ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 87 ต้องปรองดองกัน
พอมีเครื่องขุด งานขุดร่องก็กลายเป็นเรื่องง่าย ร่องน้ำลึกแค่ยี่สิบสามสิบเซนติเมตรแถมไม่ต้องสนเรื่องสวยไม่สวยด้วย ฉะนั้นชาร์คทำแค่เดินเครื่องขุดไปเรื่อยๆ ก็เสร็จแล้ว
ร่องน้ำนี้ยาวสองกิโลเมตรกว่าๆ ได้ต้นน้ำมาจากข้างแม่น้ำ แล้วให้ไหลผ่านโรงเลี้ยงสัตว์ยาวไปทางใต้ ก่อนจะไปจบที่ทะเล
เพิ่งจะขุดเสร็จ ในร่องน้ำยังมีดินโคลนมากมาย พอน้ำใสจากแม่น้ำไหลผ่านเข้ามาจึงกลายเป็นโคลนหมดในตอนไหลออก
แม้จะไม่ค่อยสวย แต่พวกฉินสือโอวก็พอใจมากแล้ว หลังทำงานเสร็จ ที่เหลือก็แค่ย้ายพวกสัตว์มา
ฉินสือโอวและคนอื่นๆ ต่างปรบมือฉลอง หมีน้อยเองก็ยืนสองขาพลางร้อง ‘อูๆ ’
ฉินสือโอวมองน้ำที่หลั่งไหลในแม่น้ำก่อนจะชูเสียมขึ้นอย่างดีใจแล้วร้องตะโกน “โอเคเสร็จงานแล้ว กลับบ้านไปกินบาร์บีคิวกระดกเหล้ากันดีกว่า!”
หมีน้อยรีบตามหลังเขามาทันที ฉินสือโอวหันหลังไปยิ้มให้มันแล้วยื่นมือไปให้ หมีน้อยยื่นอุ้งมือออกมาทันที มันยืนสองขาเดินเตาะแตะราวเด็กน้อยหัดเดิน
สุดท้ายฉินสือโอวตัดสินใจรับเลี้ยงเจ้าตัวน้อยนี่ เขาเชื่อว่าต่อไปถ้าถ่ายพลังโพไซดอนให้เรื่อยๆ พอโตไปหมีสีน้ำตาลตัวน้อยจะฉลาดยิ่งกว่านี้ และจะไม่ไปทำร้ายใคร
เออร์บักเดินตามมาข้างหลังพลางมองไปทางหมีน้อยแล้วพูดขึ้น “ฉิน ตั้งชื่อให้มันหน่อยเถอะ”
ฉินสือโอวมองหัวกลมมนของหมีสีน้ำตาลตัวน้อยแล้วก็พลันนึกไปถึงการ์ตูนบูนี แบร์ที่หลานเขาชอบ หมีสองตัวในการ์ตูนก็เป็นหมีสีน้ำตาล ตัวหนึ่งชื่อ ฉงต้า อีกตัวชื่อฉงเอ้อ เขาจึงตบหัวของหมีน้อยเบาๆ แล้วออกปากพูด “ให้ชื่อว่าฉงต้าก็แล้วกัน”
“ฉงต้า? พระเจ้า นี่มันชื่อแปลกประหลาดอะไรกัน?” เออร์บักอดท้วงไม่ได้ “มันจะชื่อเท็ดดี้หรือวินนี่ก็ได้ ชื่อพวกนี้ไม่ดีกว่าเหรอ?”
