ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 89 ซากเรืออับปางแห่งความหวัง
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนกำลังควบคุมปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ เป้าหมายของฉินสือโอวไม่ใช่ปลาทะเลล้ำค่าใดๆทั้งนั้น แต่คือเรือเดินทะเล หรือจะพูดให้ชัดเจนอีกหน่อยก็คือสมบัติล้ำค่าในเรืออับปางใต้มหาสมุทรต่างหาก
ในโลกมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น เป็นโกดังเก็บสมบัติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งในแง่ของผลิตภัณฑ์ทางทะเลและสมบัติต่างๆ
จากการพายเรือแคนูในยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงการล่องเรือเหล็กยักษ์ในปัจจุบัน ในยุคต่างๆนั้นมักจะมีเรือจมลงไปยังก้นมหาสมุทร ในซากเรือเหล่านี้หลายลำมีสมบัติทางศิลปะอันล้ำค่า และเครื่องประดับเงินทองไข่มุกของยุคต่างๆ ตามการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ในมหาสมุทรมีซากเรืออับปางมากกว่าหนึ่งล้านลำ
หลังจากที่ฉินสือโอวได้ครอบครองนิ้วทองของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน เขาคาดหวังเสมอว่าเขาจะสามารถค้นพบซากเรืออับปางในมหาสมุทรได้สักลำหนึ่ง แต่ไม่ใช่การค้นพบซากเรือในแม่น้ำที่บ้านเกิดสายเล็กๆ
ซากเรือที่จมในแม่น้ำไป๋หลงก็ไม่เลวเหมือนกัน ทำให้เขาค้นพบตราประทับเถียนหวงซึ่งเป็นสมบัติแห่งชาติ ซึ่งตราประทับนี้ไม่สามารถขายได้ และยังพบว่ามีเงินตำลึงสมัยราชวงศ์หมิงอีกหนึ่งหีบ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ เงินตำลึงเหล่านั้นไม่สามารถดำเนินการบางอย่างได้ชั่วขณะ ……
โลกใต้แม่น้ำนั้นเป็นเรื่องเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับการค้นหาในมหาสมุทร เป้าหมายอันสูงสุดของเขาคือมหาสมุทรดวงดาวอันกว้างใหญ่ไพศาล เขามักจะใฝ่ฝันว่าต้องหาซากเรืออับปางใต้ท้องมหาสมุทรให้พบ
แต่หลังจากที่เขาได้ลงไปยังก้นมหาสมุทรจึงรู้ทำให้รู้ว่า ใต้มหาสมุทรนั้นกว้างใหญ่มากเพียงใด ซากเรือหนึ่งล้านลำมีจำนวนมหาศาล แต่กระจายอยู่ในท้องมหาสมุทรของทั่วโลก การเสาะหาจึงทำได้ยากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนที่ยังไม่ได้ควบคุมปลาทูน่าครีบเหลืองและปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ เขาทำได้เพียงล่องเรือเข้าใกล้มหาสมุทรเท่านั้น
ครั้งนี้เมื่อเขาได้ปล่อยปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือไปเสาะหาซากเรือ เขาต้องการหาซากเรืออับปางให้พบให้ได้ เจ้าปลาทูน่าว่ายน้ำในทะเลลึกนานกว่าครึ่งชั่วโมงมันเริ่มอ่อนล้า แต่ถึงกระนั้นก็ยังหาซากเรืออับปางไม่พบอยู่ดี …
ในช่วงเวลานั้นกลับพบฉลามหลายตัว ฉลามเหล่านี้เต็มไปด้วยความสนใจในปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือขนาดใหญ่ ฉินสือโอวไม่มีเวลาเล่นกับพวกมัน จึงปลดปล่อยพลังโกรธของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกมา เจ้าฉลามเหล่านี้ก็เจียมเนื้อเจียมตัวจากไปในทันที
ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือว่ายวนไปมาในท้องทะเล ฉินสือโอวหาไม่พบแม้แต่ร่องรอยของซากเรือ ท้ายที่สุดเขาเหมือนดั่งผู้แพ้พนันที่ไม่รู้จักการยับยั้งช่างใจ ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็จะต้องหาซากเรืออับปางให้ได้
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือใช้เวลาพักผ่อนนานกว่าสิบนาที จากนั้นไปจึงออกเดินทางอีกครั้ง ว่ายออกไปเป็นระยะทางกว่า 100 ไมล์ทะเล และในที่สุดก็พบเงาของซากเรือขนาดใหญ่!
