ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 826 ความทะเยอทะยานของบัตเลอร์
เมื่อมองอาคารสองชั้นจากด้านนอกพื้นที่ดูไม่ค่อยใหญ่ แต่หลังจากเดินเข้าไปจะพบว่ากว้างขวางมาก การตกแต่งภายในอาคารใช้สไตล์เรียบง่าย พื้นเรียบแต่หยาบ เข้ากับบ่อน้ำขนาดเล็กแต่ละบ่อได้เป็นอย่างดี ด้านในเป็นผลผลิตทางทะเลเช่นกุ้งลอบสเตอร์ ปลาแฟงค์ทูธ ปลาแลมป์เพรย์ และอื่นๆ ที่สามารถอาศัยอยู่ในน้ำตื้นได้
นอกจากนั้นเขตแต่ละเขตแบ่งเป็น เขตปลาค็อด เขตปลาซาร์ดีน เขตผักทะเล เขตปลาน้ำลึกและอื่นๆ ด้านในคือปลาทะเลที่สภาพสมบูรณ์ทุกตัว ชัดเจนว่าพวกมันถูกนำมาทำเป็นตัวอย่าง
เดิมทีบัตเลอร์กำลังพูดคุยอยู่กับคนอ้วนผิวขาวคนหนึ่ง เมื่อเห็นฉินสือโอวเขาก็เดินมาหาด้วยความกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา ก่อนจะพูดว่า “เฮ้ เพื่อน พักผ่อนช่วงเวลาสั้นๆ แค่นี้เองเหรอ? ใจร้อนอยากสัมผัสกับบรรยากาศของไมอามีด้วยตัวเองขนาดนั้นเลย?”
ฉินสือโอวยิ้ม “ไม่หรอก ช่างเถอะ ความรู้สึกของฉันที่มีต่อไมอามีไม่ค่อยดีเท่าไร”
เขาพูดถึงเรื่องราวครั้งแรกที่เขามาไมอามีเพื่อตามหาวินนี่นิดหน่อย ในตอนนั้นเขาเกือบถูกปล้นและทำร้ายจนหัวแตกที่ภัตตาคาร ประสบการณ์ครั้งนั้นไม่ค่อยดีนัก
บัตเลอร์ยักไหล่และพูดว่านายโชคร้ายเกินไปแล้ว ที่ไมอามี ครึ่งเดือนจะมีการปล้นในที่สาธารณะสักครั้งหนึ่ง ผลคือนายมารอบเดียวก็เจอเลย
ทั้ง 2 คนพูดคุยกันไม่กี่ประโยค บัตเลอร์พาฉินสือโอวเดินทัวร์ร้านขายอาหารทะเลสุดพิเศษเล็กน้อย ลุงดำหนวดยาวมีความทะเยอทะยานที่แข็งแกร่ง เขาอยากทำให้ร้านนี้เป็นศูนย์กลางของอาหารทะเลในไมอามีที่ชายฝั่งทิศตะวันออกของมหาสมุทรแอตแลนติก
“เมื่อถึงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า พวกเราต้องเตรียมการสำหรับงานประมูลอาหารทะเลหลายครั้ง ตัวอย่างเช่นงานประมูลปลาทูน่าครีบน้ำเงิน งานประมูลปลิงทะเลคุณภาพดีเยี่ยมและงานอื่นๆ พวกเราจะไม่ไปยึดตลาดของคนญี่ปุ่น แต่จะให้พวกเขามาทำการซื้อที่ตลาดของพวกเราเป็นยังไง?”
ฉินสือโอวคิดและพูดว่า “ก็ไม่เลว แต่ฉันเกรงว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นงานประมูลอาหารทะเลของญี่ปุ่นหรือนอร์เวย์ ล้วนมีเวลาที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ในความคิดของพวกร้านอาหารทะเลจึงเกิดแบบแผนขึ้นโดยธรรมชาติ”
บัตเลอร์โบกมือและยิ้ม “ไม่มีปัญหา เพื่อน ตราบใดที่พวกเรามีผลผลิตที่ดีอยู่ในมือ เมื่อถึงเวลานั้นแค่เชิญคนดังบางคนมาทำโฆษณาและก่อให้เกิดความคิดเห็นต่อสาธารณชนอย่างบ้าคลั่ง แค่นั้นทุกอย่างก็โอเคแล้ว”
พูดถึงคนดัง ฉินสือโอวก็คิดถึงคนดังวงการบาสเกตบอลที่ชื่อ เวด บนป้ายบิลบอร์ดและพูดว่า “เพื่อน พวกเราควรลบภาพโปรไฟล์ของเวดจะดีที่สุด นี่เป็นการละเมิดสิทธิ์รูปของบุคคลอื่น ถ้าถูกตรวจสอบขึ้นมา ไม่สนุกแน่นอน”
คนผิวดำชอบทำงานตามอำเภอใจโดยไม่เกรงกลัวอะไรแม้แต่น้อย เพราะพวกเขายากจนและกลัว และก็แค่กลัวความจน ดังนั้นตราบใดที่สามารถทำเงินได้ อะไรพวกเขาก็กล้าทำทั้งนั้น
การเชิญเวดมารับรองชื่อแบรนด์ อย่างน้อยต้องจ่ายค่ารับรองหนึ่งล้าน ฉินสือโอวไม่เคยเห็นสิ่งนี้ในบิล ดังนั้นจึงรู้ว่าชื่อแบรนด์ของตนเองไม่ได้เชิญเวดมารับรอง
เขาพูดอย่างเป็นกังวลนิดหน่อย บัตเลอร์หัวเราะออกมาเสียงดัง “ใครบอกว่าฉันไม่ได้รับคำยินยอมจากเวดที่ใช้โปรไฟล์ของเขา? เขายินยอมแล้ว ฉิน นายวางใจเถอะ เขายินยอมแล้ว นอกจากนั้นยังเคยมาร้านค้าสุดพิเศษของพวกเราหลายครั้งแล้ว เขามาซื้อเกือบทุกสัปดาห์เลย”
ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจว่า “ไม่ต้องจ่ายค่ารับรองเหรอ?”
