ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 858 พวกนายมาพักผ่อนวันหยุดเหรอ
ได้ยินเสียงผิวปาก หู่จือกับเป้าจือจึงปล่อยกวางหนุ่มแล้ววิ่งกลับไปอยู่ข้างหน้าทุกๆ คนด้วยความรวดเร็ว
ฉินสือโอวคิดว่าปล่อยพวกมันหนีไปแบบนี้ก็พอแล้ว ทว่ากวางแดงตัวเมียโง่เกินไป คิดไม่ถึงว่าพวกมันจะไม่รู้ว่าตัวเองควรหนีไป แต่กลับหลบอยู่ข้างๆ รอกวางหนุ่มด้วยตัวที่กำลังสั่นเทิ้ม ตอนนี้หู่จือเป้าจือออกมาแล้ว พวกมันจึงวิ่งกลับมาอยู่ตรงหน้ากวางตัวผู้อีกครั้ง
กวางหนุ่มยืดคอ นอนหอบหายใจ ‘ฮืดฮาดๆ’ อยู่กับพื้น อากาศหนาวเย็น หมอกควันสีขาวสองสายถูกพ่นออกมาจากรูจมูก เหมือนรถไฟที่ดึงหวูดปล่อยควันรถออกมา
ทว่ากวางหนุ่มกลับไม่ได้ลุกขึ้นมา มันพักอยู่สักครู่ดิ้นรนอยู่สักพัก ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงหมอบตัวครึ่งหนึ่งอยู่บนพื้น
ฉินสือโอวที่กำลังลูบหลังหู่จือกับเป้าจือรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ เขาเลยจะเดินไปตรวจดูสักหน่อย พอกวางตัวเมียเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้ก็ตื่นตระหนกตกใจจนวิ่งเตลิดไป พวกมันไม่ได้วิ่งไปไหนไกล แต่กลับมองดูคนกลุ่มนี้อยู่ที่ริมป่าลึกเท่านั้น
แบล็คไนฟ์ยักไหล่พูดว่า “ผมว่า กวางตัวเมียพวกนี้น่าจะถูกสัตว์ป่าโจมตีอยู่บ่อยๆ แล้วกวางตัวผู้ปกป้องพวกมันไว้ ดังนั้นพวกมันเลยไม่กล้าหนีกวางตัวผู้ไปไหน”
ฉินสือโอวนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ กวางตัวผู้ เขาลองพลิกดูตัวกวางหนุ่ม เมื่อสักครู่ตอนที่หู่จือกระโดดชนมันล้ม ทำให้กระดูกขาหน้าของมันหักข้างหนึ่ง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงลุกไม่ขึ้น
พละกำลังในการโจมตีของหู่จือแข็งแกร่งเกินไป ในระหว่างขั้นตอนการเจริญเติบโตของมัน ทุกครั้งที่อาบน้ำฉินสือโอวจะเพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้มันบางส่วน พวกมันจึงแข็งแรงกำยำกว่าใคร มีการระเบิดพลังของร่างกายที่แตกกันออกไปโดยสิ้นเชิง
ในภาษาจีนกวางแดงถูกเรียกว่ากวางม้า ในเมื่อมีคำว่า ‘ม้า’ อยู่ นั่นย่อมบอกได้ชัดว่าสัตว์ชนิดนี้ต้องมีจุดที่เหมือนกันกับม้า
ม้าป่าขนาดเวลานอนก็ยังยืนนอน มีคนบอกว่าเป็นเพราะการระมัดระวังตัวของพวกมัน แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมด ยังมีสาเหตุส่วนหนึ่งคือ ม้ามีน้ำหนักตัวมากเกินไป ขาทั้งสี่ข้างผอมสูงลีบเล็กเกินไป หลังจากนอนลงไปแล้วจะลุกขึ้นมาเองได้ยาก นอกจากนี้น้ำหนักตัวที่มีอยู่มากของม้ายังกดทับขาทั้งสี่ข้างจนเกิดอันตรายได้ง่าย
