ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 902 โจมตีสองทาง
ไม่เท่าไรทั้งสามที่ถือว่าเป็นเจ้าแห่งแนวปะการังก็แพ้ราบคาบ
จำนวนของปูหิมะมีเยอะเกินไป พวกมันดาหน้ากันเข้ามาเหยียบตัวของเพื่อนกองกันขึ้นไป ขอแค่โดนถูกตัวพวกมันก็จะใช้ก้ามหนีบอย่างเหี้ยมโหด ไม่นานร่างของทั้งสามก็มีแต่บาดแผลเต็มไปหมด
พอเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ฉินสือโอวก็ได้แต่เรียกทั้งสามกลับมา เขาอยากจะเปลี่ยนเป็นกองทัพงูเหลือมทะเล แต่ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของเหล่างูเหลือมทะเลระหว่างฤดูหนาวนั้นต่ำเกินไป ตอนนี้กำลังหลบจำศีลอยู่ในแถบทะเลกระแสน้ำอุ่นออกมาไม่เท่าไรก็คงจะหนาวจนแข็ง
แบบนี้เขาก็เลยได้แต่เรียกรวมฝูงกั้งตั๊กแตนเจ็ดสี
ทั้งสามว่างหนีเข้ามาในเขตทะเลที่มีจิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมอย่างน่าสงสาร ฉินสือโอวถ่ายพลังโพไซดอนให้พวกมันเพื่อเป็นการปลอบใจ พวกมันถึงค่อยดีขึ้นหน่อย
เพียงแต่ทั้งสามเสียความมั่นใจอย่างมากในครั้งนี้ เมื่อก่อนปูหิมะเป็นหนึ่งในอาหารที่ไม่อยู่ในสายตาพวกมันมากที่สุด นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะเกือบตายเพราะโดนล้อมเล่นงาน เชื่อว่าถ้าทั้งสามตัวไม่สามารถพังกำแพงปูหิมะออกมาได้ ปูหิมะที่กรูกันเข้ามาก็เป็นเหมือนมดที่กินช้างได้เลย
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแบ่งไปสองทาง ทางนี้ก่อคลื่นใต้น้ำพัดเอาปูหิมะที่อยู่รอบๆ กลับไป อีกด้านก็สร้างคลื่นม้วนซัดพาเหล่ากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีมาให้ไวที่สุด
กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีจะเข้าสู่ช่วงผสมพันธุ์เดือนเมษายนถึงกันยายนของทุกปี ตัวเมียวางไข่ได้มากถึงครั้งละแสนฟอง แต่อัตราการฟักไข่ค่อนข้างต่ำ เพราะกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไม่มีการปกป้องกันแบบกลุ่ม หลังจากที่ฟักตัวแล้ว กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีในวัยเยาว์จะมีโปรตีนสูงมาก เป็นอาหารเลิศรสของปลากับกุ้ง ในช่วงนั้นถือว่าอันตรายมากสำหรับพวกมัน สุดท้ายที่โตเป็นกั้งเต็มวัยปกป้องตัวเองได้ก็มีเพียงหนึ่งในพัน
อีกอย่างกั้งชนิดนี้ใช้เวลาหนึ่งปีถึงจะโตเต็มวัย ดังนั้นตอนนี้ฝูงกั้งก็ยังคงมีผู้กล้าทั้งห้าร้อยตัวในตอนนั้น แต่ก็มีกั้งที่ตัวเล็กใหญ่สั้นยาวประมาณนิ้วก้อยเพิ่มมาด้วย
วิวัฒนาการของพลังโพไซดอนทำให้กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีสามัคคีกันมากขึ้น เดิมทีพวกมันจะไม่สนใจความเป็นความตายของกั้งตัวเล็ก แต่ฝูงนี้จะค่อนข้างปกป้องคุ้มครองกั้งเล็กในอาณาเขตที่อยู่อาศัยของมัน
แน่นอนว่ายังเกี่ยวข้องกับการที่ไม่มีสัตว์นักล่าอื่นๆ ในแถบทะเลที่พวกมันอาศัยอยู่ด้วย กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีคืออะไร? ราชาเผด็จการแห่งท้องทะเล พวกบ้าระห่ำที่กล้าไปมีเรื่องกับหมึกยักษ์!