“ฉันจะเป็นเศรษฐีแล้ว!” ฉินสือโอวเกือบจะตะโกนลั่นออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ เขาลุกขึ้นจากเตียง ทำให้ฉงต้า หู่จือและเป้าจือตกใจ แต่ทั้งสามเพียงแค่พลิกตัวพลางมองไปยังฉินสือโอวอย่างระมัดระวัง
“ออกไป ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่!” ฉินสือโอวตะโกน ทั้งสามมองหน้ากันอย่างเบื่อหน่าย และล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ฉงต้าส่งเสียงร้องอย่างน้อยใจ ที่มันตื่นไม่ใช่เพราะฉินสือโอวทำให้มันตกใจตื่นหรอกเหรอ
ซากเรือที่ปรากฏด้านหน้าของปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือน่าจะเป็นเรือเหล็กยักษ์บรรทุกสินค้า ความยาวมากกว่า 100 เมตร จุดที่กว้างที่สุดคือกาบเรือที่มีความกว้างมากกว่า10 เมตร ดูก็รู้ว่ามันมีขนาดใหญ่มหึมาแค่ไหน
ดาดฟ้าของเรือกว้างมากจนสามารถใช้เป็นสนามบาสเกตบอลได้ และมีห้องโดยสารอย่างน้อยสี่ชั้น มีปล่องไฟใหญ่อยู่ตรงกลางของเรือ ลำเรือทอดยาวเหมือนหอกอันแข็งแกร่งในทะเล
แม้ว่าทุกวันนี้มันจะจมลงอยู่ก้นทะเล แต่ก็ไม่ได้ลดความน่าเกรงขามของเรือลำนี้ไป มันช่างเหมือนกับสัตว์ร้ายตัวใหญ่ที่แฝงตัวอยู่ใต้ทะเล เป็นอะไรที่น่ากลัวเสียจริง!
นี่คือพลังของมนุษยชาติ ถึงแม้ว่ามันจะทรุดโทรมถึงเพียงนี้ ลำเรือถูกปกคลุมด้วยสนิมเหล็ก สนิมทองแดง หน้าต่างทุกบานชำรุดทรุดโทรม แต่มันก็ยังคงเป็นยักษ์ใหญ่มหึมาที่ใหญ่กว่าสิ่งมีชีวิตอื่นใดใต้มหาสมุทร
ในสายตาของฉินสือโอว เรือลำนี้เป็นสมบัติที่สิ่งมีชีวิตทางทะเลไม่สามารถเทียบค่าได้เลย แม้แต่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือที่มีมูลค่านับล้านก็ยังเทียบค่าไม่ได้เช่นกัน
ฉินสือโอวเลื่อมใสในตัวบรรพบุรุษ เขาให้ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือค่อยๆเคลื่อนเข้าหาซากเรืออับปางยักษ์อย่างช้าๆ กระนั้นไม่สามารถรู้ได้ว่าเรือลำนี้มันอยู่อย่างโดดเดี่ยวในมหาสมุทรนี้มากี่ร้อยปีแล้ว สามารถมองเห็นสนิมปกคลุมได้ในเกือบทุกนิ้วของตัวเรือ
จากด้านข้างของเรือ ยังสามารถเห็นตัวอักษรขนาดใหญ่ที่ทาด้วยสีน้ำมัน นั่นก็คือ Sir-Wilfrid-Laurier คาดว่าคงเป็นชื่อของเรือลำนี้
ภาษาอังกฤษบรรทัดนี้แปลได้ว่า ‘เซอร์ วิลฟรีด ลอเรล’ น่าจะเป็นชื่อเรียกของเรือลำนี้ ชื่อนี้สำหรับฉินสือโอวแล้วเป็นที่คุ้นเคยดี เพราะเขาเห็นสุภาพบุรุษคนนี้เกือบทุกวัน
เซอร์ วิล ฟรีด ลอเรลนายกรัฐมนตรีคนที่เจ็ดของแคนาดา และเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเชื้อชาติฝรั่งเศสสัญชาติแคนาดาคนแรก ปัจจุบันนี้รูปครึ่งตัวของเขาถูกพิมพ์ลงบนธนบัตร 5 ดอลลาร์แคนาดา
ฉินสือโอววนรอบตัวเรือไปหนึ่งรอบ เขาทนรอไม่ไหวที่จะเข้าไปในตัวเรือใหญ่ยักษ์ลำนี้ เมื่อเข้าไปใกล้ๆตัวเรือพบว่าเรือนี้เป็นเรือรบ และมันจัดได้ว่าเป็นเรือรบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตรงดาดฟ้าหัวเรือมีปืนใหญ่สี่กระบอกอนุภาครุนแรงหาที่เทียบไม่ได้ ขนาดลำกล้องประมาณ 127มม.