กวางแดงถูกพุ่งชนจนล้มลงแบบนี้ คาดว่าขณะที่ล้มลงขาหน้าข้างหนึ่งคงจะลื่น เลยล้มลงแบบนี้
เนื่องจากครั้งนี้ต้องนำลูกกวางและลูกหมูป่ากลับไปด้วย ดังนั้นฉินสือโอวจึงพกยากับผ้าพันแผลบางส่วนมาด้วย เพื่อเตรียมการป้องกันไม่ให้ลูกกวางกับลูกหมูป่าได้รับบาดเจ็บในระหว่างขั้นตอนการจับ
เขาเรียกอีวิลสันเข้ามา แบล็คไนฟ์หยิบผ้าพันแผลกับยาพ่นรักษาอาการบาดเจ็บภายนอกออกมาจากในกระเป๋าสะพาย เพื่อช่วยรักษากวางอย่างง่ายๆ จากนั้นจึงใช้มีดทหารตัดไม้มาสองท่อน แล้วพันไว้บนขาของกวางหนุ่มข้างที่ได้รับบาดเจ็บ ผ่านไปสักระยะก็จะฟื้นสู่สภาพเดิมได้
กวางตัวผู้คงจะอยู่บนภูเขาต่อไม่ได้แล้ว ฉินสือโอวติดต่อผ่านวิทยุสื่อสาร ให้พวกบูลข้ามมาพากวางหนุ่มกลับไปกับพวกเขา ส่วนกวางตัวเมีย ก็ปล่อยให้พวกมันไปหาที่อยู่เองก็พอ
ครั้งนี้ใช้สมองไปอย่างหนักแต่กลับไม่สามารถจับกวางได้ ฉินสือโอวรู้สึกเซ็งอยู่หน่อยๆ จึงพาทุกคนเดินทางต่อ
บุชบินอยู่บนท้องฟ้าได้สิบกว่านาทีก็ค้นพบอะไรบางอย่างอีกครั้ง พอฉินสือโอวพาคนเข้าไปดู ก็พบว่าครั้งนี้ไม่ใช่แม่กวาง แต่เป็นหมูป่ากับลูกหมูป่าขนาดค่อนข้างใหญ่หกตัวที่กำลังพากันใช้ฟันฉีกเปลือกต้นไหซู่กิน
หมูป่ามีลักษณะการกินที่หลากหลายมาก พวกมันสามารถกินหญ้า ใบไม้ กินเนื้อหรือปลาได้ และเมื่อหิวก็กินเปลือกไม้ได้ ไม่แตกต่างกับผู้คนในยุคข้าวยากหมากแพงเท่าไรนัก
พอฉินสือโอวโบกมือ เหล่าทหารก็กระจายกำลังกันออกไป แบล็คไนฟ์ถามความคิดเห็นของเขา จากนั้นจึงบอกกับทุกๆ คนว่า “ฆ่าหมูป่าตัวใหญ่ เหลือลูกหมูป่าเอาไว้!”
หมูป่าที่มีลูกติดมาด้วยจะมีความดุร้ายมาก หากไม่ระวังอาจจะทำให้ได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะในตอนนี้ที่พวกมันกำลังหิวอยู่ แม้กระทั่งดวงตายังเป็นสีแดง มันสามารถกินคนได้เลย
หมูป่าตัวใหญ่ให้ฉินสือโอวเป็นคนจัดการ ส่วนลูกหมูป่าแบ่งให้บรรดาทหารรับจ้างที่ถือปืนยิงยาสลบอยู่ในมือจัดการ ฉินสือโอวง้างธนูคอมพาวด์ หู่จือเป้าจือยังออกโจมตีอยู่เหมือนเดิม คราวนี้ฉงต้าก็เข้าร่วมด้วย แต่หมูป่าก็ไม่กลัวหมีน้ำตาลขนาดกลางหรอก
พอหู่เป้าฉงสัตว์เลี้ยงทั้งสามตัววิ่งออกไป หลัวปอเองก็วิ่งตามออกไปเหมือนกัน มองเมินหมูป่าตัวใหญ่ มันจัดการเจ้าตัวนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ที่มันเล็งไว้คือลูกหมูป่าตัวหนึ่งต่างหาก หลังจากวิ่งออกไปมันก็ลากเสียงจากลำคอร้อง ‘อาฮู้วๆ’ ออกมา หลังจากนั้นจึงโผเข้าใส่ลูกหมูป่า
