอร์ริเคนที่ทะเลผ่านไปไม่กี่วัน เรือไก่ฟ้ามิกาโดก็กลับมาอยู่ที่ท่าเรือของเมืองแฮลิแฟกซ์ในที่สุด
เสี้ยววินาทีที่เรือหาปลาเข้ามาเทียบท่า กัปตันโรนัลด์และผู้ช่วยกัปตันไบรอันแทบจะคุกเข่าลงบนดาดฟ้าเรือ ในเวลาเดียวกันทั้งสองต่างก็ระเบิดน้ำตาออกมา ในที่สุดพวกเขาก็รอดกลับมาได้
เดิมทีระยะทางระหว่างฟาร์มปลาต้าฉินกับเมืองแฮลิแฟกซ์ก็ไม่ได้ไกลขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะใช้เวลาถึง 4 วัน 4 คืนกว่าจะแล่นกลับมาถึง ที่สำคัญคือระหว่างทางเครื่องยนต์ของเรือไก่ฟ้ามิกาโดหยุดทำงาน ต้องใช้เวลาถึงวันครึ่งในการซ่อมแซม
นอกจากการหยุดทำงานของเครื่องยนต์จะทำให้พวกชาวประมงที่อยู่บนเรือกลัวตายแล้ว พวกเขาล้วนคิดว่านี่เป็นฝีมือของเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์อีกด้วย พวกเขาไม่รอช้ารีบซ่อมแซมและหนีทันที
เมื่อถึงท่าเรือที่อยู่ใกล้กับฟาร์มปลา พวกชาวประมงก็แย่งกันวิ่งลงไป ดาร์เรนตะโกนเสียงดังว่า “พวกนายรีบร้อนอะไร? คิดว่าลงจากเรือแล้วสามารถหนีคำสาปของเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ได้งั้นเหรอ?”
“งั้นควรจะทำยังไง?” สภาพที่ไร้เรี่ยวแรงของวอลเตอร์แผดเสียงตะโกนทั้งน้ำตาว่า “ฉันยังหนุ่มยังแน่น ฉันไม่อยากจมลงไปอยู่กับผีพวกนั้นที่ก้นมหาสมุทรหรอกนะ!”
ดาร์เรนถอนหายใจและพูดว่า “อย่ากลัวไปเลย เด็กๆ ผู้น่าสงสาร ฉันมีวิธี เมื่อก่อนฉันเคยตามเรือหาปลาของคนอินเดียนแดงลำหนึ่งไป เจ้าของเรือเคยสอนฉันว่าจะทำลายคำสาปของเรือผีได้ยังไง”
เมื่อพูดจบ เขานำเศษผ้าสองผืนออกมาทำเป็นตุ๊กตาเฉพาะกิจ บนตัวของตุ๊กตาทุกตัวเขียนชื่อโรนัลด์ ไบรอัน วอลเตอร์ ฮิลและคนอื่นๆ เอาไว้ แน่นอนว่าก็มีชื่อของดาร์เรนด้วย
เขายัดตุ๊กตาให้ลูกเรือทุกคนคนละตัว และสั่งให้พวกเขาใช้มีดกรีดลงไปที่นิ้วหัวแม่มือ แล้วหยดเลือดลงบนหัวของตุ๊กตา หลังจากที่ย้อมมันจนเป็นสีแดงก็โยนทิ้งลงไปในทะเล
พวกลูกเรือพากันเงียบกริบทำตามขั้นตอนเหล่านั้นจนสำเร็จอย่างตั้งใจและโยนตุ๊กตาทิ้งลงไปในทะเล
เมื่อเห็นตุ๊กตาจมลงไปใต้น้ำ ดาร์เรนก็โล่งใจและพูดว่า “เรียบร้อย ตอนนี้ก็ลงจากเรือได้แล้ว ตุ๊กตาพวกนี้มีคำสาปพิเศษ หลังจากเปื้อนเลือดที่นิ้วหัวแม่มือของพวกเรา พวกมันจะมีกลิ่นอายวิญญาณของพวกเรา พวกวิญญาณที่ลาลับไปแล้วจะพาพวกมันไปที่ก้นมหาสมุทร เพราะคิดว่าพาวิญญาณของพวกเราไป”
โรนัลด์ถามอย่างตื่นตระหนกว่า “มันจะใช้ได้จริงๆ เหรอ?”
ดาร์เรนกำลังจะให้คำมั่นสัญญา คนที่อยู่บนท่าเรือไม่กี่คนเห็นการแสดงปาหี่ของพวกเขาก็หัวเราะเสียงดังและพูดว่า “โรนัลด์ นายกำลังทำบ้าอะไรอยู่? ปลาที่พวกนายออกไปจับมาครั้งนี้ได้มาเท่าไรเหรอ?”
