ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 83 ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน
ฉินสือโอวพูด “ที่จริงก็ล่าได้ตามสบายอยู่แล้ว แต่ฉันเพิ่งจะรู้วันนี้ว่าที่แท้เขาหลังพื้นที่ประมงฉันมีสัตว์เยอะขนาดนี้!”
เหมาเหว่ยหลงเดาะลิ้นแล้วเอ่ยปาก “วันหยุดปีนี้ฉันยังไม่ได้ใช้ ช่วงนี้ที่บ้านก็เร่งให้แต่งงาน ฉันหงุดหงิดอยู่พอดี วันหยุดรายปียี่สิบวันฉันไปเที่ยวบ้านแกหน่อยได้ไหม?”
ฉินสือโอวตบโต๊ะพลางตอบกลับ “เหลวไหลน่า จะมาเมื่อไหร่? ลาหยุดแล้วบอกฉันจะได้จองตั๋วให้!”
เหมาเหว่ยหลงยิ้มชั่วร้าย “ต้องให้แกลำบากด้วยเหรอ? ค่าเครื่องน่ะเบิกได้ เป็นสวัสดิการภายในระบบ!”
ทั้งสองคุยกันครู่หนึ่งก็ได้ข้อสรุป เหมาเหว่ยหลงลาหยุดให้เร็วที่สุด พยายามมาเมืองแฟร์เวลในเดือนมิถุนายน
จริงๆแล้วเขาอยากจะมาพักร้อนในเดือนกันยายน แต่ดูรูปในพื้นที่ที่ฉินสือโอวถ่ายบวกกับสิ่งที่เขาเล่า ในใจก็ต้านกิเลสไม่ไหวเลยตัดสินใจมาไวกว่าเดิม
ยุ่งมาทั้งวัน ตกกลางคืนฉินสือโอวก็ได้รับโทรศัพท์จากบริษัทก่อสร้างวิลว่าจากรายงานการสำรวจก่อนหน้านี้พวกเขาได้วางแพลนสำหรับท่าเรือทั้งสองเรียบร้อยแล้ว และนัดแนะเวลาคุย
ช่วงนี้ฉินสือโอวว่าง ปลาที่พื้นที่ประมงก็ยังเล็ก ไม่ต้องไปจับ สาหร่ายก็โตแล้วจนสามารถเป็นอาหารให้กับสัตว์ที่กินอาหารได้หลายประเภทอย่างหมึกยักษ์ ปลาหมึก ปลาแฮร์ริ่ง เขาไม่มีอะไรทำ เป็นโอกาสสร้างอะไรในพื้นที่ประมงพอดี
ครั้งนี้ค้นพบหาดชั้นเยี่ยมและน้ำพุร้อน ยิ่งทำให้ฉินสือโอวรู้สึกว่าการสร้างท่าเรือเป็นไอเดียที่ถูกต้อง เขานี่ช่างสายตากว้างไกล ถ้าต่อไปสามารถสร้างจนพื้นที่ประมงกลายเป็นรีสอร์ทหรูแน่นอนว่าต้องการท่าที่ใหญ่ขึ้น
นัดมาคุยแพลนสร้างท่าเรือในวันมะรืนเสร็จ ฉินสือโอววางสายแล้วนอนไปบนเตียง จิตสำนึกโพไซดอนล่องไปทั่วพื้นที่ประมงจนหยุดอยู่ที่สัญลักษณ์บนตัวปลาทูน่าครีบเหลืองแล้วตามไป
ปลาทูน่าสีเหลืองเป็นนักเดินทางแห่งท้องทะเล พวกมันชอบเดินทางไวๆ และมักจะเป็นในทะเลลึก ปลาทูน่าครีบเหลืองตัวนั้นของฉินสือโอวก็กำลังว่ายอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจอยู่ใต้ทะเล
ท่ามกลางทะเลลึก แสงแดดส่องไม่ถึง นี่เป็นคุกมืดมิดของแท้ แต่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้กลับยังคงมีสิ่งมีชีวิตหลากหลายอาศัยอยู่
