ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา - บทที่ 910 แย่งอาณาเขต
พวกทหารภูมิใจในตัวเองที่สามารถฝึกฉงต้าได้สำเร็จ ฉินสือโอวหาวแล้วเอ่ยถาม “ที่พวกนายว่าฝึกฉงต้าก็คือแบบนี้เองเหรอ?”
แบล็คไนฟ์พูดอย่างเย่อหยิ่ง “แน่นอนบอส นี่ก็คือการฝึกแบบวิทยาศาสตร์…”
ฉินสือโอวพูดแทรกเขา หยิบชีสหมักขึ้นมาชิ้นหนึ่งไปซ่อนไว้ที่หลังต้นไม้ห่างออกไปสองร้อยกว่าเมตร พอกลับมาเขาก็เอามือไปป้ายบนจมูกของฉงต้าแล้วพูดว่า “ไป ไปเอาของกลับมาให้พ่อ”
ฉงต้าบุ้ยปากนั่งลงบนพื้นเอาแต่สนใจเล่นอุ้งมืออ้วนของตัวเอง ดูมีความสุขใช่เล่น
คราวนี้ถึงตาพวกทหารหัวเราะเยาะบ้าง แล้วพูดยิ้มๆ ว่า “บอส ฉงต้าเป็นหมีสีน้ำตาล พวกมันไอคิวต่ำมาก คุณคุยกับมันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
ฉินสือโอวยิ้มออกมา เขาไม่ได้สนใจพวกทหารที่หัวเราะเขาอยู่ แต่โอบคออ้วนของฉงต้าแล้วพูดว่า “แม่วินนี่ช่วงนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีหรอกนะ ที่รัก ฉันเอาแกให้เธอจัดการเป็นไง? ให้เธอเอาแกไปลดความอ้วนระบายอารมณ์เวลาหงุดหงิด?”
ตาดำของฉงต้าเคลื่อนไปมา ไขมันบนหน้าสั่นกระตุก หลังจากนั้นก็ลุกพรวดขึ้น ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นชีสบนมือของฉินสือโอว จากนั้นก็วิ่งไปทางต้นไม้ใหญ่อย่างไม่ลังเล
มันวิ่งไปหลังต้นไม้ ใช้อุ้งเท้าคุ้ยหาชีส ฉงต้าคาบไว้ในปากแล้ววิ่งกลับมา จากนั้นก็นั่งลงตรงหน้าฉินสือโอวด้วยท่าทีเชื่องแล้วเอาชีสวางลงบนฝ่ามือของเขา มันยังประจบโดยการแลบลิ้นออกมาเลียมือของเขาด้วย
เหล่าทหารสังเกตเห็น หางสั้นๆ ของเจ้านี่กระดิกรัวอย่างรวดเร็วอย่างกับหมา
ฉินสือโอวยักไหล่ให้พวกทหาร เหล่าทหารสะบัดหมวกทิ้งไปแล้วเริ่มก่นด่า “ขี้โกงนี่!” “ไอ้เวรฉงต้า แกมานี่ ฉันรับรองว่าจะไม่ตีแกจนตาย!” “บอสแกล้งเราเกินไปแล้วนะ!”
นีลเซ็นทำหน้าเหมือนเจ็บปวดแล้วโอดครวญ “ทำไมบอส ทำไมบอสถึงดูพวกเราเป็นตัวตลก?”
ฉินสือโอวปลอบเขาว่า “ชีวิตในฤดูหนาวน่าเบื่อเกินไปจริงๆ ถ้าไม่มีพวกบื้ออย่างพวกนายมาคอยทำให้หัวเราะ ฉันคงจะจำศีลแบบเบื่อๆ”
“ให้ตายเถอะ!”