ใบหน้ามืดมนของโรนัลด์จ้องคนที่แซวเขาอย่างดุร้ายและตวาดออกมาว่า “หุบปากไปเชลดอน! ก่อนที่ฉันจะโมโห นายรีบไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันซะ! นายรู้ไหมว่าพวกเราออกทะเลครั้งนี้ต้องเจอกับอะไร? นายรู้ไหม?! ไปให้พ้น!”
เชลดอนและคนอื่นทำปากยื่นเยาะเย้ย บางคนก็หัวเราะและพูดว่า “ดูพวกมืดมนพวกนี้สิ ไปเห็นผีมาหรือไง?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ คนที่อยู่บนเรือต่างพากันตัวสั่น จากนั้นก็รีบลงมาจากเรืออย่างรวดเร็ว
ชาวประมงที่อยู่บนท่าเรือเห็นความผิดปกติจากอารมณ์ของพวกเขา จึงรวมตัวกันเข้าไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น
โรนัลด์ผลักคนที่ขวางทางออกไปอย่างเดือดดาล ส่วนคณะลูกเรือก็มองหาบาร์ที่อยู่ใกล้ๆ อย่างตื่นตระหนก พวกเขาเข้าไปสั่งเหล้าและเริ่มกรอกใส่ปาก
บนท่าเรือมีคนปีนขึ้นไปบนเรือไก่ฟ้ามิกาโดและพูดว่า “ผิดปกติจริงๆ ดูสิ โรนัลด์สะเพร่าเกินไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่ล็อกเรือ แต่บนเรือลำนี้สะอาดจริงๆ ไม่มีอะไร…”
ชายคนนี้เข้าไปในห้องควบคุมและเห็นสมุดบันทึกของกัปตันเรือที่เขียนไว้ลวกๆ ถูกทิ้งไว้บนเครื่องยนต์ เขาเปิดอ่านและรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที
สมุดบันทึกหลายหน้ามีแค่ประโยคว่า พวกเราโดนสาปแล้ว! เรือผีไล่ตามมาแล้ว!
ประโยคนี้ยังค่อนข้างเรียบร้อยตอนที่เริ่มเขียน แต่ยิ่งเปิดหน้าต่อไปก็ยิ่งยุ่งเหยิง หน้าสุดท้ายนี่แทบจะเหมือนมีคนนำปากกามาเขียนเส้นขยุกขยิกไว้บนกระดาษ
ภายในบาร์ โรนัลด์และคนอื่นๆ พากันมอมตัวเองจนเมาอย่างเร็วที่สุด หลังจากนั้นก็กอดเก้าอี้ล้มตัวนอนอยู่บนพื้น
ชาวประมงบางคนหัวเราะเยาะโรนัลด์กับคนอื่นๆ วอลเตอร์พยายามลุกขึ้นมาและตวาดว่า “พวกนายมันโง่! พวกนายจะไปรู้อะไร? พวกเราไม่ได้จับปลาเลย! พวกนายรู้ไหมว่าพวกเราต้องเจอกับอะไร? เรือผีสิง! เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์!”
พวกชาวประมงที่กินข้าวอยู่ริมทะเล ได้ยินเรื่องตำนานเรือผีสิงก็หูผึ่ง แต่ไม่มีใครเคยเห็น จึงไม่ค่อยเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง ดังนั้นเสียงหัวเราะเยาะจึงยิ่งดังขึ้นไปอีก
ดาร์เรนยืนขึ้นอย่างโซซัดโซเซและตะโกนด้วยความโกรธว่า “เจ้าพวกโง่ ฉันขอสาบานต่อพระเจ้า! ถ้าเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ที่พวกเราเห็นเป็นของจริงขอให้พวกเรารอดพ้นจากเรื่องเลวร้าย! ถ้าพวกเราพูดโกหก ก็ขอให้ทุกครั้งที่พวกเราออกทะเลหลังจากนี้ ต้องเจอกับพายุเฮอร์ริเคนและพายุฝน และทุกคนจะต้องตายอยู่ในทะเล!”
คำสาบานนี้ที่พูดออกมา ภายในบาร์ที่เงียบสงบ ทำให้ท่าทางของทุกคนเปลี่ยนไปในทันที
สำหรับชาวประมง นี่เป็นคำสาบานที่รุนแรงที่สุด ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ไม่มีใครกล้าพูดประโยคแบบนี้ออกมาอย่างแน่นอน!
ชายร่างใหญ่ผู้มีหนวดเคราคนหนึ่งที่นั่งแยกจากฝูงชนตรงข้ามกับดาร์เรนพูดว่า “เพื่อน ฉันรู้ว่านายไม่เคยพูดโกหก เล่าให้ฉันฟังทีว่า มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”
“นายเชื่อคำพูดฉันเหรอ?”
“ใช่!”
“ดี เรื่องนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่กลางดึกเมื่อ 4 วันก่อน…”
…………………………………………………………