ปลาทูน่าสีเหลืองว่ายไปเรื่อยๆ ฉินสือโอวเคยเห็นปลาทะเลลึกไม่น้อย ปลาหมูกระโดงสูงปากใหญ่ตัวหนึ่งว่ายผ่านมาพอดี โชคร้ายที่ถูกทูน่าครีบเหลืองเล็งเข้า
ความเร็วในการว่ายน้ำของปลาหมูกระโดงสูงเทียบไม่ได้กับทูน่าครีบเหลือง มันพุ่งเข้าไปอ้าปากกว้างแล้วกัดเต็มแรงจนปลาหมูกระโดงสูงถูกงับขาดสองท่อน ก่อนจะกลืนลงไปทีละครึ่ง
เลือดของปลาหมูกระโดงสูงกระจายไปในทะเล ปลาชนิดอื่นตามกลิ่นเลือดมา ทูน่าครีบเหลืองไม่ได้ทิ้งเหยื่อไว้แต่จากไปอย่างรวดเร็วแทน
ฉินสือโอวสามารถเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของปลาทูน่าครีบเหลืองผ่านจิตสำนึกโพไซดอน ที่แท้ในทะเลกลิ่นคาวดึงดูดฉลามมาก เป็นไปได้สูงว่าอีกครู่หนึ่งจะมีฉลามโผล่มา ถึงตอนนั้นก็จะเป็นอันตรายสำหรับปลาทูน่าครีบเหลือง
การเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมใต้ทะเลโหดกว่าบนพื้นดิน ปลาทุกตัวที่โตได้ต้องเคยผ่านบททดสอบหฤโหดมาแล้ว
ปลากะพง ปลาลิ้นหมาแอตแลนติก ปลาลิ้นหมาหลังเทา ปลาเซลฟิชแอตแลนติก ปลาแมกเคอเรล ปลานกแก้วลายเสือ ปลาแซลมอนแปซิฟิก ระหว่างทางปลาทูน่าครีบน้ำเงินเจอกับปลาน้ำลึกหลากหลาย ขอแค่โดนมันเล็งเท่านั้นก็แทบจะกลายเป็นอาหารทั้งหมด
แน่นอนว่าถ้าขนาดตัวของปลาทูน่าครีบเหลืองเล็กลงมาหน่อยแล้วถูกพวกนั้นจ้องก็ตายเหมือนกัน!
ว่ายไปอีกพักปลาทูน่าครีบเหลืองก็ถือว่ากินไปพอประมาณแล้ว มันกะจะหาจุดเงียบๆก้นทะเลพักสักหน่อย จู่ๆก็เจอกับปลาทูน่าอีกตัวหนึ่ง ปลาตัวนั้นน่าจะยาวถึงครึ่งเมตรถือว่าตัวใหญ่ทีเดียว มันตื่นตัวสะบัดหางพุ่งเข้าไปทันใด
ปลาทูน่าครีบเหลืองว่ายพุ่งเข้าไปอย่างคุกคาม ปลาทูน่าตัวนั้นรู้ตัวแต่กลับไม่ได้หนีไป แต่หันมาเผชิญหน้าในท่าเตรียมสู้
ฉินสือโอวแอบคิดในใจว่าเจ้าทูน่าตัวนี้แน่จริงๆ แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงความกลัวจากปลาทูน่าครีบเหลือง จิตสำนึกโพไซดอนแผ่กว้างออกไป ฉินสือโอวสูดหายใจเข้า ในระยะยี่สิบกว่าเมตรที่ห่างไปจากหัวของปลาทูน่ายาวครึ่งเมตรมีปลาที่ใหญ่กว่ากำลังจ้องมองปลาทูน่าครีบเหลืองอย่างเยือกเย็น…..
ปลาทูน่าครีบเหลืองลำตัวยาวเมตรครึ่ง และยังโตได้อีกจนถึงสองเมตร นับว่าเป็นปลาขนาดใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ปลาตัวนี้ ความยาวของลำตัวถึงสองเมตรแล้ว!
