ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 883 เหมาะกับการหมักไวน์มากๆ
ด้วยมูลเหตุจากพายุหิมะ เส้นทางการท่องเที่ยวเมืองแฟร์เวลจึงหดตัวลง ในฤดูหนาวจำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงเป็นอย่างมาก นอกจากนักท่องเที่ยวบางส่วนที่มาจากทางใต้ คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับอากาศหนาวเย็นของแคนาดา
ด้วยเหตุนี้ ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสันในตอนนี้จึงมีคนอยู่ไม่มากนัก มีแค่นักท่องเที่ยวจำนวนบางตาที่กำลังคุยกันเสียงเบา
ฉินสือโอวนึกว่าตาเฒ่ารู้สึกกลัดกลุ้มเพราะเรื่องการค้า เขาจึงพร้อมแย้มรอยยิ้มแล้วพูดว่า “เอาล่ะ คุณลุงครับ คุณน่าจะพอใจแล้วไม่ใช่เหรอ? ปีนี้ได้ผลกำไรมาเต็มๆ น่าจะไม่เลวเลยไม่ใช่เหรอครับ?”
คุณลุงฮิคสันพยักหน้ารับแล้วพูดว่า “แน่นอน ค้าขายได้ไม่เลวเลยจริงๆ นายพูดถึงเรื่องนี้ทำไม? จะยืมเงินเหรอ?”
พูดจบ ตาเฒ่าก็ยิ้มออกมา ชัดเจนว่าเขากำลังหยอกฉินสือโอวเล่น
ฉินสือโอวกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงได้ดูกลัดกลุ้มขนาดนี้ล่ะครับ? ทำใจให้สบายหน่อยครับ ออกไปข้างนอกไปลองดูเกาะสีขาวสวยๆ ที่เต็มไปด้วยหิมะ เป็นทิวทัศน์ที่ทำให้คนรู้สึกประทับใจได้มากจริงๆ!”
ตาเฒ่ากลอกตาบนแล้วพูดว่า “เจ้าหนุ่ม นายเข้าใจฉันผิดแล้ว ฉันไม่ได้กลุ้มใจเรื่องธุรกิจ แต่ฉันกลุ้มใจเพราะไวน์ของฉันต่างหาก! นายก็รู้นี่ ไอซ์ไวน์ของฉันเป็นของที่ดีที่สุดในเมืองนี้มาโดยตลอด หลายๆ คนก็ชอบไวน์ของฉัน แต่ให้ตายเถอะ ปีหน้าฉันอาจจะจัดหาไอซ์ไวน์ให้ทุกๆ คนไม่ได้แล้ว”
“ทำไมล่ะครับ?” ฉินสือโอวถาม เขาเข้าใจผิดไปแล้วจริงๆ
คุณลุงฮิคสันฟุบลงไปตรงหน้าโต๊ะแคชเชียร์แล้วพูดด้วยความกลัดกลุ้มว่า “ปีนี้กระแสลมหนาวกับหิมะมาเร็วเกินไป ให้ตายเถอะ องุ่นยังไม่ทันจะสุกเต็มที่ ก็ถูกแช่แข็งแล้ว คงเอาไปหมักเป็นไวน์ไม่ได้”
ไม่ได้มีแต่ทางด้านคุณลุงฮิคสันที่พบกับสถานการณ์อย่างนี้ สภาพอากาศผิดปกติทั่วทั้งแคนาดา กระแสลมหนาวพัดกวาดไปตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกตั้งแต่ช่วงแรกๆ องุ่นของออนแทรีโอก็มีปริมาณการผลิตที่ลดลงเช่นกัน คาดว่าปีนี้อุตสาหกรรมเหล้าองุ่นของแคนาดาคงจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ขณะที่กำลังบ่นๆ อยู่ คุณลุงก็หยิบไอซ์ไวน์ขึ้นมาหนึ่งขวด เปิดฝาออกรินให้ฉินสือโอวหนึ่งแก้วแล้วพูดกับเขาว่า “ถือโอกาสตอนที่ยังดื่มได้เถอะ เด็กน้อย ดื่มให้เต็มที่เถอะ ดื่มวันนี้ในตอนที่ยังมีเหล้าดื่มได้อยู่ ถูกไหม?”