ฉงต้ามีความสามารถที่จะหาทรัฟเฟิล นี่คือการค้นพบที่ไม่เลว ฉินสือโอวตั้งใจจะพามันขึ้นเขาไปหาทรัฟเฟิลจริงๆ แน่นอนว่าประเด็นคือพวกเขาต้องโชคดี เข้าไปใกล้ตำแหน่งที่ทรัฟเฟิลอยู่
ปรากฏว่าในคืนวันที่เขาตัดสินใจนั้นเอง พยากรณ์อากาศก็รายงานข่าวร้ายอีก กระแสลมเย็นอาร์กติกลงไปทางใต้อีกครั้ง นครเซนต์จอห์นกำลังจะมีหิมะตก เทศบาลต่างเคลื่อนไหวเตือนให้ประชาชนกักตุนอาหารและเชื้อเพลิงเพื่อรับมือกับสภาพอากาศอันเลวร้าย หิมะครั้งนี้ไม่มีทางตกเบาแน่ๆ
วันที่สองเหมาเหว่ยหลงพาภรรยากับตั๋วตั่วมาที่ฟาร์มปลา ตอนที่ฉินสือโอวรับสายเขาก็ตกใจยกใหญ่ เขาพูดว่า “แกมาที่ฟาร์มฉันทำอะไร? ไม่อยู่ในฟาร์มแห่งสวรรค์ของแกแล้วเหรอ?”
ก่อนหน้านี้เขาเชิญเหมาเหว่ยหลงมาเที่ยวเล่นหลายครั้งแต่เจ้านี่ไม่ยอมมา บอกว่าที่ฟาร์มปลาสบายไม่เท่าที่ฟาร์มของเขา ที่นั่นถึงจะเป็นเหมือนกับสรวงสวรรค์
ถอดเสื้อนอกหนาออก เหมาเหว่ยหลงก็ยิ้มแฉ่ง “ให้ตายสิ ฉันมาจำศีลที่บ้านแกไง หิมะลูกนี้จะกลบรัฐออนแทรีโอกับนิวฟันด์แลนด์ ฟาร์มฉันก็มีแค่สามคน เปิดเครื่องทำความร้อนก็เปลืองเกินไป ไม่สู้มาขอแบ่งความอุ่นจากแกดีกว่า”
ฉินสือโอวยกนิ้วโป้งชี้ไปที่เขาแล้วพูดชม “แกนี่ฉลาดจริงๆ คำโบราณว่าไว้ไม่ผิด คนเราพอแต่งงานก็โตเป็นผู้ใหญ่ แกก็ประหยัดเป็นด้วยเหรอ? หาได้ยากแท้!”
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะพลางเก็บห้อง ตั๋วตั่วเปิดลังกระดาษที่พวกเขาเอามาด้วย อเมริกันบูลลี่ห้าตัวที่โตพอๆ กับลูกหมูต่างก็แย่งกันวิ่งออกมา
ฉินสือโอวเบิกตาโพลงแล้วพูดกับเหมาเหว่ยหลง “แกก็ไม่เกรงใจเพื่อนเลยจริงๆ ในบ้านมีใครก็พามาครบหมด?”
เหมาเหว่ยหลงหันมายิ้ม “เปล่า โคนมฉันฝากข้างบ้านแล้วก็เลยไม่ได้เอามาด้วย”
ฉินสือโอวถอนหายใจแล้วพูดแบบหงอยๆ “ที่ควรเอามาก็ไม่เอามา ไม่ควรเอามาก็เอามาหมด”
ถ้าเอาโคนมมา ตอนเช้าเวลากินนมก็ไม่ต้องจ่ายเงินแล้ว ถ้าเกิดหิมะปิดถนนยังกินเนื้อวัวได้ด้วย
ปรากฏว่าพอเขาพูดจบแล้วมองลงไปก็เจอกับตั๋วตั่วที่มองเขาด้วยสีหน้าปวดใจ
ฉินสือโอวหยิกแก้มยุ้ยบนหน้าของเธอแล้วปลอบใจ “เอาน่ะ ที่พ่อทูนหัวบอกว่าไม่ควรเอามาไม่ได้หมายถึงหนู ตั๋วตั่วเป็นคุณหนูตัวน้อยในฟาร์มปลา มาฟาร์มปลาตอนไหนก็ต้อนรับทั้งนั้น”
จู่ๆ วินนี่ที่กำลังช่วยหลิวซูเหยียนเก็บสัมภาระก็มองไปทางตั๋วตั่วด้วยสายตาแปลกๆ แล้วพูดขึ้นมา “ประสาทการได้ยินของเด็ก หายแล้วเหรอคะ?!”