อีกอย่างนี่ไม่ใช่วาฬหรือฉลาม แต่เป็นปลาทูน่าเหมือนกับเจ้าทูน่าครีบเหลือง รูปร่างแตกต่าง ครีบหลังอันแรกอยู่แถวๆกลางฐานร่างกาย ครีบอันที่สองสูงกว่าอันแรก ราวกับภูเขาสองลูกที่เรียงราย
นอกจากนั้น ครีบอกยังสั้นมาก ท่อนบนมีสีน้ำเงินเข้ม ท่อนล่างบริเวณท้องเป็นสีขาวเงิน สีแบบนี้ช่วยในการซ่อนตัวท่ามกลางทะเล เพราะการป้องกันจากสีสันบนตัวปลาทูน่าครีบเหลืองก่อนหน้าถึงไม่เห็นมัน
ครีบหลังอันแรกของปลาตัวนั้นมีสีฟ้า อันที่สองเป็นสีน้ำตาลแดง ครีบก้นเป็นสีเหลืองเข้มและมีขอบสีดำ ดูเกรงขามและสวยงาม
และหลังจากที่ได้เห็นสีบนตัวและครีบของปลาแล้ว ชื่อๆหนึ่งที่คนรู้จักดีก็ผุดขึ้นในใจฉินสือโอว ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน! หรืออีกชื่อเรียกหนึ่งว่าปลาทูน่ายักษ์
เป็นปลาทูน่าเหมือนกัน ปลาทูน่าครีบเหลืองว่ามีค่าแล้ว แต่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินมีค่ายิ่งกว่า ปลาชนิดนี้เป็นหนึ่งในปลาที่คนนิยมทั่วโลก อย่างตัวนี้ที่ยาวเกินสองเมตร น้ำหนักน่าจะถึงสามร้อยกว่ากิโล มูลค่าอย่างต่ำสองล้านดอลลาร์!
ใช่แล้ว ปลานี้ก็แพงแบบนี้แหละ ที่ญี่ปุ่นโตเกียวซึ่งชอบกินปลาชนิดนี้ที่สุด ชิ้นปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือขนาดเท่ามือเด็กหนึ่งชิ้นราคาก็สูงถึงสองพันเยนแล้ว!
ที่จริงพูดถึงเนื้อสัมผัส ปลาทูน่าครีบเหลืองก็ไม่ได้แย่กว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินสักเท่าไร เพียงแต่ของยิ่งหายากก็ยิ่งแพง เพราะจำนวนของปลาทูน่าครีบเหลืองรักษาไว้ได้สูงกว่า ส่วนทูน่าครีบน้ำเงินเกือบจะสูญพันธุ์แล้ว จึงทำให้ราคาของทูน่าครีบน้ำเงินสูงกว่าทูน่าครีบเหลือง
ทีนี้ก็ถึงตาทูน่าครีบเหลืองหนีบ้างแล้ว ถ้าไม่ได้จิตสำนึกโพไซดอนช่วยวันนี้ก็คงจะจบชีวิตในปากของทูน่าตัวเล็กและใหญ่สองนี้แล้ว ความโหดร้ายของท้องทะเลอยู่ที่ขอแค่ไม่ใช่ประเภทเดียวกัน ตระกูลเดียวกัน ฝูงเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นชนิดเดียวกันไหมก็เป็นอาหารได้ทั้งนั้น!
โดยเฉพาะฉลาม ขอแค่หิวตาลายต่อให้เป็นพวกเดียวกันฝูงเดียวกันก็กินได้!
แต่ว่าฉินสือโอวจะทนดูมันถูกกินได้ไงละ? จิตสำนึกโพไซดอนกระจายไปทั่วบริเวณท้องทะเล ทูน่าครีบน้ำเงินตัวเล็กใหญ่สงบลง ทั้งสามมองทักทายกัน ไม่น่าเชื่อว่าภายใต้จิตสำนึกโพไซดอนจะมีความเห็นอกเห็นใจกันด้วย
มาแล้วเหรอ?
อืม มาแล้ว ฉันพาลูกชายมาด้วย
นายนี่ก็ซวยจริงๆ ฉันนี่ก็ห่วงกินเลยโดนตกไป
นั่นสิ ฉันกับลูกชายก็ไม่ได้ไปแหย่ใคร แค่จะมาพักตรงนี้สักหน่อย ไหงโดนควบคุมได้ล่ะ?