ฉินสือโอวจิบไวน์เข้าไปหนึ่งอึก หลังจากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าคุณอยากหมักไวน์ ถ้าอย่างนั้นก็ลองไปดูองุ่นของผมดีกว่าไหมครับ เมื่อเร็วๆ นี้ผมไปสำรวจไร่องุ่นมา ผมเห็นว่าองุ่นของผมถึงจะออกลูกไม่เยอะ แต่ลูกองุ่นก็อิ่มเอิบ คุณภาพก็ดูเหมือนจะไม่เลวเลย”
ตาเฒ่ายักไหล่น้อยๆ ไม่ได้เก็บคำพูดของเขามาใส่ใจ เขารู้ว่าปีนี้องุ่นของฟาร์มปลาต้าฉินออกผลเป็นฤดูกาลแรก องุ่นแบบนี้ไม่เหมาะที่จะนำมาหมักไวน์ อีกทั้งฟาร์มปลายังอยู่ใกล้กับชายฝั่งทะเล น่าจะประสบภัยอย่างรุนแรงยิ่งกว่าสิถึงจะถูก
ในตอนนี้คุณลุงฮิคสันเพิ่งจะสังเกตเห็นปลารมควันที่ฉินสือโอวเอามา เขาใช้มือหยิบขึ้นมาดู ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที “ใครเป็นคนรมควันปลานี่? แห้งพอดีเลย ระดับความร้อนของไฟก็ดีมาก”
เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ แค่ดูจากภายนอกก็พอจะประมาณสภาพของปลารมควันได้แล้ว
หลังจากนั้นตาเฒ่าก็ฉีกมันออกมาหนึ่งชิ้น ความรู้สึกประหลาดใจบนใบหน้าก็มีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม เขาพูดพึมๆ พำๆออกมาว่า “เนื้อปลานุ่มขนาดนี้เลยเหรอ? ยังมีความเหนียวอยู่นิดหน่อย นี่เป็นผลจากการรมควัน แต่ทำไมเนื้อปลาถึงได้นุ่มขนาดนี้? แทบจะไม่มีกลิ่นคาวเลย กลิ่นหอมอร่อยเข้มข้นขนาดนี้ ให้ตายเถอะ นี่ดีกว่าปลารมควันที่ฉันทำเองเสียอีก ฮ่าๆ”
ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมาเช่นกัน เขาชี้นิ้วไปที่ตัวเองแล้วพูดว่า “นี่คือปลารมควันที่พวกเราทำด้วยเทคนิคเฉพาะตัวครับ คุณถึงกับบอกว่าดีกว่าของที่คุณทำเลยเหรอ? โอ้ ไม่อยากจะเชื่อเลย”
ตาเฒ่ากล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องจริง นายต้องเชื่อว่าปลารมควันที่ฉันทำเป็นปลารมควันที่อร่อยที่สุด…”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ลูกค้าโต๊ะเดียวของทั้งร้านก็พากันจากไปแล้ว ก่อนจะไปยังได้ให้ทิปตาเฒ่าไว้ยี่สิบดอลลาร์ ตาเฒ่าไม่ปล่อยให้พวกเขาเสียเงินไปเปล่าๆ จึงมอบขาปูย่างให้พวกเขาไปหนึ่งชุด พร้อมกับบอกพวกว่าเอาไปอุ่นสักหน่อยก็ทานเป็นของกินเล่นตอนกลางคืนได้แล้ว
ลูกค้าออกจากร้านไป ฉินสือโอวเองกำลังจะกลับแล้วเหมือนกัน ตาเฒ่าอยากจะรั้งให้เขาอยู่ทานข้าวด้วยกัน แต่เขาบอกไปว่าที่บ้านยังมีแขกอยู่
ตาเฒ่าเก็บชามบนโต๊ะอาหารอย่างฉับไว จากนั้นก็พูดว่า “โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันไปบ้านนายด้วยดีกว่า ฉันว่าเย็นวันนี้นายน่าจะขาดพ่อครัวอาหารตะวันตกไปหนึ่งคนแน่ๆ”
ฉินสือโอวไม่ปฏิเสธ พอดีกับที่หลังจากวินนี่ท้องก็ไม่ได้ทำอาหารตะวันตกแล้ว ถ้าคุณลุงฮิคสันยินดีที่จะช่วยก็เป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว
แน่นอนว่า เขาต้องพาคุณลุงแวะไปดูองุ่นของเขาด้วยอยู่แล้ว เขาคิดว่าน่าจะนำมาหมักไวน์ได้ อาจจะเป็นเพราะออกผลเป็นล็อตแรกทำให้มีคุณภาพแค่ทั่วๆ ไป แต่ยังไงก็ดีกว่าองุ่นของคุณลุงที่กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้วหรือเปล่า?