ฉินสือโอวยิ้มในขณะที่เล่นหัวที่เต็มไปด้วยขนแล้วพูดต่อ “ชื่อนี้ก็ไม่เลว แต่เท็ดดี้เป็นชื่อหมาชนิดหนึ่ง แต่ถ้าเรียกมันว่าวินนี่ แล้ววินนี่ละ คงจะบ้าแน่ๆ”
จริงๆ นะ คิดดูสิ ต่อไปถ้าฉินสือโอวเรียกหมีน้อย “วินนี่ ไปหมอบหน้าประตู” “วินนี่ ไปคาบรองเท้าฉันกลับมา” “วินนี่ อย่าฉี่ในห้องรับแขก” อะไรแบบนี้ วินนี่ไม่ฆ่าเขาทิ้งก็แปลกแล้ว
แล้วถ้าวันหนึ่งเขากับวินนี่ได้คบกัน ตอนเข้าได้เข้าเข็มพูดขึ้นว่า “วินนี่ เรามาจูบกันเถอะ” ปรากฏว่ามีหัวใหญ่ขนดกโผล่มา จะขัดอารมณ์ขนาดไหน
นี่ยังไม่ใช่ที่น่ากลัวที่สุด ถ้าเกิดว่าต่อไปตอนอยู่บนเตียงฉินสือโอวร้องออกมาตอนมีอารมณ์ว่า ‘วินนี่ ฉันจะเอาเธอ’ แล้วมีหมีสีน้ำตาลตัวหนึ่งกระโดดขึ้นเตียงมา…
เขาไม่กล้าจินตนาการต่อแล้ว
หมีน้อยยังไม่รู้ว่าตัวเองได้ชื่อที่ติ๊งต๊องมาก มันรู้สึกว่ายืนเดินไม่ค่อยสบายเท่าไร แต่ก็ไม่อยากปล่อยมือฉินสือโอวเลยคว้ามือเขาเอาไว้ ส่วนอุ้งมืออีกข้างก็ปล่อยลงแล้วคลานเดินแบบแปลกๆ
ฉินสือโอวอธิบายให้เออร์บักฟัง “ฉงต้าไม่ใช่ชื่อที่ตั้งมั่วๆ นะ มันมีที่มา เป็นหนึ่งในตัวละครหลักจากหนึ่งในการ์ตูนสองเรื่องที่ดังมากที่จีนตอนนี้…..”
เขาเล่าเรื่องที่ฉงต้ากับฉงเอ้อต่อต้านคนที่ทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างกวงโถวเฉียงอย่างทรงเกียรติ เออร์บักฟังแล้วพูดขึ้น “ตอนนี้คนเราหลอกเด็กไม่เลือกวิธีจริงๆ หมีสีน้ำตาลจะฉลาดขนาดนั้นได้ไง?”
ฉินสือโอวจนใจแล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนแรง “นี่ ประเด็นของเราคือทำไมฉันตั้งชื่อฉงต้าให้ว่าหมีน้อยไม่ใช่เหรอ?”
“แต่หมีสีน้ำตาลไม่ได้มีไอคิวขนาดนั้นเสียหน่อย”
“นั่นมันการ์ตูน ไว้ให้เด็กดู”
“ในการ์ตูนที่ฉันดู หมีสีน้ำตาลก็มีแต่โง่ๆ ทั้งนั้น”
“ช่างเถอะ เรารีบไปกันเถอะ หู่จือกับเป้าจือต้องคิดถึงฉันมากแล้วแน่ๆ ”
เรื่องนี้ฉินสือโอวเดาได้ไม่ผิด พอเงาร่างเขาปรากฏขึ้น หู่จือกับเป้าจือที่นอนอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งกระดิกหางเข้ามาหาอย่างตื่นเต้นพลางเห่าเสียงใส “โฮ่งๆ โฮ่งๆ ๆ …..”
พอได้ยินเสียงหมาเห่า ฉงต้าก็ถึงเอาอุ้งมือที่อยู่ในมือฉินสือโอวดึงกลับมา มันหมอบหดตัวกลมบนพื้นแล้วรีบแยกเขี้ยวในท่าป้องกันตัว แล้วยังยักคิ้วคำรามหลายครั้งด้วย ดูน่าเกรงขาม
พอฉงต้าคำราม หู่จือกับเป้าก็สังเกตเห็นมัน ทั้งสองนั้นพุ่งเข้าไปราวนักสู้อย่างเยอรมันเชเพิร์ดกับฟิล่า บราซิเลียโร ไม่กลัวหมีที่คำรามอยู่เลย พวกมันล้อมหมีน้อยไว้ซ้ายขวาแถมเสียงคำรามยังหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