นอกจากนี้ด้านข้างตรงกาบเรือมีปืนลำกล้องขนาดเล็ก ท้ายเรือมีปืนต่อต้านอากาศยานกระบอกเดี่ยวขนาดสามนิ้วสองกระบอก ปีกทั้งสองข้างมีปืนต่อต้านอากาศยานกระบอกเดี่ยวหนึ่งกระบอก บวกกับตอร์ปิโดใต้น้ำอีกแปดกระบอก กล่าวได้ว่าเรือติดอาวุธลำนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ
ฉินสือโอวทอดถอนหายใจไปกับเรือรบติดอาวุธทรงพลังนี้ พลางใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนปกคลุมเรือลำนี้ไว้
หลังจากได้หีบสมบัติมาจากแม่น้ำไป๋หลง จิตสำนึกแห่งโพไซดอนได้รับการวิวัฒนาการมาถึงขั้นที่สอง พื้นที่ภายใต้การควบคุมของมันมากกว่าสิบตารางกิโลเมตร
เมื่อจิตสำนึกแห่งโพไซดอนปกคลุมซากเรืออับปาง ทำให้จิตใจอันร้อนรุ่มของฉินสือโอวเย็นลงอย่างรวดเร็ว
บนซากเรือลำนี้ไม่มีอะไรที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เลย!
ในห้องผู้โดยสารมีกระดูกผุอยู่ ห้องเก็บกระสุนปืนมีกระสุนปืนใหญ่ที่มีน้ำเข้าสนิมเกาะ อีกทั้งลูกปืนและตอร์ปิโด ห้องซ่อมบำรุงมีอะไหล่อุปกรณ์เรือรบจำนวนมากที่สามารถนำมาเปลี่ยนได้ นอกนั้น ในเรือลำนี้ไม่มีอะไรเลย …
ทอง? เงิน? งานศิลปะ? เซรามิก? ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง! ไม่มีอะไรทั้งนั้น!
ความหวังของเขาพังทลายลง อารมณ์ตื่นเต้นเมื่อครู่กลับกลายเป็นความสิ้นหวัง เพียงแค่วินาทีเดียว มันลุ้นระทึกมากกว่าการนั่งรถไฟเหาะเสียอีก ฉินสือโอวรู้สึกเกลียดชังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนของเขาที่รู้ไปหมดเสียทุกอย่างชั่วขณะ หากเขาไม่รู้อะไรเลย ค่อยๆสำรวจไปทีละส่วนๆ และท้ายที่สุดเมื่อพบกับความผิดหวัง ความรู้สึกนั้นคงดีกว่าความรู้สึกในตอนนี้ของเขามากนัก
“บ้าที่สุด!” ฉินสือโอวอุทานด้วยความขุ่นเคืองใจ หู่จือและเป้าจือเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนเจ้าทึ่มฉงต้านั้นพอฉลาดขึ้นมาบ้าง มันนอนหลับอย่างสบายใจ ไม่สนใจเรื่องใดๆทั้งนั้น
ฉินสือโอวเรียกปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือกลับมา เขาผล็อยหลับไปอย่างอึดอัดใจ บ้าไปแล้ว อย่าไปฝันกลางวันเกี่ยวกับการหาสมบัติในซากเรืออับปางอะไรนั่นอีก กลับไปตั้งอกตั้งใจเลี้ยงปลาเสียดีกว่า
เมื่อเขาตื่นขึ้นในเช้าวันถัดมา ฉินสือโอวยังคงไม่ยอมแพ้ เขาเข้าไปสืบค้นข้อมูลของเรือรบ ‘เซอร์ วิลฟรีด ลอเรล’ในอินเทอร์เน็ต ผลการค้นหาทำให้หัวใจของเขาสลายอีกครั้ง
เรือรบนี้เป็นเรือรบของแคนาดาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองจริงๆ แต่มันไม่ใช่เรือประจัญบาน มันเป็นเรือพิฆาต เรือลำนี้เปิดตัวในปีค.ศ. 1920 เป็นเรือรบที่รัฐบาลแคนาดาและรัฐบาลฝรั่งเศสร่วมกันสร้างขึ้นในเวลานั้น ประจวบเหมาะกับวันครบรอบปีแรกของการเสียชีวิตของ เซอร์ วิลฟรีด ลอเรล จึงได้ตั้งชื่อเรือลำนี้ตามชื่อของอดีตนายกรัฐมนตรี
