ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 877 มิตรภาพเล็กๆ ของเจ้าชาย
ที่จริงแล้วถ้าสามารถหาทางสร้างความสัมพันธ์กับราชวงศ์อังกฤษได้ แบบนั้นฉินสือโอวจะมอบเครื่องประดับชุดนี้ให้เจ้าชายฮันรีฟรีๆ เลยก็ยังได้ เงินไม่กี่ล้านดอลลาร์แคนาดา ไม่อยู่ในสายตาของเขาหรอก
แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้นจริงๆ ตอนนั้นเจ้าชายฮันรีอาจจะรู้สึกซาบซึ้ง แต่หลังจากนั้นจะต้องมองว่าเขาเป็นไอ้โง่อย่างแน่นอน ฉินสือโอวลดราคาให้เล็กๆ น้อยๆ เท่านี้ก็ได้รับความรู้สึกซาบซึ้งจากเจ้าชายฮันรีแล้ว และเขาคงไม่คิดว่าฉินสือโอวเป็นแค่คนโง่ที่มีเงินเยอะ
การตั้งราคาของฉินสือโอวนับว่ามีความพิถีพิถัน เจ้าชายฮันรีรักและผูกพันกับพี่ชายมาก งานแต่งงานครั้งใหญ่ของพี่ชายเขาต้องมอบของขวัญที่มีคุณค่ามากพอให้สักหนึ่งชิ้น ราคาไม่ถึงเก้าล้านดอลลาร์แคนาดา เมื่อคิดเป็นเงินปอนด์จะเท่ากับสี่ล้าน
อีกทั้งเดือนกันยายนของปีนี้ เจ้าชายฮันรีเพิ่งจะฉลองวันเกิดอายุครบ 30 ปีของตัวเอง ตามพินัยกรรมของเจ้าหญิงไดอานาแม่ของเขา เขาจะได้รับมรดกมูลค่า 10 ล้านปอนด์ และเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยต่อปีที่เพิ่มขึ้นจากสองปีที่ผ่านมา สุดท้ายแล้วฮันรีจึงได้รับมากกว่าวิลเลียมพี่ชายของเขา
ของขวัญมูลค่าสี่ล้านปอนด์ เขาสามารถมอบให้ได้อยู่แล้ว
ถึงอย่างไรก็เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของราชวงศ์อังกฤษ เจ้าชายฮันรีเป็นคนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมลังเล เขาไม่ได้พูดต่อราคาอะไร หลังจากฉินสือโอวพูดจบ เขาก็พูดขึ้นมาว่า “โอเค ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของคุณนะ เพื่อน พรุ่งนี้ผมจะให้ที่ปรึกษาทางการเงินของผมโอนเงินให้คุณ ตกลงไหมครับ?”
พอฉินสือโอวจับมือกับเขา การซื้อขายครั้งนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
วินเซนต์จึงพูดขึ้นมาอย่างมีความสุขว่า “เยี่ยมยอด ฉิน ธุรกิจคุณไปได้สวย ส่วนเฮนรีก็ได้ของขวัญที่มีมูลค่าไปแล้วหนึ่งชุด พวกเราควรจะฉลองกันสักหน่อยไหม? ถ้าอย่างนั้นผมจะเป็นคนเตรียมมื้อค่ำเองนะครับ”
ความสุขของเขาไม่ใช่เพราะแค่ยินดีที่ฉินสือโอวกับเจ้าชายฮันรีได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่เป็นเพราะบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคจะได้รับผลประโยชน์จากการค้าขายในครั้งนี้ เขาเปรียบเสมือนคนกลาง ตามสัญญาของเขากับฉินสือโอว ถ้าขายเครื่องประดับผ่านร้านทิฟฟานี่แอนด์โค ฉินสือโอวจะต้องจ่ายค่านายหน้าจำนวนสิบสองเปอร์เซ็นต์
หรือพูดอีกอย่างว่า วินเซนต์ได้รับรายได้หนึ่งล้านดอลลาร์แคนาดาโดยที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย
อย่าดูแคลนรายได้จำนวนนี้ เพราะกำไรสุทธิต่อปีของบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคอยู่ที่ประมาณแปดสิบล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
การวางท่าของเจ้าชายแห่งอังกฤษก็มาดใหญ่เช่นนี้ เจ้าชายฮันรีมีบอดี้การ์ดกล้ามล่ำเอวหนาติดตามมาด้วยสี่คน ว่ากันว่าพวกเขาแต่ละคนเป็นทหารปลดประจำการจากหน่วย SAS ฉินสือโอวเห็นท่าทางองอาจกล้าหาญไม่มีใครเทียบได้ของพวกเขาจึงรู้สึกสนใจขึ้นมา เขาถามนีลเซ็นที่ติดตามมาด้วยกันว่า “คนพวกนี้เป็นยังไงบ้าง?”