ฉินสือโอวเปิดประตูรถให้ตาเฒ่าขึ้นไป แต่ปรากฏว่าชายชราเข้าไปในโรงจอดรถเพื่อขับรถคันโปรดของเขาออกมา เขาลดกระจกรถลงแล้วตบประตูรถตัวเองเบาๆ จากนั้นก็พูดอย่างยิ้มๆ ว่า “ฉันขับเพื่อนเก่าคันนี้ของฉันไปจะสะดวกกว่า”
คุณลุงฮิคสันมีรถกระบะที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเมือง ซึ่งก็คือฟอร์ดเอฟ 150 ในตอนนี้นั่นเอง
ฟอร์ดเอฟ 150 เป็นรถกระบะที่คลาสสิคที่สุดของอเมริกาเหนือ รุ่นแรกสุดเกิดขึ้นในปี 1948 หลังจากนั้นจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ มันเกิดการพัฒนามายี่สิบรุ่นแล้ว ถ้าเปรียบรถฟอร์ดเอฟ 150 เป็นครอบครัว ถ้าเช่นนั้นก็จะต้องเป็นตระกูลที่ใหญ่มากจริงๆ
รถฟอร์ดเอฟ 150 รุ่นของคุณลุงฮิคสันเป็นกระบะรุ่นที่หกที่เข้าสู่ตลาดในปี 1973 เทียบกับปัจจุบันแบบรถดูเรียบง่ายและคลาสสิคมาก ทว่ามีความทนทานที่ดีมาก ที่จริงแล้วฟอร์ดเอฟ 150 เป็นรถกระบะที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟอร์ด มันทนทานต่อการใช้งาน ใช้เหล็กชุบสังกะสีปริมาณมาก จึงสามารถป้องกันการผุพังและป้องกันไม่ให้เก่าลงได้
ตาเฒ่าขับรถเข้ามาในพื้นหิมะ เสียงร้องคำรามของเครื่องยนต์ยังทุ้มต่ำมีพลัง เหมือนกับวัวแก่ที่มีแข็งแรงบึกบึน พอจะเห็นได้ว่าฮิคสันรักและทะนุถนอมรถคันนี้เป็นอย่างมาก สีเคลือบรถเรียบลื่น และรักษาทุกๆ ส่วนได้อย่างดีเยี่ยม
ฉินสือโอวเดินเข้าไปหาแล้วหมอบอยู่ตรงหน้าต่างรถ พูดว่า “รถคันนี้สภาพดีเลยทีเดียว อากาศหนาวขนาดนี้แต่แค่แป๊บเดียวก็สตาร์ทติดแล้ว น่าตกใจจริงๆ”
ตาเฒ่าจึงพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เพื่อนเก่าของฉันคันนี้เคยไปขั้วโลกเหนือมาแล้ว ตอนเป็นหนุ่มพวกเราบุกป่าฝ่าดงไปทั่วทั้งพรมแดนแคนาดาไปด้วยกัน มันเป็นตาแก่ที่ทั้งดื้อรั้นและแข็งแกร่ง”
“เหมือนกับคุณเลย”
“ฮ่าๆ พูดถูกแล้วไอ้หนู ก็เหมือนตาแก่อย่างฉันนี่ล่ะ!”