แบบนี้พวกที่ฉลาดหน่อยอย่างฝูงปลาอีโต้มอญก็จะไม่กล้าไปกร่างในเขตที่อยู่ของพวกมัน
กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีโดนคลื่นซัดมาถึงขอบทะเลแถบแนวปะการัง พวกมันลุกขึ้นแบบงงๆ พอหันไปก็เจอกับฝูงปูหิมะที่กรูเข้ามาอย่างน่ากลัว
กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีห่อขาคู่แรกเก็บเข้าไปแล้วเผยขาคู่สองที่แข็งแรงที่สุดออกมาอย่างไม่ลังเล
สิ่งที่พลังโพไซดอนทำการเปลี่ยนกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีก็คือทำให้ขาของพวกมันแข็งแรงมากขึ้น ข้อหน้าสุดของขาพวกมันจึงเป็นทรงหนามเดี่ยว ที่ปลายดำสนิท ดูเหมือนเหล็กปลายแหลม แหลมคมมากทีเดียว
ส่วนฐานของแขนขากับดักจะหลั่งไคทินเพื่อทำให้ส่วนที่นูนออกมาหนาขึ้น แบบนี้ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากกว่าเดิม สามารถรับทนต่อแรงปฏิกิริยาในตอนที่ปลายแหลมปลายขาแทงออกไป
ในขณะเดียวกันถ้าพวกมันซ้อนขาแล้วเก็บปลายแหลมของข้อหน้า ส่วนที่เพิ่มความหนาก็จะกลายเป็นเหล็กปลายแหลมเหมือนค้อนสปริงขนาดเล็ก
แบบนี้ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นสัตว์มีเปลือกหรือประเภทหอยก็จะสามารถทำอันตรายฝ่ายตรงข้ามได้ พูดได้ว่าจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกำลังเปลี่ยนให้กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีกลายเป็นนักฆ่าแห่งท้องทะเลที่น่ากลัวกว่าเดิม
ถ้าร่างกายของพวกมันยาวถึงหนึ่งเมตร ฉินสือโอวไม่สงสัยเลยว่ากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีจะสามารถต่อกรกับกองทัพเรือสหรัฐได้เป็นอย่างดี
กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีถือว่าเป็นมือดีในการรับมือกับปูทะเล พอทั้งสองฝ่ายมาประจันหน้ากัน ฟองอากาศมากมายลอยขึ้นจากก้นทะเล ทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์ซูเปอร์คาวิเทชั่น
ฝูงปูหิมะแถวหน้าถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ด้วยพลังทำลายล้างมหาศาล กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีตั้งแถวออกโจมตีราวกับจ้าวจื่อหลงที่บุกเข้าตีทัพเฉา พวกมันบุกเข้าโจมตีในแนวนอน ไร้ซึ่งศัตรูที่สามารถต่อกรกับพวกมันได้!
โจมตีไปหลายครั้ง ปูหิมะก็ทิ้งซากหลายพันไว้แถมสภาพยังน่าอนาถมากด้วย ประมาณว่าถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แล้วถูกพัดไปตามกระแสน้ำที่ก้นทะเล
ของหายากมักจะแพง ปูหิมะเป็นทรัพยากรปูที่มีมากที่สุด แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันไม่มีราคา ปูหิมะจากฟาร์มปลาต้าฉินสามารถขายปอนด์ละหลักร้อยดอลลาร์แคนาดาได้อย่างสบายๆ
นี่ก็หมายถึง ฉินสือโอวเสียรายได้หลายแสนดอลลาร์แคนาดาในคราวเดียว
เพียงแต่ฉินสือโอวไม่สนใจ ถ้าปล่อยให้ฝูงปูหิมะเข้ามาในแนวปะการัง สิ่งที่เขาจะสูญเสียก็ไม่ใช่สิ่งที่วัดได้ด้วยเงินแล้ว และอีกอย่างหนึ่ง ฟาร์มปลาเป็นระบบนิเวศ ซากปูหิมะสามารถกลายเป็นอาหารให้ปลากุ้งต่อไป สุดท้ายรายได้ก็เข้ากระเป๋าเขาอยู่ดี
ปูหิมะหัวสมองทึ่ม แต่ก็รู้ว่าถ้าเจอศัตรูธรรมชาติก็ต้องหนี ความโหดดุของกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีทำให้พวกมันกลัวมาก พวกมันเอียงตัวแล้วรีบถอยกลับทันที
กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีออกแรงได้แต่ไม่ค่อยทน ในเวลาปกติพวกมันออกแรงโจมตีด้วยขาหน้าทีหนึ่งก็ต้องพักผ่อนหลายชั่วโมงถึงจะฟื้นฟูแรงที่เสียไปได้ แต่พลังโพไซดอนเปลี่ยนประสิทธิภาพร่างกายของพวกมัน ทำให้สามารถโจมตีติดต่อกันได้ราวๆ สิบครั้ง
ฉินสือโอวเองก็ถ่ายพลังโพไซดอนให้พวกมันอยู่ตลอดเพื่อให้พวกมันมาไล่ปูหิมะ
กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีขวางทัพปูหิมะที่ดาหน้าเข้ามาไปเล็กน้อย ฉินสือโอวเรียกทัพเสริมออกมาอีกทัพหนึ่ง นั่งก็คือหมึกยักษ์ คราเคน!