ปรากฏว่า เมื่อเห็นพวกมันปรากฏตัวขึ้น หมูป่าตัวใหญ่ก็หันหัวกลับไปโดยพลัน ขนบนแผงคอมีทั้งดินโคลนทั้งหิมะกับทรายติดเต็มไปหมด ร่างกายขนาดมหึมาเหมือนกับรถถังคันเล็กๆ มันถลึงตาใส่แล้วพุ่งเข้าหาทันที หมูป่าขนาดกลางวิ่งตามมาจากทางด้านหลังเหมือนกับรถถังหลักที่นำรถถังเบาพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว
หู่เป้าฉงขึ้นเขามาหลายครั้งแล้ว พวกมันรู้ว่าควรจะรับมือกับคู่ต่อสู้แต่ละชนิดตอนไหนอย่างไร หมูป่าที่กำลังโมโหเป็นศัตรูที่ไม่สามารถเผชิญหน้าได้โดยตรง จะทำให้บาดเจ็บได้ง่าย กวนโมโหพวกมันแล้วรีบวิ่งหนี ให้พ่อจะพาคนมาจัดการพวกมันต่อ
หลัวปอเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้มันเห็นหู่จือกับเป้าจือจัดการฝูงกวางได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งกวางตัวผู้ก็ไม่ได้ตัวเล็กไปกว่าหมูป่าตัวใหญ่ มันจึงนึกว่าพวกพี่ชายจะจัดการกับฝ่ายตรงข้ามได้
แต่ปรากฏว่า มีแต่มันตัวเดียวที่วิ่งเซ่อๆ ไปข้างหน้า หลังจากพวกพี่ชายพากันเห่าเพื่อดึงดูดความสนใจก็พากันหมุนตัววิ่งหนีไปแล้ว
หลังจากหลัวปอวิ่งออกมาแล้วพบว่าตัวเองเป็นกองกำลังทหารที่บุกเข้าไปสู้กับศัตรูอย่างโดดเดี่ยว มันก็ถึงกับตะลึงงันขึ้นมาทันที ทำไมพวกพี่ๆ ถึงได้ขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ?
นับว่าฉงต้ายังมีคุณธรรมและมีน้ำใจอยู่บ้าง เมื่อเห็นหลัวปอมัวแต่ยืนเซ่ออยู่ตรงนั้น มันเลยเร่งเท้ารีบวิ่งกลับไป ใช้อุ้งเท้าฟาดลงไปบนก้นหลัวปอพามันกลับมา แล้วหลังจากนั้นจึงเริ่มวิ่งต่อ
หมูป่าชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า พอเห็นคู่ต่อสู้วิ่งหนี พวกมันเลยยิ่งวิ่งตามอย่างฮึกเหิมยิ่งกว่าเดิม
พวกฉินสือโอวพากันหาต้นไม้ไว้สำหรับซ่อนตัวกันทุกคน หมูป่าวิ่งมาซึ่งๆ หน้า เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องหลบแล้ว พวกเขาจึงทยอยกันลุกขึ้นมา
ง้างธนูยิงลูกศร ฉินสือโอวเล็งที่หัวหมูป่าแล้วยิงลูกศรออกไป ต่อจากนั้นก็ชักลูกศรหัวผสมโลหะออกมาจากกระบอกบรรจุลูกธนูหนึ่งดอก กล้ามเนื้อแขนปูดนูนขึ้นมา เขาดึงและปล่อยยิงลูกศรออกไปอีกครั้ง
“ฉึบ! ฉึบ!” เสียงดังขึ้นมาติดต่อกันสองครั้ง ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ลูกธนูแหลมคมทั้งสองดอกพุ่งเข้าใส่หน้าผากของหมูป่าทีละลูก