นีลเซ็นกล่าวว่า “คุณอยากถามด้านไหนล่ะครับ? พวกเขาเป็นหน่วยคุ้มกันมืออาชีพ ด้านนี้คนที่ฟาร์มปลาของเราสู้พวกเขาไม่ได้หรอกครับ”
ฉินสือโอวถามต่อว่า “กำลังสู้รบโดยรวมล่ะ เทียบกันแล้วเป็นยังไง?”
นีลเซ็นจึงตอบเขาว่า “ผมอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แต่ถ้าเป็นเบิร์ดก็ไม่มีปัญหา กำลังการต่อสู้โดยรวมของเบิร์ดน่าจะเหนือกว่าพวกเขาทั้งสี่คน แต่อย่างแบล็คไนฟ์คิดว่าน่าจะไม่ไหวครับ พวกเขาเป็นแค่ทหารรับจ้างทั่วๆ ไปเท่านั้น แต่อัจฉริยะในหน่วย SAS ทุกคน มีแต่ทหารรับจ้างระดับสูงกันทั้งนั้น”
ชื่อเต็มของหน่วย SAS คือหน่วยรบพิเศษทางอากาศแห่งกองทัพอังกฤษ เป็นทหารกองทัพบกกองกำลังพิเศษอันดับหนึ่งของยุโรป และยังเป็นหน่วยรบประจำการพิเศษแห่งแรกของโลก
ส่วนใหญ่แล้วหน่วย SAS จะเป็นผู้บุกเบิกกลยุทธ์พิเศษสมัยใหม่ พวกเขาเป็นแบบอย่างของหน่วยรบพิเศษทั้งหมดในยุคปัจจุบัน มีชื่อเสียงในด้านการปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จในเวลาอันสั้นได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูง ปัจจุบันเป็นหน่วยรบพิเศษที่มีอัตราความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่สูงที่สุด
หน่วยรบพิเศษที่มีชื่อเสียงที่สุดน่าจะเป็นหน่วยซีลและหน่วยเดลตาของกองทัพเรือสหรัฐ นี่อาจจะเป็นเพราะสิ่งชวนเชื่อของหนังฮอลลีวูด แน่นอนว่าทั้งสองหน่วยมีความเก่งกาจอย่างแท้จริง เบิร์ดเองก็เป็นทหารปลดประจำการจากหน่วยเดลตา ที่มีความสามารถอย่างเหนือชั้น
เพียงแต่ว่า หน่วยรบพิเศษทั้งสองล้วนแต่มีเงาของหน่วย SAS อยู่ทั้งคู่ นอกจากนี้แล้วหน่วย SAS ยังเป็นหน่วยรบพิเศษที่เป็นที่ได้รับการยอมรับว่ามีความแข็งแกร่งที่สุด
แน่นอนว่า ทหารชาวอเมริกาไม่ยอมรับเรื่องนี้ พวกเขาคิดว่ากองทัพเรือก็สามารถเทียบพละกำลังกับหน่วย SAS ได้ เนื่องจากกองกำลังพิเศษของอเมริกาแทบจะทั้งหมดเคยผ่านสงครามขนาดใหญ่และการปะทะขนาดย่อมมานับไม่ถ้วน หน่วยรบพิเศษของอังกฤษสัมผัสกับการสู้รบที่แท้จริงมาน้อยเกินไป ข้อนี้ส่งผลกระทบกับกำลังสู้รบอยู่มาก
เจ้าชายฮันรีมีบอดี้การ์ดตามมาสี่คนถือเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่รู้ว่ามีคนกี่คนที่ต้องการลักพาตัวเขาหรือฆ่าเขา
วินเซนต์จองร้านอาหารไว้แห่งหนึ่ง เป็นร้านอาหารระดับไฮเอนด์ที่ได้รางวัลมิชลินสามดาว เขาจองร้านอาหารช่วงเย็นทั้งร้าน เพื่อให้บริการเจ้าชายฮันรีกับฉินสือโอว
ครั้งก่อนที่ได้เจอเจ้าชายฮันรีที่ท่าเรือบาสก์ ฉินสือโอวยังรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันอยู่เลย ถึงยังไงเมื่อก่อนตอนที่เขาได้เห็นเจ้าชายพระองค์นี้ ก็มีแต่ในทีวีหรือไม่ก็บนคอมพิวเตอร์ อยู่ๆ ได้เจอตัวเป็นๆ จึงยากที่จะไม่รู้สึกตกใจ
ครั้งนี้ไม่มีสภาพจิตใจแบบนั้นอีกแล้ว อาจจะเป็นเพราะทัศนคติที่ไม่ชอบแก่งแย่งกับผู้อื่นของเขา การรับประทานอาหารค่ำร่วมกับเจ้าชายฮันรีจึงเป็นไปอย่างสบายๆ ทั้งยังเล่นมุกกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ และลองถามว่าเขาสามารถไปเปิดหูเปิดตากับงานแต่งงานครั้งใหญ่ของเจ้าชายวิลเลียมได้หรือไม่