มองไกลๆ รถคันนี้ดูเหมือนจะรักษาสภาพได้ไม่เลว แต่เมื่อมองใกล้ๆ จะพบบางส่วนที่เริ่มไม่ดีแล้ว เดิมทีที่บริเวณหน้ารถจะมีเหล็กกระจังหน้ารถสีเงินอยู่สองเส้น ตรงกลางระหว่างเหล็กกระจังหน้ารถคือเส้นอะลูมิเนียมที่ทอดตัวไปตามแนวขวาง ตอนนี้เหล็กกระจังหน้ารถพวกนั้นบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว
นอกจากนี้ โลโก้ของบริษัทที่ติดอยู่หน้ารถตั้งแต่แรก คือตัวอักษรสี่ตัวที่เขียนว่า ‘FORD’ ตัวอักษรสี่ตัวนี้ควรจะมีขนาดเล็กมากๆ ถึงจะถูก แต่ตอนนี้กลับเป็นตัวอักษรใหญ่ เห็นได้ชัดว่ามาเปลี่ยนเอาทีหลัง
สตาร์ทๆ ติดเครื่องรถ เมื่อไม่มีปัญหาอะไร ตาเฒ่าจึงเดินเครื่องรถยนต์นำไปก่อน ฉินสือโอวตามอยู่ด้านหลัง ถ้ามีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันทันที
รถขับเข้ามาในฟาร์มปลา แต่ไม่ได้ไปที่วิลล่าก่อน คุณลุงฮิคสันตามฉินสือโอวตรงไปที่ไร่องุ่น
ไร่องุ่นทอดตัวติดกันหลายร้อยหมู่ สำหรับไร่องุ่นขนาดใหญ่ที่แท้จริงแล้ว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่านี่ไม่ได้น่าชื่นชมมากพอ แต่สำหรับไร่ส่วนบุคคล นี่ก็นับว่ามีขนาดใหญ่มากพอแล้ว
ตอนนี้ไร่องุ่นไม่มีความเขียวขจีของฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงแล้ว องุ่นแต่ละพวงห้อยอยู่บนเครือเถาวัลย์อย่างเหี่ยวแห้ง
ใบองุ่นร่วงหลุดไปตั้งนานแล้ว ถึงจะยังเหลือใบที่ยังไม่ร่วงอยู่ แต่ก็เหี่ยวเฉาจนกลายเป็นสีเหลืองปนน้ำตาล เมื่อลมทะเลพัดมามันก็โบกสะบัดอย่างอ่อนแรง ดูท่าว่าใช้เวลาไม่นานคงจะร่วงลงมาแล้ว
แน่นอนว่า ไร่องุ่นในตอนนี้ไม่ได้แห้งเฉาจนกลายเป็นสีเหลืองทั้งหมด แต่ยังมีองุ่นแดง องุ่นเขียวและองุ่นดำที่สะบัดตามลมเป็นระลอก เพิ่มความสวยงามให้กับใบไม้ที่แห้งเหี่ยวได้หลายส่วน
ฉินสือโอวเด็ดองุ่นแดงติดมือมาหนึ่งลูก เย็นยะเยือกและสดกรอบ เวลาเคี้ยวให้ความรู้สึกเหมือนมีระเบิดน้ำแข็งขนาดเล็กระเบิดอยู่ในปาก หวานเย็นสดชื่นมาก
เขาให้คุณลุงฮิคสันลองชิมดู คุณลุงจึงเด็ดองุ่นพันธุ์รีสลิ่งมาหนึ่งลูก
รีสลิ่งเป็นองุ่นที่ใช้สำหรับหมักไวน์โดยเฉพาะ ถ้ากินเข้าไปเฉยๆ ด้วยเปลือกที่หนา เนื้อที่มีอยู่น้อย ให้น้ำไม่มาก มีผลขนาดเล็ก รสชาติจึงไม่ได้ดีอะไรนัก
เพียงแต่ว่าหลังจากคุณลุงฮิคสันทานลูกองุ่นไปแล้วกลับมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเบิกบาน เขามองฉินสือโอวอย่างตกตะลึงแล้วพูดขึ้นมาว่า “ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ องุ่นของนายดีมากๆ เหมาะกับการหมักไวน์มากๆ!”
………………………………………