คราเคนค่อยๆ ลอยตัวขึ้นมาจากทะเลลึก มันจำเป็นจะต้องปรับตัวเพื่อให้ชินกับความดันน้ำทะเลถึงจะขึ้นมาเหนือผิวน้ำได้ ปกติพวกมันจะทำแบบนี้น้อยมาก ฉะนั้นคนจึงจับหมึกยักษ์เป็นๆ ได้ยากมาก ที่เจอส่วนใหญ่จึงจะเป็นซาก
หลังจากที่ลอยตัวขึ้นมา ฉินสือโอวก็ถ่ายพลังโพไซดอนให้คราเคน มันอ้าปากยักษ์ใหญ่อยู่ข้างหลังปูหิมะและสร้างแรงดูดมหาศาลดูดเอาปูหิมะและน้ำทะเลเข้าปากไป จากนั้นก็กรองเอาน้ำทะเลออกเหลือไว้แต่ปูหิมะ
หลังกินจนอิ่ม หนวดยาวอวบใหญ่ยักษ์ที่มีเรี่ยวแรงมหาศาลกวาดไปทั่วบนพื้นทะเล ปูหิมะที่อยู่บนพื้นจึงโดนกวาดกระเด็นกระดอน
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำให้เกิดคลื่นขึ้นอีกพัดเอาปูหิมะกลับไปในแดนลึกของทะเล
ฉินสือโอวใช้เวลาสี่ถึงห้าชั่วโมงถึงสามารถพัดเอากองทัพปูหิมะกลับไปยังพื้นทะเลหลายสิบกิโลเมตรที่ไกลออกไปได้
ทั้งกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไล่ล่าทั้งโดนหมึกยักษ์จับกิน เหล่าปูหิมะลืมความล่อตาล่อใจของพลังโพไซดอนไปนานมากแล้ว พวกมันทึ่ม ความจำก็มีไม่เกินห้าวินาที ขอแค่ขวางกั้นการรับรู้ที่มีต่อพลังโพไซดอนเป็นเวลาสั้นๆ พวกมันก็จะล่าถอยไปเอง
มองดูฝูงปูค่อยๆ สงบลง ฉินสือโอวก็ถอนหายใจออกมา เดี๋ยวตอนพวกชาวประมงออกทะเลคงต้องคิดหาวิธีจับปูหิมะมาสักส่วนหนึ่ง ความสามารถในการขยายพันธุ์ของเจ้าพวกนี้สูงมาก ยิ่งกินสาหร่ายที่มีพลังโพไซดอนเข้าไปก็ยิ่งโตไว ถ้าไม่รีบจัดการ ปัญหาเรื่องจำนวนของพวกมันจะต้องกลายเป็นภัยในสักวันแน่
ตอนนี้ฉินสือโอวรู้แล้วว่าการเอาแต่ถ่ายพลังโพไซดอนให้ฟาร์มปลาก็ไม่ดี การเพิ่มจำนวนมากๆ ของเผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์หนึ่งก็สามารถทำให้ห่วงโซ่อาหารพินาศได้
กลับมาถึงฟาร์มปลา ชาร์คก็ถามเขาว่าเจออะไรบ้าง ฉินสือโอวเลยได้จังหวะพูดถึงเรื่องฝูงปูพอดี “ช่วงหลายวันนี้ไปเตรียมหม้อปูมาสักหน่อย ออกทะเลครั้งหน้าเราจะไปจับปูหิมะกัน”
หม้อปูคือชื่อที่พวกชาวประมงนิวฟันด์แลนด์ใช้เรียกลอบดักปู เพราะเหล่ากรงเหล็กพวกนี้ดูอย่างกับหม้อก็ไม่ปาน
………………………………………………