ชะตากรรมของเรือลำนี้ช่างน่าอนาถใจนัก เปิดตัวมายี่สิบปีไม่มีโอกาสสู้รบในสงคราม ในเดือนกันยายน ปีค.ศ. 1939 แคนาดาประกาศสงครามกับเยอรมันพร้อมๆกับอังกฤษ เรือรบพิฆาต ‘เซอร์ วิลฟรีด ลอเรล’ ได้โอกาสออกโรงเสียที
วันที่ 3 กันยายน เป็นวันที่แคนาดาประกาศสงครามกับเยอรมัน ในวันเดียวกันนั้นเรือดำน้ำเยอรมันโจมตีเรือโดยสารอะธีนาในมหาสมุทรแอตแลนติก เส้นทางเดินเรือในมหาสมุทรแอตแลนติกถูกคุกคามอย่างหนัก รวมถึงเส้นทางลำเลียงที่สำคัญทางทะเลซึ่งเชื่อมต่ออังกฤษกับแคนาดาตะวันออกเฉียงใต้ กลายเป็นจุดสนใจของทั้งสองฝ่ายในการทำสงครามในทันที
ดังนั้นกองทัพเรือของแคนาดาจึงส่งกองทัพกลุ่มแรกที่มีเรือพิฆาตชั้นแม่น้ำหกลำเป็นกำลังหลักในการต่อสู้ หนึ่งในนั้นมี ‘เซอร์ วิลฟรีด ลอเรล’ เป็นกองหน้า
น่าเสียดายที่เรือรบนี้ช่างโชคร้ายนักยังไม่ได้ออกจากน่านน้ำแคนาดา แต่ถูกกองกำลังเรือดำน้ำของเยอรมันซีวูล์ฟยูซุ่มโจมตี กองทัพเรือฮิตเลอร์ต้องการสำแดงพลานุภาพให้ชาวอเมริกันได้รับรู้ จึงโจมตีเรือลำนี้จนจมน้ำเสียตั้งแต่หน้าประตู ……
“ให้ตายสิ นายทำไมไม่เอาทองคำ เงิน หรือของมีค่าอื่นๆมาด้วยนะ”
ในขณะที่ฉินสือโอวอ่านข้อมูลอยู่นั้นเขาทอดถอนหายใจอย่างแสนเสียดาย ในขณะนั้นเรือลำนี้ไม่ได้นำเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่ทำด้วยทองคำหรือเงินมาด้วย เนื่องจากกัปตันเรือของพวกเขาคือนายพลกาเบรียล ไฮน์ เป็นนายพลกรมฝ่ายพลเรือนที่มีชื่อเสียงของกองทัพเรือแคนาดา
ขณะที่เขายังตรวจสอบข้อมูลอยู่ มีเรือบรรทุกสินค้าหนักหนึ่งพันตันลำหนึ่ง เคลื่อนที่เข้ามายังท่าเรือฟาร์มปลาด้วยเสียงดังก้อง
หู่จือและเป้าจือที่กำลังนอนราบอยู่ที่หน้าประตูส่งเสียงเห่าพร้อมกับวิ่งไปที่ท่าเรือ ส่วนเจ้าฉงต้านั้น คาดว่ามันคงเคยเห็นเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่หนักถึงหนึ่งพันตันเป็นครั้งแรก มันตกใจกลัวจนตาถลน หันตัวกลับได้ก็วิ่งเข้าไปในบ้านทันที
พอดีกับฉินสือโอวที่กำลังจะออกไปทักทายทีมสถาปัตยกรรมเวล พอเห็นเจ้าฉงต้ากลัวจนหัวหดตดหาย เขาตะโกนด่าอย่างเหลืออด “ไอ้ขี้ขลาด!”
หลังจากใช้พลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็เห็นว่าเจ้าพวกนี้ฉลาดอย่างเหลือเชื่อ แม้แต่เจ้าฉงต้าที่ทั้งโง่ทึ่มแต่ก็น่ารัก มันแทบจะเข้าใจการแสดงออกของฉินสือโอวได้เป็นอย่างดี
เมื่อถูกฉินสือโอวมองด้วยสายตาดูแคลน มันก็หันกลับไปหาเรือยักษ์และส่งเสียงร้องคำราม ถึงแม้เสียงคำรามของมันยังอ่อนหัดนัก แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นหมีโคดิแอคแห่งขุนเขาเสี้ยวเอ้าอยู่ดี และยังคงความน่าเกรงขามอยู่บ้าง
หลังจากคำรามไปไม่กี่ครั้ง เจ้าฉงต้าหัวหดตดหายรีบมุดหัวเข้าไปในบ้านอีกครั้ง ฉินสือโอวจนใจไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี…
……………………………………………….