เสียงปืนของคนอื่นๆ ที่เหลือก็ดังขึ้นมาแล้วเช่นกัน ลูกหมูป่าขนาดกลางทั้งหกตัวที่วิ่งอยู่ด้านหลังพากันส่งเสียงร้องครวญคราง แล้วหมุนตัววิ่งกลับไป คาดไม่ถึงว่าจะไม่ล้มลงกับพื้น
แรงต้านทานของหมูป่าแข็งแกร่งกว่ากวางมาก หลังจากลูกหมูป่าโดนกระสุนยาสลบยิงกลับยังสามารถวิ่งเข้าไปในป่าต่อได้ แต่กับหมูป่าตัวใหญ่ตัวนั้น พอถูกลูกธนูแทงทะลุผ่านหน้าผากจนก้านสมองได้รับความเสียหาย หลังจากนั้นไม่นานมันก็ทำได้เพียงแข้งขากระตุก ตายสนิท
หู่จือกับเป้าจือวิ่งออกไป พวกมันตามกลิ่นไปหาลูกหมูป่าขนาดกลางพวกนั้นทีละตัว ส่วนพวกชาวประมงก็นำเชือกไปมัด ต่อจากนั้นค่อยลากกลับไป
เมื่อหาหมูป่าเจอแล้ว ฉินสือโอวจึงเรียกบุชลงมา สอนให้มันหาหมูป่าไม่ใช่ฝูงกวาง เนื่องจากเนื้อหมูป่ามีรสชาติดีกว่าเนื้อกวาง อีกทั้งยังเลี้ยงง่ายกว่า
บุชแสดงอำนาจที่น่าเกรงขามอีกครั้ง เมื่อถึงตอนเที่ยง พวกฉินสือโอวล่าหมูป่าตัวใหญ่มาได้แปดตัวกับลูกหมูป่าขนาดกลางอีกยี่สิบกว่าตัว ได้ผลสำเร็จมากเป็นพิเศษ
เมื่อมาถึงช่วงกลางเขา ฉินสือโอวให้พวกชาวประมงเตรียมอาหารเที่ยง ส่วนตัวเขาก็เปิดวิทยุพูดคุยกับคนกลุ่มหนึ่งไปเรื่อย
ชาวเมืองที่ขึ้นมาบนเขา หลักๆ แล้วไม่ได้มาเพื่อล่าสัตว์ แต่มาเล่นสนุกกัน วิทยุสื่อสารสัญญาณดีมาก นั่นเป็นเพราะมีสถานีฐานที่ใหญ่ที่สุดอยู่บนภูเขา คนกลุ่มนี้พากันคุยกันอยู่ในนั้น ทุกๆ ครั้งที่ฉินสือโอวเปิดวิทยุสื่อสารก็จะพบว่ามีคนคุยเล่นกันอยู่ตลอด
นี่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อมาก เขาจึงพูดด้วยความตื่นตะลึงว่า “วิทยุสื่อสารของพวกนายไม่ได้ใช้ไฟฟ้ากันเหรอ? เซ็ท ฮิวจ์คนน้องพวกนายคุยเล่นกันมาตลอดช่วงเช้าแล้วหรือเปล่า?”
เสียงของฮิวจ์คนน้องดังขึ้นมา เขาพูดอย่างภูมิอกภูมิใจว่า “เจ้าทึ่ม ฉันพกที่ชาร์จแบตสำรองมาตั้งสองอันแหนะ เป็นขนาดใหญ่ทั้งคู่ด้วย ต่อให้เปิดคอนเสิร์ตบนเขาก็ไม่มีปัญหา!”
มีคนพูดแทรกขึ้นมาว่า “ฉันขอพูดอะไรหน่อยนะเพื่อนๆ มีใครเอาเหล้ารัมมาบ้างหรือเปล่า? ทางฝั่งฉันจับแพะภูเขาที่มาติดกับดักได้หนึ่งตัวกับกระต่ายป่าอีกหลายตัวเลย สนใจจะมากินมื้อเที่ยงด้วยกันสักหน่อยไหม?”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า “พวกนายมาพักผ่อนวันหยุดกันหรือ…”
เขาพูดได้แค่ครึ่งประโยค ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องแหลมสูงของนกอินทรีดังขึ้นมาบนท้องฟ้า ทั้งยังร้องอย่างรีบร้อนเป็นอย่างมาก!
…………………………………………………….