คราวนี้ฉงต้าไม่สนเรื่องป้องกันตัวแล้ว พอหันหลังได้ก็มุดไปใต้หว่างขาของฉินสือโอวอย่างหมดท่า ทำเอาฉินสือโอวทนดูไม่ได้
ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว หมีน้อยนี่ก็ยังคงขี้ขลาดเหมือนเดิม เพียงแต่เพิ่งจะรู้จักขู่คนไม่นาน เมื่อกี้ขู่ชาร์คได้ แต่ทีนี้ขู่หมาแลบราดอร์ไม่ได้เลยแสดงตัวตนขี้ขลาดออกมา
ฉินสือโอวดุหู่จือกับเป้าจือ สองตัวเห่าไปอีกพักหนึ่ง ทั้งสองถึงสงบลง แต่ก็ยังคงจ้องมองหมีน้อยอย่างดุร้าย ดูท่าว่าความไม่ลงรอยระหว่างหมาล่าเนื้อกับสัตว์ป่าจะลึกเข้ายีนไปแล้ว
“มานี่ เด็กๆ มานี่มา!” ฉินสือโอวนั่งกอดฉงต้าบนพื้น แล้วกวักมือไปทางหู่จือกับเป้าจือ
หู่จือกับเป้าจือเลียริมฝีปากพลางเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง กล้ามเนื้อบนตัวฉงต้าถูกเบ่งขึ้น มันถลึงตามองหมาทั้งสองโดยไม่มีทีท่าโจมตี แต่เป็นการพร้อมหนีตลอดเวลาหากสถานการณ์ดูแย่มากกว่า
ฉินสือโอวใช้มือหนึ่งกันฉงต้า อีกมือกอดหู่จือกับเป้าจือไว้ในอกเพื่อพยายามเอาทั้งสามมาไว้ด้วยกัน
พอใกล้กัน หู่จือกับเป้าจือแยกเขี้ยวเหมือนพร้อมสู้ แต่ฉงต้ากลับทำท่าจะวิ่งหนีอย่างเดียว
เออร์บักกับชาร์ค และซีมอนสเตอร์ดูอยู่ข้างๆ อย่างขบขัน ซีมอนสเตอร์ตะโกนขึ้น “บอส บอสต้องพยายามแล้วละ หมากับหมีเป็นศัตรูกันในโลกธรรมชาติ ที่นี่เวลาเราล่าหมีก็จะพาหมาไปด้วยฝูงหนึ่ง เพราะฉะนั้นต่อไปบอสมีเรื่องให้วุ่นแล้วละ”
ฉินสือโอวหิ้วหู่จือกับเป้าจือแล้วพาฉงต้าเข้าไปห้องอาบน้ำในคฤหาสน์ เปิดน้ำจนเต็มอ่างแล้วเอาทั้งสามตัวโยนลงไปพร้อมกัน เขาแบ่งพลังโพไซดอนและถ่ายพลังให้ทั้งสาม
พอแบบนั้นทั้งหมาและหมีน้อยก็สงบลงในที่สุด แม้ว่าดูจากท่าทางจะยังเข้ากันได้ไม่ดี แต่ภายใต้พลังโพไซดอนพวกมันก็รู้สึกคุ้นเคยกันมากขึ้นแล้ว อย่างน้อยเอามาไว้ด้วยกันก็ไม่ตีกัน
ฉินสือโอวเอาสบู่เหลวอาบน้ำออกมาอาบน้ำให้ทั้งสามตัว หมาแลบราดอร์ไม่ได้ชอบแต่ก็ไม่เกลียดการอาบน้ำ ดื้อไม่อาบแต่พออาบก็เลยตามเลย อาบเสร็จก็เผ่น
ฉงต้าไม่เหมือนกัน เจ้านี่แช่ในน้ำอุ่นแล้วเอาแขนเท้าขอบอ่างอาบน้ำอย่างกับเสี่ย หยีตาเกยหน้าบนอุ้งมืออย่างสุขสม และหาวเป็นพักๆ ดูท่าเหมือนจะหลับแล้ว
ฉินสือโอวถูสบู่ให้มัน ไม่นานฟองสบู่ก็ก่อตัวบนขนหมี ฉงต้าอาจรู้สึกไม่สบายตัวจึงสะบัดตัว
ทีนี้ล่ะคือหายนะ ฉินสือโอวโดนสะบัดใส่ทั้งตัว หู่จือกับเป้าจือที่เพิ่งจะไดร์ขนจนแห้งก็เลอะฟองอีกรอบ
หู่จือกับเป้าจือที่เพิ่งจะสงบเสงี่ยมได้ไม่เท่าไรโกรธขึ้นมา อ้าปากแยกเขี้ยวเตรียมจะพุ่งเข้าไปกัดฉงต้า ฉินสือโอวได้แต่จับแยกอีกครั้ง เขาใช้ผ้าแห้งเช็ดตัวให้เจ้าสองตัวก่อนปล่อยออกไปแล้วค่อยตั้งใจล้างตัวให้ฉงต้า