บัตเลอร์พูดว่า “พวกเรารู้จักกันมา 20 ปีแล้ว นายคิดว่า เขาจะถามฉันว่าจะจ่ายค่ารับรองไหมงั้นเหรอ? ตอนที่เด็กคนนั้นเรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยมาร์แกตต์ ฉันให้ความช่วยเหลือเขาอย่างน้อย 2000 ทุกเดือน ตอนนั้นฉันไม่ต้องให้เขาตอบแทนอะไรเลย!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ บัตเลอร์ตั้งท่าให้ฉินสือโอวขึ้นไปข้างบนกับเขา ชั้นนี้หากมองจากด้านนอกจะเป็นชั้นที่ 2 ความจริงอาคารนี้มี 4 ชั้น ชั้นที่ 3 กับชั้นที่ 4 เล็กมาก ชั้นหนึ่งเป็นสำนักงาน อีกชั้นเป็นหอพักของพนักงานซึ่งจะมองจากด้านนอกไม่เห็น
เมื่อเข้าไปในสำนักงาน บัตเลอร์ก็เปิดคอมพิวเตอร์ ภายในคอมพิวเตอร์ของเขามีอัลบั้มรูปอยู่ ในอัลบั้มมีรูปถ่ายคู่ของเขากับคนดังผิวดำหลายภาพ โดยเฉพาะคนดังด้านกีฬา ไม่ว่าจะเป็นบาสเกตบอล เบสบอลและรักบี้ เขาล้วนมีรูปคู่ของพวกดาวกีฬาผิวดำทั้งหมดซึ่งดูเป็นกันเองมากๆ
“นี่คือเครือข่ายทางสังคมของฉัน ฉิน นี่คือหนึ่งในเครือข่ายความสัมพันธ์ของฉัน จำสิ่งที่พวกเราพูดกันในตอนนั้นได้ไหม? นายจัดหาอาหารทะเล ฉันจัดหาช่องทาง ช่องทางที่ฉันพูดถึงไม่ใช่แค่ภัตตาคารกับโรงแรมไม่กี่แห่งหรอกนะ”บัตเลอร์พูดและยิ้มออกมาอีกครั้ง
จากนั้นหัวข้อการสนทนาก็ถูกเปลี่ยน บัตเลอร์พูดอีกว่า “ฉิน ฉันเข้าใจพลังของนายแล้วจากตัวตนและสถานะทางสังคมของนาย ฉันสามารถบุกเบิกเครือข่ายความสัมพันธ์ที่มีค่ายิ่งกว่าฉันให้ได้ แต่ฉันไม่เข้าใจ เพราะอะไรนายถึงไม่เต็มใจไปบุกเบิก หรือนายเหมือนจะมีความสุขที่ได้อยู่บนเกาะเล็กๆ ?”
ฉินสือโอวตบที่ไหล่ของเขาพร้อมรอยยิ้ม “ใครพูดว่าฉันไม่ได้บุกเบิก? ดูสิ นายไม่ใช่โหนดเครือข่ายความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์กับฉันเหรอ?”
“ครอบครัวสเตราส์ยิ่งมีประโยชน์ นายควรจะไปเยี่ยมพวกเขาให้มากขึ้นนะ”บัตเลอร์พูดแนะนำ เขากับครอบครัวสเตราส์มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกัน แต่เดิมก็เป็นครอบครัวสเตราส์ที่แนะนำให้เขารู้จักกับฉินสือโอว
นี่ก็ถือเป็นผลของเครือข่ายทางความสัมพันธ์ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ฉินสือโอวยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีก ในแง่ของเครือข่ายทางสังคม ความจริงเขาเป็นคนเฉยเมยและยึดมั่นอยู่มุมหนึ่ง คนอเมริกามองดูเหมือนจะคิดไม่ถึงและไม่สามารถเข้าใจได้
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เขาได้ติดต่อกับคนระดับสูงมากมาย และยังมีเจ้าชายจากตะวันออกกลางกับเจ้าชายจากประเทศอังกฤษอีก ถ้าเป็นคนทั่วไปคงจะโยนตัวเองเข้าไปสานสัมพันธ์อย่างแน่นอน แล้วฉินสือโอวล่ะ? คิดถึงกันดีกว่าได้พบกันและลืมกันไปเลยหลังจากหันหลังกลับ!