ปกติแล้วพอถูกจิตสำนึกโพไซดอนควบคุม พลังโพไซดอนก็จะเข้าไปช่วยบำรุงร่างกายของปลา ถือว่าเป็นสิทธิพิเศษอย่างหนึ่ง หลังจากที่ถูกพลังโพไซดอนปรับร่างกายแล้วพวกมันจะโตไวกว่าเดิม พัฒนาการดีขึ้น
ฉินสือโอวไม่ใช่คนโลภ วันนี้ได้ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน เขาก็พอใจแล้ว แน่นอนว่าไม่พอใจก็ไม่ได้ การควบคุมจิตสำนึกโพไซดอนระยะไกลแบบนี้เหนื่อยมาก ได้ปลาสามตัวเขาก็กลับ
เกล็ดหิมะมองแนวปะการังเป็นถิ่นของตัวเองมาตลอด ตอนนั้นที่กุ้งทะเลมาคุกคาม มันก็ไม่ถอย แต่ตอนนี้มันรู้สึกว่าถิ่นของมันไม่มั่นคงแล้ว ก่อนหน้าก็มีทูน่าครีบเหลืองที่ไม่เล็กไปกว่ามันมา ตอนนี้ก็มีทูน่าครีบน้ำเงินที่ตัวใหญ่กว่ามันมาอีก…..
เทียบกันแล้วปลาหิมะ และแฮร์ริ่งน่าสงสารกว่า เจ้าสองตัวนี้ก็กินเนื้อทั้งนั้น ปีที่แล้วฉันซื้อนาฬิกาข้อมือ เจ้าของพื้นที่ประมง นายนี่กะไม่ให้รอดกันเลยหรือไง!
ฉินสือโอวให้ปลาทูน่าครีบน้ำเงินพักแถวๆแนวปะการังก่อน ส่วนเขากลับกอดหมอนนอนหลับสนิท ไม่ว่าจะอย่างไรตอนนี้เขาก็เป็นเศรษฐีแล้วนะ ทำไมตอนนอนยังกอดหมอนอยู่อีก?
เมื่อก่อนฉินสือโอวคิดเสมอว่าเขาจะสามสิบแล้วยังซิงเพราะเขาไม่มีเงิน ตอนนี้เขาตาสว่างแล้วว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับเงิน เขามันไร้น้ำยาเอง!
ขอแค่เขาหน้าหนาหน่อย วินนี่ก่อนหน้านี้กับดาญ่าที่เจอไม่นาน หรือแม้แต่โหลวมู่ชิงที่บ้านเกิด ก็เสร็จเขาไปนานแล้ว!
“ครั้งหน้าฉันไม่กลัวเสียหน้าอีกแล้ว!” ฉินสือโอวแอบสาบานในใจ แล้วกอดหมอนนางพญางูขาวที่สั่งซื้อจากเน็ตจนหลับไป
พอหลังจากตื่นมาตอนหกโมง ฉินสือโอววิ่งรอบพื้นที่ประมงอย่างที่ทำประจำ ตอนที่วิ่งผ่านบ่อน้ำพุร้อนเขาก็นั่งยองล้างหน้า อุ่นมาก แล้วยังมีกลิ่นอ่อนๆของกำมะถัน น้ำพุร้อนแบบนี้คุณภาพสูงมาก ถ้าอาบบ่อยๆจะเป็นผลดีต่อร่างกาย
พอกินข้าวเช้าเสร็จเขาก็ไปซื้อผลไม้ในเมืองจึงพบว่าในเมืองวันนี้ครึกครื้นกว่าปกติ หลายๆร้านก็ลดราคา และตรงทางสี่แยกก็มีคนชักธงที่เขียนว่า ‘ขอพระเจ้าอวยพรให้โรงงานเคมีเจ๊ง’
ฉินสือโอวเข้าใจในทันที ดูท่ารัฐบาลเซนต์จอห์นจะออกหนังสือมาแล้ว โรงงานเคมีสตีฟกับโรงงานเคมีสปริงต้องย้ายไปจากเกาะแฟร์เวล ไม่อย่างนั้นจะสั่งปิด
เขามาถึงหน้าร้านสะดวกซื้อฮิวจ์ ฮิวจ์ก็ยื่นกาแฟร้อนแก้วหนึ่งให้เขาพลางพูดยิ้มๆ “ลองชิมดูเพื่อน ฉันชงเอง รสชาติไม่แย่”
ฮิวจ์น้อยน้องชายเขาเดินออกมาจากห้องด้วยหน้าเปื้อนสีน้ำมัน ฉินสือโอวนึกได้ถึงเรื่องที่เขาสองคนพนันกันไว้ ไม่มีอะไรทำเลยพูดขึ้นมา “หนุ่มน้อย ยังจำที่เราพนันกันไว้ได้ไหม? ดูสิ ตอนนี้โรงงานเคมีทั้งสองที่ก็จะไสหัวไปแล้ว ไม่ถึงหนึ่งเดือนใช่ไหมละ?”