บนตัวฉงต้ามีฝุ่นจับเยอะ มาก ฉินสือโอวเปลี่ยนน้ำสี่รอบถึงล้างตัวมันจนสะอาด น้ำแรกมีแมลงลอยอยู่ไม่น้อย เลอะเทอะเป็นที่สุด
แต่ว่าตอนอาบฉินสือโอวก็พบว่าช่วงนี้เจ้าลูกหมีตัวน้อยคงจะลำบาก บนตัวไม่ค่อยมีเนื้อเลย ภายใต้ผิวหนังหนามีแต่กระดูก ไม่อ้วนกลมเนื้อเยอะเหมือนกับตอนที่เขาเจอมันใหม่ๆ เทียบกันไม่ได้เลยสักนิด
อาบสะอาดเป่าขนแห้ง ฉินสือโอวก็พาฉงต้าที่สะอาดเอี่ยมไปที่ห้องรับแขก หู่จือกับเป้าจือนอนหมอบอยู่บนโซฟา พอเห็นฉงต้าทั้งสองก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ฉินสือโอวก็วางใจได้หน่อย
ชาร์ค ซีมอนสเตอร์และคนอื่นๆ อาบน้ำเสร็จกลับมา พอเห็นทั้งสามตัวนอนอยู่บนโซฟาด้วยกันแต่กลับไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งอย่างที่คิดทำให้พวกเขาแปลกใจไม่น้อย
“เฮ้ บอส บอสทำได้ยังไง?”ชาร์คถาม “หมากับหมีต้องเป็นศัตรูทางธรรมชาติกันสิถึงจะถูก”
ฉินสือโอวอธิบาย “ง่ายนิดเดียว อาบน้ำให้พวกมันด้วยกัน แล้วก็พ่นน้ำหอมให้กลิ่นตัวเป็นกลิ่นเดียวกันก็ยอมรับกันไปเอง”
นี่คือเหตุผลที่เขาคิดได้ เมื่อกี้เขายังฉีดน้ำหอมที่วินนี่ทิ้งเอาไว้ให้เจ้าสามตัวด้วย
พอได้ยินแบบนั้น เออร์บักก็ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “อย่า ฉิน จมูกของหมาแพ้กลิ่นน้ำหอม แล้วประสาทการดมกลิ่นของหมีไวยิ่งกว่าหมาอีก แบบนี้ไม่ดีต่อพวกมัน”
ฉินสือโอวพูดอย่างจนใจ “ก็ยังดีกว่าตีกันเองจนบาดเจ็บไม่ใช่หรือไง?”
เขาไม่ได้กลัวเรื่องหมากับหมีน้อยจะแพ้น้ำหอม เพราะอย่างไรก็ได้พลังโพไซดอนเสริมร่างกายไปแล้ว เจ้าสามตัวนี้แข็งแรงออกจะตาย
เมื่อกลางวันยิงปลาได้ตั้งเยอะ แล้วยังมีเห็ดหอมภูเขากับเห็ดอื่นๆ อย่างเห็ดแดง เห็ดบราซิลอีก ฉินสือโอวจึงอยากจะทำบาร์บีคิวเป็นมื้อเย็น
ตกกลางคืนนีลเซ็นก็กลับมาจากการล่องทะเล เขาชูปลาในมือขึ้นก่อนจะพูดยิ้มๆ “วันนี้โชคดี มีปลาเซลฟิชตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาแล้วร่วงลงบนเรือ จะทำอะไรกินดี?”
นั่นคือปลาเซลฟิชแอตแลนติกยาวหกสิบกว่าเซนติเมตร ท่อนบนมีสีฟ้าในขณะที่ท่อนล่างเป็นสีขาว ปากยาวแหลม แล้วยังสดมากด้วย
พอนีลเซ็นถือปลาเซลฟิชออกมาด้วย ฉงต้าที่นอนหลับตาอยู่บนโซฟาก่อนหน้านี้ทำจมูกฟุดฟิด จากนั้นก็ลืมตาโพลง ขาสั้นทั้งสี่ยืนขึ้นก่อนจะกระโดดลงจากโซฟาลงมาบนพื้นแล้วพุ่งไปทางนีลเซ็น
นีลเซ็นตกใจตัวโยน รีบถอยหลังกรูดพลางร้องตะโกน “บอส ทำไมในบ้านถึงมีหมีสีน้ำตาล?”
แต่อย่างไรเขาก็เป็นยอดทหารจากกองกำลังพิเศษแคนาดา พอถอยมาได้ก้าวหนึ่งเขาก็เดินหน้า เพ่งเล็งไปทางฉงต้าแล้วถีบออกไป เสียงร้องครวญครางดังขึ้นพร้อมฉงต้าที่โยนถีบกระเด็นราวกับเป็นลูกบอล…..
…………………………………………………