อย่างไรเขาก็มีปัญหาในแบบของตัวเอง อันดับแรกถ้าพูดถึงเนื้อแท้เขาก็ยังเป็นหนุ่มจีนระดับล่าง เพียงแค่โชคดีที่มีนิ้วทองคำ ถ้าเขารีบรุกล้ำเข้าไปในสังคมชนชั้นสูง แน่นอนว่าเขาจะทำเรื่องให้คนอื่นเยาะเย้ยไม่น้อย
ดังนั้นจากความคิดเห็นของฉินสือโอว การหลบซ่อนตัวดีกว่าการเผชิญหน้า เขาเดินเลี่ยงขอบเขตของวงชนชั้นสูง การซ่อนตัวบางครั้งอาจจะแสดงให้เห็นถึงความคมชัด แบบนี้กลับจะทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความลึกลับอีกแบบหนึ่ง
ทำไมครอบครัวสเตราส์กับผู้กำกับคาเมรอนถึงยินดีที่จะมาเยี่ยมเขาที่นี่? เพราะความเก็บตัวของเขา คนพวกนี้ไม่เข้าใจเขาและรู้สึกว่าเขาลึกลับมากเหมือนกับตัวละครในตำนานสไตล์ตะวันออกซึ่งมีแรงดึงดูดมากสำหรับพวกเขา
ต่อมาฉินสือโอวยังเป็นคนขี้กลัวอีกด้วย เพียงแค่มีใจมุ่งมั่นตรวจสอบนิดหน่อยและสามารถค้นหาปัญหาในเรื่องราวของเขาได้จะเห็นว่าจากเด็กยากจนที่มีเงินฝาก 5 หมื่นหยวนคนหนึ่งเปลี่ยนมาเป็นเจ้าของฟาร์มปลาขนาดใหญ่อันดับหนึ่งของรัฐนิวฟันด์แลนด์ได้ในเวลาไม่ถึง 2 ปี
เวลาไม่ถึง 2 ปี ฟาร์มปลาที่ล้มละลายแห่งหนึ่งถูกเปลี่ยนมาเป็นฟาร์มปลาที่มีมูลค่ามากที่สุดในแคนาดา นี่ไม่สอดคล้องกับเหตุผลนิดหน่อย
ความจริงคิดดูแล้ว ฉินสือโอวกับหอยนางรมลอยที่อยู่ในแนวปะการังไม่ได้แตกต่างกันเลย สมบัติที่อยู่ในอ้อมแขนช่างล้ำค่ายิ่งนัก ต้องเอาตัวรอดอย่างระมัดระวัง เมื่อโลกภายนอกเกิดความวุ่นวายก็ต้องซ่อนตัวเองอยู่ภายในเปลือก
ฟาร์มปลาต้าฉินก็เป็นเปลือกของฉินสือโอว
ตราบใดที่อยู่ภายในเปลือก เขาก็จะรู้สึกสบายใจ
บัตเลอร์ไม่ได้เข้าใจสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเข้าใจทางเลือกของฉินสือโอว เขาคิดได้เพียงว่าหุ้นส่งทางธุรกิจคนนี้เป็นฤๅษีที่ตกปลาท่ามกลางหิมะในฤดูหนาว มีจิตใจสูง และวิถีต่างจากคนอื่น
เว้นแต่กับคนที่คุ้นเคย ไม่อย่างนั้นฉินสือโอวจะเป็นคนที่พูดน้อยมากในโลกภายนอกซึ่งง่ายมากที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด
ตอนนี้บัตเลอร์ถือเป็นเพื่อนของฉินสือโอวแล้ว เขารู้ถึงพลังทางเครือข่ายสังคมอันน่ากลัวที่อยู่ในมือของหุ้นส่วนทางธุรกิจคนนี้ ต่อมายังแสดงความสำเร็จทางเครือข่ายสังคมของตัวเองให้เขาเห็นมาโดยตลอดอีก เพื่อนจากทุกสายอาชีพ คนรู้จักในทุกวงสังคม และหวังว่าจะกระตุ้นความสนใจของฉินสือโอวได้
ฉินสือโอวสนใจนิดหน่อย จริงๆ การได้เจอผู้คนมากมายที่ปกติจะเห็นได้แค่ในข่าว เขาก็รู้สึกสนใจมากเหมือนกัน เพียงแต่จะให้เขาไปทำความรู้จัก เขาก็ไม่สนใจอีกแล้ว…
…………………………………………………………