เพราะเคยเป็นทหารมาก่อน จึงทำให้เจ้าชายฮันรีมีนิสัยกล้าได้กล้าเสียและจริงใจตรงไปตรงมา เขาตอบกลับไปว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าผมเชิญคุณในฐานะเพื่อนสนิท แบบนั้นไม่มีปัญหาแน่ แต่พูดกันตามตรงนะเพื่อน งานแต่งงานของราชวงศ์ไม่มีความน่าสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าไม่ใช่งานแต่งของวิลเลียม ผมคงจะแอบหนีไปแน่ๆ”
ฉินสือโอวเชื่อเรื่องนี้ คนคนนี้ดื้อรั้นมากเกินไปจริงๆ เทียบกับเขาแล้ว ก็เหมือนกับวัยรุ่นหลังยุค 90 ของจีนที่ซอยผมแบบร็อกๆ กับเด็กอนุบาลเรียบร้อยๆ นั่นเอง
ในระหว่างนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็พูดคุยถึงเรื่องนี้เช่นกัน ฉินสือโอวบอกว่าตอนที่สวมเครื่องแบบฟาสซิสต์เข้าร่วมงานชุมนุมคุณดูองอาจมากจริงๆ เจ้าชายฮันรีจึงฝืนยิ้มออกมา บอกว่าตอนนั้นเขายังเป็นเด็กอายุน้อย ถ้าให้โอกาสเขาอีกครั้ง เขาจะไม่ทำอย่างนั้นแน่ๆ
“แต่ว่าผมก็ไม่รู้สึกเสียใจนะ นั่นก็เป็นความทรงจำที่ดีมากเหมือนกัน คนจีนแบบพวกคุณพูดว่าเยาว์วัยและโง่เขลา ถ้าวัยเด็กของผมกับวิลเลียมไร้ความตื่นเต้นแบบนั้น ถึงจะเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างแท้จริง” เจ้าชายฮันรีพูดด้วยรอยยิ้ม
ฉินสือโอวก็ตอบเขาไปว่า “ใช่แล้วครับ ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน พวกเราคนจีนยังมีคำพูดที่ว่าคนเราหากไม่ใช้ชีวิตอย่างใจความเยาว์วัยก็สูญเปล่า เพื่อความเยาว์วัยที่ผ่านไปแล้วของพวกเรา มาเถอะครับ พวกเราดื่มให้หมดแก้ว!”
“หมดแก้ว!”
มื้ออาหารค่ำไม่ได้ใช้เวลานาน ทานอาหารไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ทั้งสามคนก็คุยกันตามอัธยาศัย เจ้าชายฮันรีย่อมต้องเป็นตัวละครหลักอยู่แล้ว เขาเล่าเรื่องไร้สาระที่เขาทำในลอนดอน เล่าประสบการณ์ตอนที่เขาเป็นทหารอยู่ที่อิรัก ฉินสือโอวเริ่มรู้จักเจ้าชายหน้าม้าขึ้นมาบ้างแล้ว ความรู้สึกด้านดีที่มีต่อเขาก็เพิ่มขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
พอทานอาหารเสร็จ ฉินสือโอวกลับมาที่โรงแรมที่บัตเลอร์เป็นคนช่วยเขาจอง วันต่อมาเป็นวันเปิดกิจการของร้านอาหารทะเลต้าฉินสาขานิวยอร์ก เขาจึงรีบออกไปตั้งแต่เช้า
บัตเลอร์เลือกที่ตั้งของร้านไว้ในย่านบรุกลินของนิวยอร์ก นี่คือเขตที่มีประชากรมากที่สุดในบรรดาห้าเขตหลักของบิ๊กแอปเปิลซิตี้แห่งนี้ มีประชากรทั้งหมดสองล้านห้าแสนคน มากกว่าประชากร 95% ในเมืองของประเทศอเมริกา
เมืองบรุกลินตั้งอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกา ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะแมนแฮตตัน ทะเลล้อมรอบทั้งสามด้าน มีท่าเรือที่ดีที่สุดในนิวยอร์ก สามารถขนส่งอาหารทะเลได้อย่างสะดวกสบาย
อีกทั้งย่านนี้ยังมีชื่อเล่นว่าเป็นเขตเมืองแห่งต้นไม้ เมืองของครอบครัวและเมืองแห่งโบสถ์ เมื่อเทียบกับแมนแฮตตันเมืองหลวงของโลกที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ที่นี่ยังมีกลิ่นอายของความเป็นท้องถิ่นอยู่เล็กน้อย สภาพแวดล้อมเหมาะกับการอยู่อาศัยมากกว่า และยังมีตลาดที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าอีกด้วย
ร้านสาขายังคงเป็นอาคารหลังเล็กหนึ่งหลัง มีทั้งหมดสองชั้น ห้องใต้ดินกว้างขวางเป็นพิเศษ เมื่อตรงนี้เคยเป็นที่เก็บเนื้อสัตว์ของร้านขายวัตถุดิบทำอาหารชื่อดังแห่งหนึ่ง หลังจากปรับเปลี่ยนเล็กน้อยก็ทำหน้าที่เป็นห้องแช่เย็นและสามารถจัดโชว์อาหารทะเลได้ดีมาก
……………………………………………..