ฮิวจ์น้อยไม่ใช่คนที่แพ้ไม่ได้ เขาพูดด้วยความตะลึง “ฉิน นายรู้ได้ไงว่าโรงงานเคมีทั้งสองโรงนี้จะย้ายออก? ฉันได้ยินว่าที่โรงงานมีเรื่องเหนือธรรมชาติเกิดขึ้น นายเป็นคนทำหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวเป็นคนทำจริงๆ แต่เขาจะยอมรับไม่ได้เลยกลอกตาให้ฮิวจ์น้อยแล้วพูดขึ้น “เรื่องเหลวไหลทั้งเพ จริงๆแล้วฉันมีคนรู้จักที่กรมป้องกันสิ่งแวดล้อมของเซนต์จอห์น พวกเขาบอกมา โรงงานเคมีทั้งสองโรงนี้ทำเกินไปเลยทำให้รัฐบาลไม่พอใจ”
ฮิวจ์น้อยยักไหล่ “มีเส้นสายนี่ดีจริง โอเคฉิน นายชนะ ฉันจะแนะนำผู้หญิงที่สวยสุดๆคนหนึ่งให้รู้จัก เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะนัดเธอออกมาอย่างไร รอข่าวจากฉันแล้วกัน”
ฉินสือโอวยิ้มพลางชนหมัดกับเขา ฮิวจ์มองเขาด้วยความสนใจ แววตาเปี่ยมไปด้วยนัย
ฉินสือโอวแอบร้อนตัว เขาไม่อยากให้มีใครรู้เรื่องจิตสำนึกโพไซดอนจึงพูดถาม “เป็นอะไรไป?”
ฮิวจ์พูด “ฉันได้ยินแลร์รีเล่ามาว่านายเล่นบอลเก่งมาก? โยนบอลลงตะกร้าก็ง่ายเหมือนกินข้าว? ฉันตะลึงมาก”
แลร์รีก็คือฮิวจ์น้อย ชื่อเต็มคือแลร์รี ฮิวจ์ ส่วนพี่ชายเขาชื่อเต็มคือเควิน ฮิวจ์
ที่แท้ก็เรื่องนี้ ทำฉันตกใจหมดเลย ฉินสือโอวแบมือไปด้านข้าง “ก็พอตัว จริงๆก็เล่นได้ธรรมดา…..”
ฮิวจ์กำลังจะบอกว่าอย่าถ่อมตัว ปรากฏว่าฉินสือโอวก็พูดต่อ “ก็แค่ตั้งแต่เล็กจนโตยังไม่เคยเจอคู่ต่อสู้”
ฮิวจ์เงียบไปนานกับประโยคเมื่อครู่ก่อนจะพูดขึ้น “งั้นมีโอกาสเรามาประลองกันหน่อย”
พูดไปเขาก็หยิบซองหมากฝรั่งเขวี้ยงไปทางฉินสือโอว ความเร็วของปฏิกิริยาตอบโต้อีกฝ่ายไม่ใช่อะไรที่เขาเทียบได้ แม้ว่าซองหมากฝรั่งจะถูกเขวี้ยงมาอย่างแรง แต่ฉินสือโอวก็สามารถเอื้อมมือไปหยิบไว้ได้ด้วยท่าทีสบายๆแล้วชูมือขึ้น “ขอบใจสำหรับหมากฝรั่ง”
ฮิวจ์ยิ้ม เขาพอใจกับความเร็วในการตอบโต้ของฉินสือโอว ดูท่าจะมีฝีมือจริง
…………………………………………