ฉินสือโอวก็เพิ่งสังเกต นั่นสิ ก่อนหน้านี้ตั๋วตั่วไม่ได้สูญเสียการได้ยินเพราะป่วยหรอกเหรอ? เห็นปฏิกิริยาแบบนั้น เมื่อกี้น่าจะเข้าใจสิ่งที่ฉินสือโอวพูดนี่
ใบหน้าของหลิวซูเหยียนผุดรอยยิ้มพอใจออกมา เธอโบกมือเรียกตั๋วตั่วมากอดไว้ในอ้อมอกแล้วพูดเสียงค่อย “ขอบคุณพระเจ้า แฮมิลตันมีโรงพยาบาลผู้เชี่ยวชาญประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ดีมากคนหนึ่ง พวกเขาทำการรักษาตั๋วตั่ว ใส่คอเคลียเทียมให้เธอ ตอนนี้เธอกลับมาได้ยินส่วนหนึ่งแล้ว!”
ได้ยินคำของแม่ ตั๋วตั่วก็พยักหน้า อ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ส่งเสียง เพียงแค่ซุกหัวเข้ากับอกของหลิวซูเหยียน
ฉินสือโอวกับวินนี่แปลกใจมาก นี่เป็นข่าวดีจริงๆ ขอแค่ได้การฟังกลับคืนมา งั้นต่อไปทักษะภาษาก็จะค่อยๆ ฟื้นกลับมา!
หิมะกำลังจะตก โรงเรียนแกรนท์ก็เลยหยุดเรียนอีกแล้ว พวกเชอร์ลี่ย์กำลังเล่นกับตั๋วตั่ว
ฉินสือโอวมองดูเด็กๆ วิ่งเล่นเกลือกกลิ้งกันอยู่ในวิลล่าในใจก็รู้สึกดีใจ เขาโทรไปหาที่บ้าน ปีใหม่ปีนี้ไม่กลับไปแล้วให้พ่อแม่มาฉลองปีใหม่ที่นี่ วินนี่ในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะนั่งเครื่องนานๆ บนเที่ยวบินที่ทางไกล
ทางพ่อฉินยุ่งจนตัวเป็นเกลียว โรงแรมในเมืองเลือกสถานที่เสร็จแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนซ่อมแซม พ่อฉินก็กำลังช่วยดู
เด็กๆ กำลังเล่นกัน อเมริกันบูลลี่ทั้งห้าตัวก็เล่นกันอยู่ เหมาเหว่ยหลงนั่งเครื่องมาถึงเซนต์จอห์นแล้วก็เปลี่ยนขึ้นเรือข้ามฟาก พวกอเมริกันบูลลี่โดนยัดอยู่ในกล่องตลอดทางจนเบื่อแทบตาย
พอออกมาได้ พวกมันก็บ้ากันใหญ่ ปลดปล่อยพลังที่ถูกกักไว้ตลอดทาง
วิ่งไปครู่หนึ่ง อเมริกันบูลลี่ตัวหนึ่งยกขาขึ้นฉี่ที่ประตู
ฉินสือโอวไม่ได้สนใจ ผลักเหมาเหว่ยหลงให้เขาไปเอาไม้ถูพื้นมาทำความสะอาด ปรากฏว่าหลังจากที่อเมริกันบูลลี่ตัวนี้ฉี่เสร็จ ตัวอื่นก็เริ่มฉี่เลียนแบบ เพียงแต่พวกมันไม่ได้ฉี่ที่ประตู แต่กระจายกันไปฉี่ที่อื่น
อีกอย่าง พวกมันฉี่แบบทีละนิดละหน่อย เปลี่ยนที่ไปหลายที่
ฉินสือโอวเข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาหันไปด่าเหมาเหว่ยหลง “แกสอนเจ้าพวกนี้อย่างไรเนี่ย? พวกมันมาเป็นแขกหรือมาก่อสงครามคุกคาม? นี่มันฉี่กำหนดอาณาเขตนี่!”
เหมาเหว่ยหลงเองก็อึ้งไปแล้วพูดอย่างจนใจ “ฉันไม่ได้ดู เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?”
พอเหล่าอเมริกันบูลลี่ฉี่ หู่เป้าฉงหมาป่าหลัวปอและลิงซ์ก็โกรธทันที ในสายตาของสัตว์ป่า นี่ไม่ต่างอะไรกับการแย่งอาณาเขต เจ้าพวกนี้ปกติเวลาอยู่บ้านนอกจากแย่งความรักแล้ว ก็แย่งอาณาเขตกัน
ภายในยังตกลงกันไม่ได้เลย แล้วยังมีตัวใหม่มาแย่งอีกเหรอ? ไม่ต้องพูดมาก จัดการมันเลย!
…………………………………………….